Capcom พร้อมแล้วที่จะยกระดับ Monster Hunter ไปอีกขั้นด้วย Monster Hunter Wilds ซึ่งทีมงานสัญญาว่าจะเป็นประสบการณ์ล่ามอนสเตอร์ที่สมจริงและมีชีวิตชีวามากที่สุด ในโอกาสที่เราได้เข้าร่วมอีเวนต์ทดลองเล่นเกม เราได้สัมผัสกับระบบเกมที่ผสมผสานกลไกดั้งเดิมของซีรีส์เข้ากับนวัตกรรมใหม่มากมาย มาดูสิ่งที่เราได้สัมผัสมาจากเกมใน พรีวิว Monster Hunter Wilds นี้
โลกที่มีชีวิตกว่าที่เคย
Monster Hunter Wilds เป็นการก้าวกระโดดครั้งสำคัญในแง่ของการสร้างโลกและออกแบบสิ่งแวดล้อม ต่างจากเกมภาคก่อน ๆ ที่มักเป็นพื้นที่ล่าสัตว์แยกกัน Wilds นำเสนอระบบนิเวศที่เชื่อมโยงกันมากขึ้น โดยที่ ถิ่นฐานของมนุษย์ดูเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งแวดล้อมโดยสมบูรณ์
แต่ละภูมิภาคมีฐานที่มั่นของตัวเอง โดยมีตัวละครคุ้นหน้าคุ้นตาอย่าง Alam, Gemma และ Nata ที่จะร่วมเดินทางไปกับคุณ เมื่อสำรวจพื้นที่ใหม่ กลุ่มตัวละครหลักนี้จะช่วยสร้างฐานที่มั่นเพิ่มเติม พร้อมพบเจอกับ NPC ใหม่ ๆ เช่น Werner ใน Scarlet Forest สิ่งนี้ทำให้เกมไม่ได้เป็นแค่พื้นที่ล่าสัตว์ แต่ยังสะท้อนถึง การเอาชีวิตรอดและปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์กับโลกที่เต็มไปด้วยอันตราย

ในช่วงทดลองเล่น เราได้สำรวจ 3 พื้นที่หลัก ได้แก่ Windward Plains, Scarlet Forest และ Oilwell Basin การเปลี่ยนแปลงระหว่างพื้นที่เป็นไปอย่าง ราบรื่น ด้วยพลังของ PS5 ที่ทำให้โหลดฉากในเวลาเพียงไม่กี่วินาที เทคโนโลยีนี้ช่วยให้ผู้เล่นเคลื่อนที่ระหว่างภูมิภาคได้เกือบจะทันที สร้างโลกที่ต่อเนื่องและมีชีวิตชีวา

Combat with New Philosophy
ระบบต่อสู้ใน Wilds เป็นการตีความใหม่ของกลไกการล่ามอนสเตอร์ หนึ่งในการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่สุดคือการเพิ่ม “Focus Mode” ที่ช่วยให้ผู้เล่นสามารถ
- ปรับตำแหน่งการโจมตีอย่างแม่นยำ
- เล็งจุดอ่อนของมอนสเตอร์
- สร้างคอมโบได้ต่อเนื่องและลื่นไหลกว่าเดิม
ต่างจากเกมก่อนที่เน้นการเล่นแบบป้องกัน Wilds สนับสนุนให้ผู้เล่น ล่าสัตว์อย่างดุดันและมีไดนามิกมากขึ้น

เปรียบเทียบกับเกมก่อนหน้า
- Wilds มีจังหวะการต่อสู้ที่เป็นสมดุลระหว่างความเร็วของ Monster Hunter: World และ ความคล่องตัวของ Monster Hunter: Rise
- ไม่มีระบบ Wirebug Recovery แบบ Rise อีกต่อไป เมื่อนักล่าล้มลง การฟื้นตัวต้องอาศัยการขี่ Seikret ทำให้การต่อสู้ยากขึ้น
- Wilds ยังคงความท้าทายของซีรีส์เอาไว้ ในขณะที่การเคลื่อนที่และการฟื้นตัวจะคล้ายกับ World มากกว่า
ในช่วงทดลองเล่น เราได้ลองใช้อาวุธหลากหลายชนิดเพื่อล่าสัตว์มอนสเตอร์ใหม่ เช่น Quematrice, Congalala, Lala Barina, Doshaguma, Balahara, Uth Duna, Rompopolo และ Nerscylla

Focus Mode คือระบบที่น่าสนใจอย่างมาก เป็นตัวเปลี่ยนเกมสำหรับอาวุธหนัก อย่าง Hammer, Gunlance และ Greatsword ช่วยให้เล็งจุดอ่อนได้ง่ายขึ้นโดยไม่เสียจังหวะ ทุกอาวุธระยะประชิดมีระบบเคาน์เตอร์, บล็อก และหลบหลีก ตั้งแต่เริ่มเกม ทำให้การต่อสู้มีอิสระและความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น ส่วนอาวุธระยะไกลก็มีการปรับปรุงอย่างมากไม่ต่างกัน เช่น กระสุนเลเวล 1 ที่มีคุณสมบัติยิงทะลุเพิ่มเติมก็ใช้ได้ไม่จำกัดแล้วไม่ต้องเติมกระสุนหรือลูกธนูอีกต่อไป ตัดปัญหาเรื่องการบริหารทรัพยากรได้ส่วนหนึ่งเลย

มอนสเตอร์ที่ออกแบบให้สมจริงมากขึ้น
แนวคิดการออกแบบมอนสเตอร์ใน Wilds มุ่งเน้นไปที่ความสมจริงมากกว่าการดึงแรงบันดาลใจจากตำนานหรือลายสัตว์ยุคดึกดำบรรพ์ ดังนั้นแต่ละการกระทำของพวกมันจะรู้สึกว่ามีความเป็นสัตว์ในโลกจริง มากกว่ามอนสเตอร์ที่สร้างขึ้นมาจากจินตนาการเป็นหลัก แต่ถึงเป็นสัตว์เหมือนกันทีมงานก็ดึงจุดเด่นของแต่ละตัวออกมาได้อย่างชัดเจน
- Quematrice Wyvern คล้ายไก่ชน ที่มีพฤติกรรมแตกต่างจากมอนสเตอร์ตัวอื่น
- Uth Duna มอนสเตอร์ที่มีการเคลื่อนไหวคล้าย ตัวเงินตัวทอง และสามารถสร้างคลื่นน้ำใน Scarlet Forest
- Congalala ยังคงท่าไม้ตายดั้งเดิม ทั้งการนอนกลางศึก และความสามารถทำลายไอเท็ม
- Lala Barina Temnoceran ที่ใช้ดอกไม้เป็นอาวุธโจมตีศัตรูด้วยพลังอัมพาต

มอนสเตอร์ที่ปรากฏในเดโมมีทั้ง Brute Wyvern, Leviathan และ Temnoceran ทำให้มีส่วนผสมของมอนสเตอร์คลาสสิกและตัวใหม่อย่างลงตัว เอาใจผู้เล่นเก่า รวมถึงเจาะฐานผู้เล่นใหม่

การเล่าเรื่องที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
ต่างจากเกมภาคก่อน ๆ ที่เน้นการล่าสัตว์ Monster Hunter Wilds เพิ่มความสำคัญให้กับ การเล่าเรื่องและบทสนทนา มากขึ้น ผู้เล่นสามารถเดินสำรวจ Windsong Village ใน Kunafa สังเกตเด็ก ๆ เล่นกัน, ชาวบ้านมีปฏิสัมพันธ์กับ Seikret ได้รับประสบการณ์ชีวิตในโลกที่เต็มไปด้วยอันตราย

อย่างที่เราได้คุยกันในบทสัมภาษณ์ คุณ Kaname Fujioka อธิบายแนวคิดนี้ว่า
“Monster Hunter เคยเน้นแค่ระบบนิเวศของมอนสเตอร์ แต่ในภาคนี้เราต้องการเพิ่มบทบาทของมนุษย์และเชื่อมโยงกลับไปยังตัวนักล่าเอง”
หากผู้เล่นไม่ต้องการเน้นเนื้อเรื่องมากเกินไป สามารถ ข้ามคัตซีนและมุ่งเน้นที่การล่าได้ แต่การทำเช่นนั้นอาจทำให้พลาดรายละเอียดของเรื่องราวที่ทีมพัฒนาตั้งใจนำเสนอ
นวัตกรรมทางเทคนิคและระบบเกมใหม่
จากพรีวิวนี้ เราได้รับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบใหม่ที่น่าสนใจหลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือระบบเวลาและระบบลม ซึ่งถือเป็นส่วนเสริมที่ซับซ้อนและน่าประทับใจของกลไกเกม Monster Hunter Wilds ระบบเวลาภายในเกมจะเปลี่ยนแปลงไปแบบไดนามิกระหว่างภารกิจ โดยช่วงเวลากลางวันจะกินเวลาประมาณ 10 นาที กลางคืนปกติจะอยู่ที่ 6 นาที และช่วงเวลากลางคืนแบบพิเศษจะอยู่ที่ 7 นาที แม้ว่าผลกระทบของระบบเวลาที่เปลี่ยนไปนจะยังไม่ชัดเจนเท่าไหร่ แต่ก็มีแนวโน้มที่จะเพิ่มความลึกให้กับกลยุทธ์ในการล่าแย้อย่างแน่นอน

ระบบลมช่วยให้โลกของเกมดูสมจริงและมีปฏิสัมพันธ์กับผู้เล่นมากขึ้น ผู้เล่นจะสามารถสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของภูมิประเทศได้อย่างชัดเจน เช่น การเคลื่อนที่ของทรายในพื้นที่ทะเลทราย และกระแสลมที่มีผลต่อวิสัยทัศน์ของผู้เล่นและพฤติกรรมของมอนสเตอร์ ในระหว่างช่วงทดลองเล่น เราสังเกตเห็นว่าลมสามารถส่งผลต่อสภาพแวดล้อมในการล่าแย้ ทำให้การออกล่ามีความซับซ้อนและท้าทายยิ่งขึ้น

ระบบปรับแต่งอุปกรณ์ได้รับการปรับปรุงครั้งใหญ่ โดยเกมนี้เปิดโอกาสให้ผู้เล่นสามารถพกพาอาวุธประเภทเดียวกันได้สองชิ้น ซึ่งถือเป็นการลบข้อจำกัดเดิมที่เคยมีในเกมภาคก่อน ๆ ชุดเกราะยังได้รับการออกแบบใหม่ให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น โดยระบบ “กลุ่มสกิล” (Group Skills) ได้ถูกปรับให้มีเงื่อนไขการเปิดใช้งานที่ง่ายขึ้น ในขณะที่เกมก่อน ๆ ต้องการ 3-5 ชิ้น เพื่อปลดล็อกสกิลเซ็ตโบนัส Wilds ได้ปรับให้มีเงื่อนไขที่หลากหลายขึ้น ทำให้ผู้เล่นสามารถเลือกผสมชุดเกราะได้อย่างอิสระมากขึ้น

การออกแบบอาวุธและชุดเกราะได้รับการพัฒนาให้มีความหลากหลายมากขึ้น โดยชุดเกราะแต่ละเซ็ตจะมี สองรูปแบบ คือ สำหรับสายประชิดและสายโจมตีระยะไกล ซึ่งในภาคก่อน ๆ ทั้งสองแบบจะมีค่าสถานะป้องกันและต้านทานธาตุที่แตกต่างกัน แต่ใน Wilds นั้น ค่าป้องกันและความต้านทานธาตุของทั้งสองแบบจะเท่ากัน ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจ และเป็นการออกแบบที่สอดคล้องกับระบบใหม่ที่เปิดให้พกพาอาวุธได้สองชิ้น ทำให้นักล่ามีความยืดหยุ่นในการเลือกใช้อุปกรณ์มากขึ้น
นอกจากนี้ สกิลเฉพาะของอาวุธ ยังได้รับการปรับให้เข้ากับระบบอุปกรณ์โดยตรง ผู้เล่นสามารถผสมผสานสกิลจากอาวุธและชุดเกราะเพื่อเพิ่มเอฟเฟกต์สถานะได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้มีตัวเลือกในการปรับแต่งตัวละครมากกว่าที่เคย สกิลอย่าง Rapid Morph และ Guard ได้รับการออกแบบใหม่ให้มีความลื่นไหลและสอดคล้องกับกลยุทธ์การต่อสู้ของผู้เล่นมากขึ้น
สรุป พรีวิว Monster Hunter Wilds
จากที่เราได้สัมผัส Monster Hunter Wilds ดูเหมือนจะเป็นมากกว่าภาคใหม่ของซีรีส์ธรรมดา ๆ โดยเกมนี้ให้ความสำคัญกับการออกแบบมอนสเตอร์ที่สมจริงมากขึ้น โลกของเกมที่มีความเป็นธรรมชาติและมีปฏิสัมพันธ์กับผู้เล่นมากกว่าเดิม และการพัฒนากลไกการเล่นให้มีความลึกซึ้งมากขึ้น สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า Capcom กำลังผลักดันขอบเขตของสิ่งที่ Monster Hunter สามารถทำได้ไปอีกขั้น
นอกจากนั้น การให้ความสำคัญกับเรื่องราวของมนุษย์และการดำรงชีวิตในโลกของ Monster Hunter ก็เป็นอีกจุดเด่นที่ช่วยเพิ่มมิติใหม่ให้กับจักรวาลของเกม ไม่เพียงแต่ผู้เล่นจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับระบบนิเวศของมอนสเตอร์เท่านั้น แต่ยังได้เข้าใจถึงผลกระทบของสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ต่ออารยธรรมมนุษย์อีกด้วย

สิ่งที่เราประทับใจมากที่สุดเกี่ยวกับ Wilds คือ ความสมดุลระหว่างความเข้าถึงง่ายและความลึกซึ้งของเกมเพลย์ การตัดระบบจัดการทรัพยากรสำหรับกระสุนพื้นฐานออกไป และการเพิ่มกลไกการต่อสู้ที่ลื่นไหลขึ้น ทำให้เกมเหมาะกับผู้เล่นใหม่มากขึ้น ในขณะที่ระบบฟื้นตัวที่ท้าทายกว่าเดิม และระบบโฟกัสในการต่อสู้ช่วยคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของซีรีส์ ระบบเกราะที่ถูกปรับใหม่ ให้ค่าป้องกันเท่ากันแต่มีความสามารถพิเศษแตกต่างกัน ทำให้เกิดตัวเลือกในการสร้างบิวด์ตัวละครที่น่าสนใจ และเปิดโอกาสให้ผู้เล่นได้ลองสไตล์การเล่นที่หลากหลายมากขึ้น
หลังจากได้ทดลองเล่นไปแล้ว เราพบว่า Wilds ยังคงรักษาแก่นแท้ของ Monster Hunter เอาไว้ ในขณะเดียวกันก็นำเสนอสิ่งใหม่ ๆ ที่มีความหมายต่อเกมเพลย์ ซึ่งจะดึงดูดทั้งนักล่ามือเก๋าและผู้เล่นหน้าใหม่ให้เข้ามาสัมผัสประสบการณ์ล่าที่ไม่เหมือนใคร เมื่อวันวางจำหน่ายใกล้เข้ามา ความตื่นเต้นก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ กับสิ่งที่คาดว่าจะเป็นหนึ่งในภาคที่ พลิกโฉม และ ปฏิวัติ ซีรีส์ Monster Hunter อย่างแน่นอน
Monster Hunter Wilds เตรียมวางจำหน่ายในวันที่ 28 กุมภาพันธ์นี้ บน PlayStation 5, Xbox Series และ PC สาวกนักล่าแย้และผู้ที่สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเกี่ยวกับตัวเกมเพิ่มเติมได้ผ่าน เว็บไซต์ทางการ และอย่างที่ในพรีวิวนี้เราพูดถึงบทสัมภาษณ์ สามารถอ่านบทสัมภาษณ์เต็มได้ที่นี่
อย่าลืมติดตาม Gamer555 เพื่อไม่พลาดข่าวสารเพิ่มเติมที่น่าสนใจ
Discussion about this post