สำหรับเกมเมอร์ผู้ชื่นชอบเกมสยองขวัญย่อมต้องคุ้นเคยกับแฟรนไชส์ในตำนานอย่าง Silent Hill ที่แม้จะไม่มีเกมใหม่มานานแล้วแต่ว่ายังถูกพูดถึงอยู่เสมอ แต่ล่าสุดนั้น Konami ก็ตัดสินใจชุบชีวิตเกมนี้ขึ้นมาอีกครั้ง เราไปฟังเบื้องหลังของการคีนชีพเกมนี้ใน บทสัมภาษณ์ Silent Hill 2 Remake นี้
โดยเหล่าทีมพัฒนาที่มาพูดคุยกับเราได้แก่
- Motoi Okamoto, Silent Hill Series Producer ของ Konami Digital Entertainment
- Akira Yamaoka, Composer
- Masahiro Ito, Concept Artist
- Mateusz Lenart, Creative Director ของ Bloober Team
- Maciej Glomb, Lead Producer ของ Bloober Team
การรักษาเอกลักษณ์จากต้นฉบับ และปรับเปลี่ยนในสิ่งที่ควร
ทีมพัฒนาเบื้องหลังของ Silent Hill 2 remake ต้องพบกับความท้าทายในการดัดแปลงภาคต้นฉบับที่เป็นงานขึ้นหิ้งให้เป็นเกมที่เหมาะสมกับยุคสมัยปัจจุบัน คุณ Motoi Okamoto ผู้เป็นโปรดิวเซอร์ประจำซีรีส์ Silent Hill ได้ระบุไว้ว่าการทำงานร่วมกับทีมดั้งเดิมที่เคยสร้างเกมภาคต้นฉบับขึ้นมาถือเป็นส่วนสำคัญในการหาจุดลงตัวในการเปลี่ยนแปลง
“ด้วยความที่ Silent Hill 2 ถือเป็นเกมขึ้นหิ้งในหมู่แฟนๆ ดังนั้นการทำงานร่วมกับคนที่คุ้นเคยกับโปรเจกต์มาก่อนทำให้เราได้รู้เบื้องลึกเบื้องหลังที่สำคัญต่อตัวงานอย่างมาก”
คุณ Masahiro Ito Concept Artistตั้งแต่เกมภาคต้นฉบับยังเสริมด้วยว่า “แทนที่จะให้งานนี้เดินหน้าไปโดยไม่มีตัวผม ผมมองว่าการมีตัวผมทำงานร่วมด้วยจะทำให้เอกลักษณ์ของ Silent Hill 2 ยังคงอยู่ได้ดีมากที่สุด”
ส่วนทีมพัฒนา Bloober Team ซึ่งทำงานร่วมกับ Konami นำโดย Creative Director – Mateusz Lenart ได้บอกว่าพวกเขาทำงานนี้ด้วยความเคารพในต้นฉบับเป็นอย่างมาก
“ในทีแรกเราไม่ต้องการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบใดๆ เลย เพราะเรากลัวว่าหากเราไปแตะส่วนไหนเข้ามันจะเกิดปัญหาอื่นๆ ตามมา แต่เมื่อเวลาผ่านไปเราก็รู้ว่ามันมีหลายจุดที่สามารถพัฒนาแต่งเติมได้เพื่อให้เกมนั้นทันสมัยเข้ากับยุคปัจจุบัน”
Soundtrack Also a Challenge in a Remake
ผู้ประพันธ์เสียงหลัก คุณ Akira Yamaoka ได้กลับมาทำเสียงประกอบให้เกมอีกครั้ง และเจ้าตัวพูดถึงกระบวนการทำงานหลังจากกลับมาทำงานเดิมที่เขาเคยทำไว้เมื่อ 25 ปี ก่อน
“อย่างแรกที่ผมต้องทำเลยคือการนั่งปรึกษากับตัวเอง ผมพยายามมองย้อนกลับไปเมื่อ 25 ปีที่แล้วที่ผมเริ่มงานกับเกมนี้เป้นครั้งแรก ซึ่งตามตรงผมจำทุกอย่างไม่ได้หรอก แต่ผมรู้สึกว่ามันมีหลายสิ่งที่ผมต้องทำขึ้นมาใหม่”
ซึ่งความตั้งใจของคุณ Yamaoka ส่งผลให้เพลงรวมความยาวทั้งหมด 9 ชั่วโมงในเกมถูกสร้างขึ้นมาใหม่
“ผมได้ปรับปรุงเพลงเหล่านี้ขึ้นใหม่ มันจะมีบางจุดที่เหมือนของต้นฉบับ แต่อันที่จริงผมเริ่มสร้างขึ้นมาจากศูนย์ให้คล้ายกับงานที่ผมทำมาก่อนหน้า ผมยินดีเป็นอย่างมากที่เสียงประกอบเกมเข้าเราออกมาได้ดี โดยรวมผมสร้างเพลงขึ้นมาใหม่ความยาว 9 ชั่วโมงได้ ทุกวันนี้ผมยังคิดอยู่เลยว่ามันยาวมากเกินไปไหมแล้วจะยัดลงเกมทั้งหมดได้อย่างไร”
“และแน่นอนที่ผมบอกว่าผมสร้างเพลงขึ้นมาใหม่แต่ก็ต้องทำให้เหมือนงานเก่า ทำให้ผมต้องตั้งคำถามกับตัวเองมากมาย แบบว่านี่ฉันกำลังคิดอะไรอยู่นะ ชีวิตตอนนั้นมันเป็นยังไงนะ อารมณ์ตอนแต่งเพลงเมื่อ 25 ปีก่อนเป็นยังไง เป็นความยากอย่างหนึ่งเลย”
กราฟฟิคและเกมเพลย์ที่พัฒนาขึ้น
เกม remake จะยึดตามต้นฉบับให้มากที่สุด แต่ถึงกระนั้นก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลงเข้ามาด้วย ในที่นี้สิ่งที่เปลี่ยนแปลงก็คือเหล่ามอนสเตอร์และเกมเพลย์ของผู้เล่นในการระมือกับพวกมัน
“เราได้มีการปรับเปลี่ยนเล็กๆ ในรายละเอียดต่างๆ โดยเฉพาะในระบบเกมเพลย์ด้านการต่อสู้ ถึงแม้จะไม่มีมอนสเตอร์ใหม่เข้ามา แต่ว่าเราได้ปรับปรุงการออกแบบพวกมัน โดยเราจะไม่เคยเห็นสิ่งนี้ในเกมภาคต้นฉบับมาก่อน” คุณ Masahiro Ito อธิบาย
“ผมเชื่อว่าผู้เล่นส่วนมากจะไม่รู้สึกถึความเปลี่ยนแปลงนี้หากเล่นเกมในแนวทางปกติ แต่ผมเชื่อว่าจะมีผู้เล่นสายขุดบางประเภทเจอความเปลี่ยนแปลงนี้หรือไม่ก็ตามหามันจนเจอ”
Maciej Glomb, Lead Producer ของ Bloober Team, เสริมว่าสิ่งที่ทีมเน้นก็คือการพัฒนาประสบการณ์การเล่นเกมโดยรวมให้ดีขึ้น
“เมื่อคุณเล่นเกมตั้งแต่เริ่มต้นจนจบ คุณสามารถเห็นความเคารพในงานต้นฉบับที่เราใส่ลงไปในทุกรายละเอียดที่อยู่ในเกม ทั้งการปรับกราฟฟิค เสียงประกอบ การปรับ AI ของเหล่ามอนสเตอร์ ซึ่งส่วนที่ผมภูมิใจมากที่สุดคือส่วนของเกมเพลย์โดยเฉพาะการออกแบบปริศนาและด่านต่างๆ ผมมองว่าเราสามารถดึงความทรงจำของภาคต้นฉบับได้อย่างครบถ้วนบวกกับสิ่งใหม่ที่เพิ่มเข้ามาเพื่อสร้างความตื่นเต้นกับเหล่าแฟนคลับของซีรีส์นี้”
การรักษาเอกลักษณ์ของเกมภาคต้นฉบับ
อีกหนึ่งความท้าทายที่ทีมพัฒนาได้พบเจอก็คือเกมเพลย์จากภาคต้นฉบับที่มีความช้า เอื่อยให้ผู้เล่นค่อยๆ ดื่มด่ำไปกับตัวเกม แต่ด้วยความแตกต่างของเกมสมัยใหม่ทำให้การหาจุดสมดุลนั้นยากมาก โดยคุณ Glomb ก็ได้พูดถึงในจุดนี้
“มันเป็นงานที่ยากมากๆ ในการคงไว้ซึ่งความเป็นต้นฉบับทั้งหมด เกมเพลย์ตอนต้นนั้นมันเชื่องช้าเอามากๆ ซึ่งทีมของเราได้ปรึกษากันว่าเราสามารถเพิ่มส่วนของแอคชั่นเข้าไปได้ แต่พอคิดแบบนั้นมันก็จะไม่ใช่ Silent Hill ผลสุดท้ายเราเลยต้องพับความคิดนี้ไป และค่อยๆ ปรับบางจุดเข้ามาทดแทน”
คุณ Glomb ยังได้พูดต่อในเรื่องที่ทางทีมพัฒนาปรึกษาและพูดคุยกันอย่างจริงจัง กับการที่ช่วงต้นของเกมมีการดำเนินเรื่องที่ช้าเกินไปในเกมยุคปัจจุบัน จนรู้สึกว่าต้องมีการเปลี่ยนแปลง
“ถ้าให้ผมพูดคือเกมยุคนี้ไม่มีใครทำแบบนั้นแล้ว ช่วงต้นของเกมต้องตื่นเต้นดึงดูดให้ผู้เล่นอยู่กับเกมต่อ แล้วค่อยดรอปความเร็วลงในภายหลัง นั่นทำให้เราคุยเพิ่มเติมเรื่องนี้กันอย่างมากว่าทำอย่างไรให้เหมาะกับปัจจุบันแต่ว่ายังคงเอกลักษณ์ของภาคต้นฉบับ พวกผมอยากให้ทุกคนได้สัมผัสสิ่งที่เราสร้างขึ้นมาก ซึ่งต้องบอกว่ามันยากมาก หลายสิ่งที่เราคิดก็ถูกพับเก็บไปเนื่องจากมันไม่ใช่ Silent Hill”
A New Era For Silent Hill
การสร้าง Silent Hill 2 remake ขึ้นมาถือเป็นการกลับมาคืนชีพให้กับแฟรนไชส์ในตำนานซึ่งคุณ Okamoto ก็เสริมในจุดนี้ไว้เช่นกัน
“การสร้างเกมภาครีเมคนี้ขึ้นมา เราต้องการแสดงให้แฟนๆ และผู้เล่นทั้งหมดเห็นว่า Konami นั้นจริงจังกับซีรีส์ Silent Hill และมีความสามารถมากพอที่จะสร้างเกมคุณภาพระดับสูงขึ้นมาได้”
“ด้วยความที่วันจัดจำหน่ายใกล้เข้ามาแล้ว ทั้งแฟนคลับ ผู้เล่นใหม่ สามารถเฝ้ารอที่จะได้สัมผัสตัวเกม Silent Hill 2 ในรูปแบบใหม่ และการทำรีเมคครั้งนี้จะเป็นเกียรติและสืบทอดตำนานของเกมภาคต้นฉบับที่เป็นอีกหนึ่งเกม psychological horror ขึ้นหิ้งอย่างแน่นอน”
ทั้งหมดนี้คือ บทสัมภาษณ์ Silent Hill 2 Remake ที่เราได้พูดคยกับทีมพัฒนา ต้องขอขอบคุณทาง Konami ที่เปิดโอกาสให้เราได้เข้าร่วมงานสัมภาษณ์นี้ รวมถึงให้ได้ทดสอบตัวพรีวิวของเกม ซึ่งใครยังไม่ได้อ่านพรีวิว สามารถอ่านได้ที่นี่
Silent Hill 2 Remake จะวางจำหน่ายในวันที่ 8 ตุลาคมนี้บน PlayStation 5 และ PC ผ่าน Steam
อย่าลืมติดตาม Gamer555 เพื่อไม่พลาดข่าวสารเพิ่มเติมที่น่าสนใจ
Discussion about this post