ซีรีส์ภาคแยกอย่าง Monster Hunter Stories ในที่สุดก็ได้รับบทใหม่ที่มีกลยุทธ์, อารมณ์ และความเป็นภาพยนตร์มากขึ้นด้วย Monster Hunter Stories 3: Twisted Reflection. เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางใหม่ของ Capcom ที่มีต่อซีรีส์ที่น่าประทับใจมากขึ้นเรื่อยๆ นี้ ทีมงานของเราได้สัมภาษณ์ Executive Producer คุณ Ryozo Tsujimoto และ Art Director คุณ Takahiro Kawano ที่งาน gamescom asia x Thailand Game Show 2025

Stamina Gauge แนวคิดเก่าที่ถูกทำให้เป็นจริงในที่สุด
หนึ่งในการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญใน Monster Hunter Stories 3 คือการนำเกจ Stamina (stamina gauge) มาใช้สำหรับฮันเตอร์ ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้เล่นมีความคล่องแคล่วและมีทางเลือกเชิงกลยุทธ์ในการต่อสู้มากขึ้นโดยไม่สูญเสีย Kinship Gauge ไป คุณ Tsujimoto อธิบายว่าแนวคิดนี้จริงๆ แล้วมีต้นกำเนิดมาจากเกมภาคแรก “จริงๆ แล้วเราอยากจะเพิ่มเกจ Stamina เข้ามาตั้งแต่เกมภาคแรก แต่ในตอนนั้น กลุ่มเป้าหมายยังเด็กกว่า และเรากังวลว่าระบบจะซับซ้อนหรือจัดการได้ยากเกินไป”
เมื่อผู้เล่นมีอายุมากขึ้นและฐานแฟนๆ ของ Monster Hunter ก็ขยายใหญ่โตขึ้น นักพัฒนาจึงรู้สึกว่าถึงเวลาแล้วที่จะนำเสนอความท้าทายเชิงกลยุทธ์ที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น “มันไม่ใช่การทำให้เกมยากขึ้น แต่เป็นการให้ความลึกแก่ผู้เล่นและมีสิ่งให้พวกเขาคิดมากขึ้นระหว่างการต่อสู้” ดังนั้นเกจ Stamina จึงถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทำให้ระบบการต่อสู้รู้สึกมีกลยุทธ์มากขึ้น และเมื่อผู้เล่นชนะ ความพึงพอใจก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้น
ทำไมต้องเป็น Rathalos
สำหรับแฟนๆ Monster Hunter Stories แล้ว Rathalos ไม่ได้เป็นเพียงมอนสเตอร์ตัวหนึ่ง เขาเป็นสัญลักษณ์ของทั้งซีรีส์และมีบทบาทสำคัญในเนื้อเรื่องหลัก ตั้งแต่เกมภาคแรก เขาเป็นหน้าเป็นตาของการผจญภัยของเหล่า Riders มาโดยตลอด แม้ว่าจะมีตัวเลือกอื่นอีกมากมาย แต่การตัดสินใจที่จะคง Rathalos ไว้ใน Stories 3 นั้นได้ถูกกำหนดไว้ตั้งแต่ช่วงต้นของการพัฒนา “ตั้งแต่วินาทีที่เราเริ่มวางแผน Stories 3 เรารู้ว่าเราต้องเลือก Rathalos”
คุณ Tsujimoto ยอมรับว่ามีการถกเถียงกันภายในเกี่ยวกับการเปลี่ยนสัญลักษณ์นี้ด้วยมอนสเตอร์ตัวอื่นหรือแม้กระทั่งสร้างตัวใหม่ขึ้นมา แต่ทุกคนที่เกี่ยวข้องในทีมต่างเห็นพ้องกันว่าไม่มีอะไรสามารถแทนที่ Rathalos ได้ “Rathalos เป็นหน้าเป็นตาของซีรีส์ Stories มาโดยตลอด เป็นตัวแทนของความผูกพันระหว่าง Riders และมอนสเตอร์ของพวกเขา ความผูกพันนั้นเป็นสิ่งที่เราไม่ต้องการสูญเสียไป”
คุณ Tsujimoto ยังเน้นย้ำอีกว่า แม้ว่าผู้เล่นหลายคนจะคุ้นเคยกับ Rathalos อยู่แล้ว แต่ในครั้งนี้ เรื่องราวจะให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไป “เชื่อผมเถอะว่าครั้งนี้ เรื่องราวเข้มข้นและน่าติดตามมาก จนคุณอาจจะลืมไปเลยว่า Rathalos คือศูนย์กลางของเรื่องราว”

การเล่าเรื่องที่เป็นผู้ใหญ่ขึ้น เป็นภาพยนตร์มากขึ้น
แตกต่างจากสองเกมก่อนหน้านี้ ที่เน้นจิตวิญญาณการผจญภัยแบบมังงะ/อนิเมะแนวโชเน็น (shōnen) อย่างหนัก ภาคที่สามนี้นำเสนอความรู้สึกที่เป็นผู้ใหญ่และลึกซึ้งยิ่งขึ้น คุณ Tsujimoto อธิบายว่าพวกเขาต้องการเสริมสร้างโครงสร้างของเรื่องราวและเจาะลึกประสบการณ์ของตัวละครด้วยสิ่งที่ซับซ้อนกว่า “ใน Stories 1 และ 2 เรามองโลกผ่านมุมมองของ Riders เป็นหลัก ในเกมที่สามนี้ เราต้องการสร้างโครงเรื่องที่มั่นคงและมีโครงสร้างมากขึ้น เป็นเรื่องราวที่สามารถเจาะลึกประสบการณ์ของพวกเขาและโลกรอบตัวพวกเขาได้มากขึ้น”
คุณ Kawano ก็เสริมว่าทิศทางศิลปะและการนำเสนอภาพก็เป็นไปตามความเป็นผู้ใหญ่ของเรื่องราวเช่นกัน “ครั้งนี้ โลกของเกมมีความซับซ้อนมากขึ้น ดังนั้นทิศทางของภาพจึงต้องสะท้อนถึงความเป็นผู้ใหญ่ขึ้นนั้นด้วย เราต้องการบางสิ่งที่ให้ความรู้สึกยิ่งใหญ่และเหมือนภาพยนตร์มากกว่าซีรีส์” ด้วยฉากหลังของสองอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ซึ่งพัวพันกับความขัดแย้งทางอุดมการณ์ โทนของเรื่องราวจึงเข้มข้นและมีความเป็นภาพยนตร์มากกว่าเกมภาคก่อนๆ
การปกป้องจิตวิญญาณของ Monster Hunter ในเกม JRPG
คุณ Tsujimoto ไม่ได้ปิดบังความจริงที่ว่า JRPG ไม่ใช่แนวเกมที่คุ้นเคยที่สุดสำหรับทีมงาน Capcom หลายคน นอกเหนือจากประสบการณ์อันยาวนานของพวกเขากับ Breath of Fire แต่ Stories เป็นโอกาสในการผสมผสานจักรวาล Monster Hunter เข้ากับสไตล์การเล่นที่ขับเคลื่อนด้วยการเล่าเรื่องมากขึ้น อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงคือการมุ่งเน้นไปที่มอนสเตอร์
คุณ Tsujimoto อธิบายว่า “กุญแจสำคัญคือมอนสเตอร์ พวกมันเป็นศูนย์กลางของซีรีส์มาโดยตลอด แม้ว่าโลกนี้จะหมุนรอบ Riders แต่มอนสเตอร์ก็ยังคงอยู่ที่ศูนย์กลางของทุกสิ่ง ทำหน้าที่เป็นระบบนิเวศที่เชื่อมโยงกับมนุษย์และอารมณ์ที่พวกเขากระตุ้น”
คุณ Takahiro Kawano ยังได้แบ่งปันอีกว่าฉากหลังของโลกใน Stories 3 ได้รับแรงบันดาลใจจากความงามตามธรรมชาติของโลกแห่งความเป็นจริง “ใช่ครับ คำตอบคือสวิตเซอร์แลนด์ โลกที่คุณเห็น โดยเฉพาะฉากเปิดที่มีทะเลสาบขนาดใหญ่และปราสาท ได้รับแรงบันดาลใจจากความงามตามธรรมชาติของสวิตเซอร์แลนด์” แรงบันดาลใจนี้ทำให้โลกในเกมรู้สึกยิ่งใหญ่และสมจริงมากขึ้น ตอกย้ำความรู้สึกแบบภาพยนตร์ซึ่งเป็นจุดเน้นหลักของภาคที่สามนี้สำหรับผู้ที่มองหาการผจญภัย JRPG ที่ยิ่งใหญ่พร้อมโลกที่น่าหลงใหล

การสูญพันธุ์ของ Rathalos และความขัดแย้งระหว่างสองอาณาจักร
หนึ่งในแง่มุมที่น่าสนใจที่สุดของเรื่องราวใน Stories 3 คือแนวคิดที่ว่า Rathalos ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทั้งซีรีส์ ได้สูญพันธุ์ไปแล้ว ตามที่คุณ Tsujimoto กล่าว นี่ไม่ใช่แค่การเสริมบทเพื่อความดราม่าเท่านั้น “การสูญพันธุ์ไม่ได้มีไว้เพื่อสร้างผลกระทบทางอารมณ์เท่านั้น แต่ยังเชื่อมโยง โดยตรงกับธีมหลักของเกมด้วย”
ปรากฏการณ์ที่คล้ายกับการตกผลึกหรือการกลายเป็นฟอสซิลเกิดขึ้นในโลกนี้ และสองอาณาจักรมีการตีความเหตุการณ์นี้แตกต่างกัน ความแตกต่างในมุมมองนี้กลายเป็นบ่อเกิดของความขัดแย้งทางอุดมการณ์ที่ทำให้การเล่าเรื่องสมบูรณ์ยิ่งขึ้น “เรื่องนี้สำรวจความแตกต่างระหว่างประเทศ, ความเชื่อ และแม้กระทั่งความเข้าใจเกี่ยวกับตัวมอนสเตอร์เอง มันเป็นเรื่องราวของความขัดแย้งและวิธีที่มนุษย์ (และมอนสเตอร์) รับมือกับมันเมื่อเวลาผ่านไป”
ระบบการต่อสู้ที่เร็วขึ้นและมีไดนามิกมากขึ้น
จากความคิดเห็นของผู้เล่นในเกมภาคก่อน Capcom ได้ให้ความสำคัญกับการปรับปรุงจังหวะการต่อสู้ “การปรับปรุงที่ใหญ่ที่สุดคือจังหวะการต่อสู้ ในเกมภาคก่อน ผู้เล่นหลายคนรู้สึกว่าการต่อสู้ยังช้าเกินไป แม้จะมีตัวเลือกความเร็ว 2x หรือ 3x ก็ตาม ดังนั้นในครั้งนี้ เราจึงทำให้มันเร็วขึ้นและราบรื่นขึ้นมาก”
นอกจากนี้ การสำรวจโลกยังถูกทำให้มีไดนามิกมากขึ้น ตอนนี้ผู้เล่นสามารถปีนป่าย, บิน และว่ายน้ำได้ ทำให้ภูมิประเทศมีชีวิตชีวาและเป็นการผจญภัยที่ดื่มด่ำยิ่งขึ้น ผู้เล่นยังสามารถสลับมอนสเตอร์ได้แบบเรียลไทม์ ทำให้ประสบการณ์การต่อสู้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น

ตัวละครที่เป็นผู้ใหญ่และกระตือรือร้นมากขึ้น
คุณ Tsujimoto เน้นย้ำว่าการเปลี่ยนแปลงการออกแบบตัวละครนั้นเป็นมากกว่าแค่รูปร่างกายหรือรูปทรงศีรษะ แต่ยังรวมถึงการนำเสนอโดยรวมด้วย “เพราะเกมนี้เน้นความรู้สึกแบบ JRPG มากขึ้น ทั้งปาร์ตี้, การทำงานเป็นทีม และความผูกพัน เราจึงออกแบบตัวละครที่มีบุคลิกและเรื่องราวที่แข็งแกร่งขึ้น” ด้วยตัวละครที่หลากหลายมากขึ้น คาดว่าผู้เล่นจะรู้สึกเชื่อมโยงทางอารมณ์กับการเดินทางของพวกเขามากขึ้น
ในขณะที่เกมภาคก่อน Navirou ทำหน้าที่เป็นผู้แปลอารมณ์ของตัวเอก แต่ครั้งนี้บทบาทนั้นได้เปลี่ยนไป “ใน Stories 1 และ 2 ตัวละครหลักไม่ได้พูด Navirou จึงทำหน้าที่เป็นทั้งผู้แปลและผู้นำทางในเรื่องราว แต่ใน Stories 3 ตัวเอกสามารถพูดได้ในที่สุด Rudy ซึ่งมาแทนที่ Navirou เป็นเหมือนคู่หูและผู้สนับสนุนมากกว่าเป็นเพียงผู้นำทาง ตัวละครหลักตอนนี้เป็น Rider ที่มีประสบการณ์แล้ว เขาจึงไม่ต้องการ ‘ครู’ อีกต่อไป” การเปลี่ยนแปลงนี้สร้างไดนามิกของเรื่องราวที่สมดุลมากขึ้นระหว่างตัวเอกและตัวละครของเขา
ระบบการต่อสู้ที่เป็นมิตรต่อผู้เริ่มต้น แต่ยังคงมีกลยุทธ์สำหรับผู้เล่นเก่า
คุณ Tsujimoto ตระหนักดีว่าระบบการต่อสู้แบบเทิร์นเบสอาจซับซ้อนสำหรับผู้เล่นใหม่ ดังนั้น ทีมงานจึงได้สร้างระบบสอนเล่นที่ครอบคลุม “เราต้องการสร้างระบบการต่อสู้ที่มีกลยุทธ์แต่ก็สนุก การเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์แต่ละครั้งจะให้ความรู้สึกเหมือนเป็นปริศนาในตัวมันเอง ทดสอบการวางแผน, การเลือกอาวุธ, การเลือกไอเท็ม และอื่นๆ ของผู้เล่น”
นอกจากนี้ การฟื้นฟูหลังการต่อสู้ยังเป็นแบบอัตโนมัติแล้ว ทำให้ผู้เล่นไม่จำเป็นต้องคอยจัดการคลังทรัพยากรที่สำคัญอยู่ตลอดเวลา นี่มีจุดมุ่งหมายเพื่อลดความเครียดและรักษาประสบการณ์การเล่นเกมที่สนุกสนาน
Monster Hunter Stories 3: Twisted Reflection จะวางจำหน่ายบนPS5, Xbox Series, Switch 2 และ PC ผ่านทาง Steam สามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์ทางการได้ ที่นี่ สำหรับข้อมูลล่าสุด
อย่าลืมติดตาม Gamer555 เพื่อไม่พลาดข่าวสารเพิ่มเติมที่น่าสนใจ
Discussion about this post