สำหรับการรีเมค Star Ocean: Second Story ซึ่งถือเป็นหนึ่งในภาคที่ดีที่สุดของซีรีส์ มาดูกันว่าการปรับปรุงกราฟฟิคแบบ 2.5D ผสมรูปแบบพิกเซลและฉากหลังแบบสมจริงจากค่ายผู้สร้างใหม่อย่าง Gemdrops จะออกมาเป็นอย่างไร ไปอ่านกันได้ในบทความ รีวิว Star Ocean: The Second Story R
เนื้อเรื่อง
สำหรับเนื้อเรื่องถึงแม้จะเป็นภาคสองของซีรีส์ แต่ว่าสำหรับผู้เล่นใหม่ที่ไม่เคยรู้จักตัวเกมมาก่อนก็ยังสามารถเข้ามาเล่นได้ทันที แต่ละภาคมีเนื้อเรื่องแยกต่างออกจากกัน สำหรับใน Star Ocean: The Second Story R มีความพิเศษตรงที่มีตัวละครเอกสองตัวให้เลือกเล่นนั่นก็คือ Claude C. Kenny และ Rena Lanford ซึ่งทั้งคู่ก็จะมมุมมองภารกิจแยกไปของแต่ละตัวละครโดยทั้งสองจะร่วมเดินทางด้วยกัน ดังนั้นแกนหลักของเนื้อเรื่องในเกมไม่ว่าจะเล่นตัวละครใดก็จะยังมีความคล้ายคลึงกันแม้จะต่างตัวละคร แต่ถึงกระนั้นเกมก็วางแผนสร้างความแตกต่างในฉากต่างๆ ในการหาสมาชิกเข้าปาร์ตี้ รวมถึงระบบบางส่วนที่ทำให้การเลือกตัวละครทั้งสองตัวนั้นส่งผลต่อสิ่งต่างๆ ภายในเกม
พูดถึงเนื้อเรื่องแบบย่อๆ Star Ocean: The Second Story R จะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนดาว Expel ที่ถูกอุกกาบาต Sorcery Globe พุ่งชนก่อให้เกิดหายนะบนดาวเกิดขึ้นนับตั้งแต่นั้น อย่างมอนสเตอร์จำนวนมากที่เกิดขึ้นเพื่อถล่มดวงดาว และในฐานะตัวละครหลัก(แล้วแต่ว่าจะเลือกตัวไหน) คุณก็จะมีจุดมุ่งหมายในการช่วยโลกต่างกันเช่น Claude เป็นมนุษย์ที่มาจากโลกจริงๆ แต่ดันถูกเหตุการณ์ดูดมาอยู่บน Expel ส่วนทาง Rena จะเป็นชนพื้นเมืองอยู่บนดาวที่ต้องการแก้ปัญหาต่างๆ บนดาวของเธอดังนั้นเป้าหมายของทั้งคู่จึงแตกต่างกันไปถึงแม้จะเดินทางร่วมกันก็ตาม
สำหรับตัวละครอื่น ถือว่าทำให้เกมมีสีสันอย่างมาก ด้วยความที่ในเกมจะมีตัวละครที่เราสามารถดึงตัวละครเข้าปาร์ตี้ได้มกามายเต็มไปหมด แต่ละครจะมีปูมหลัง เนื้อเรื่อง เป้าหมาย สกิล การออกแบบที่มีจุดเด่นแตกต่างกันไป ดังนั้นถึงแม้จะมีตัวละครหลักแค่ 2 ตัวละคร แต่ตัวผู้พัฒนาก็สร้างองค์ประกอบเสริมในแง่บวกขึ้นมาเต็มไปหมด ไม่ว่าจะดึงคนเป็นตี้ใหญ่ๆ หรือแม้กระทั่งปล่อยสองคนเดินทางเหมือนคู่รักกันก็ย่อมได้
งานภาพและกราฟฟิค
แน่นอนการเป็นเกมภาครีเมค สิ่งที่ผู้คนต้องพูดถึงก็คืองานกราฟฟิคเปลี่ยนไปอย่างไรซึ่งทาง Gemdrops ก็เลือกที่จะแหวกแนวใหม่ในด้านกราฟฟิค ก็คือการใช้ระบบ 2.5D โดยตัวละครยังเป็นแบบ 2D พิกเซลดัง้เดิม แต่ว่าองค์ประกอบฉากหลังสร้างมาแบบสมจริงสุดๆ ตัดกันอย่างสมบูรณ์ ซึ่งมันดูแปลกตาเอามากๆ ในตอนที่เห็นเป็นครั้งแรก แต่พอเล่นๆ ไปกลายเป็นว่ามันเป็นจุดเด่นในเกมจุดหนึ่งอย่างเลี่ยงไม่ได้ ต้องชื่นชมทางทีมงานที่ใส่ใจในส่วนของ 3D ที่ทำมาอย่างลื่นไหลไม่ติดขัด แถม World Map ยังใหญ่เอามากๆ เสียด้วย
แต่แน่นอนว่างานภาพแบบนี้ก็ไม่ใช่ทุกคนที่อยากจะได้ บางคนอยากเห็นเกมอัดกราฟฟิคเป็น 3D เต็มรูปแบบ ซึ่งมันอาจจะดีหรือแย่ไปเลยก็ได้แถมใช้เวลามากกว่า การออกแบบกราฟฟิคแบบ 2.5D กลายเป็นเหมือนการเพลย์เซฟ แต่ก็ได้ดึงจุดเด่นว่านี่คือเกมรีเมคนะ ยังได้กลิ่นอายความคลาสสิค แต่เราก็รู้ว่าเกมนี้ถูกสร้างขึ้นในยุคสมัยใหม่ของเกม ซึ่งน่าจะดึงฐานผู้เล่นจากยุคเก่าและยุคใหม่มาผสมรวมกันได้
ในส่วนการออกแบบคาแรคเตอร์ต้องให้เครดิตกับ Kajimoto ซัง ที่ทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม โดยแต่ละตัวละครถูกปรับแต่งใหม่แต่ถ้าหากคุณเป็นแฟนคลับภาคเก่าแค่เห็นปุ๊บจะรู้ได้เลยว่าตัวละครนี้คือตัวละครใด แถมในฉากพูดคุยก็มีการใส่ท่าทางตัวละครมามากมายจนแบบนี่ตัวประกอบจริงสิ
ดังนั้นโดยรวมในด้านงานภาพและกราฟฟิค ถือว่าน่าจะตอบโจทย์ที่ทางทีมพัฒนาคิดไว้ในหัวแต่ส่วนตัวผู้เขียนคิดว่าการนำเอาตัวละครแบบพิกเซลมาทั้งดุ้นจากเกมเวอร์ชั่นต้นฉบับออกจะเป็นการเพลย์เซฟไปเสียหน่อย มันสามารถเป็น 2D ได้แต่อาจจะขัดเกลาให้ดูดีขึ้นมากกว่านี้เช่นกัน ทั้งหมดก็แล้วแต่ความชื่นชอบของแต่ละคน แต่อย่างที่บอกก็คือการปรับแต่งน่าจะดีกว่าเพราะแสดงออกถึงความพยายามของทีมงาน
ระบบเกมเพลย์การต่อสู้
ถัดมาในส่วนของเกมเพลย์การต่อสู้ ระบบพื้นฐานทั้งหมดยกมาจากเกมเวอร์ชั่นต้นฉบับสไตล์แอคชั่น RPG ท่าโ๗มตีปกติ สกิลพิเศษที่ใช้ MP เหมือนเดิมเป็นส่วนใหญ่ แต่สิ่งที่เพิ่มเข้ามาก็คือระบบ Break system และ Assault Action ซึ่งทำให้การต่อสู้มีความซับซ้อนและเข้มข้นมากขึ้น
Break system อันที่จริงมันไม่ได้แปลกใหม่ถ้าคุณเคยเล่นเกม JRPG ยุคหลังๆ มันคือแถบเกราะที่อยู่ใต้เลือดของศัตรู ที่เมื่อหมดลงในเกมนี้จะโดนความเสียหายแบบคริติคอลและจะโจมตีไม่พลาดเป้าอย่างแน่นอน แต่ก็ไม่ใช่ว่ามันจะมีประโยชน์ต่อผู้เล่นอย่างเดียวเพราะระบบ Break นี้ส่งผลต่อทุกตัวละครในเกม หมายความว่าตัวละครเราก็ติดสถานะ Break และโดนกระทืบได้เช่นเดียวกัน
สำหรับ Assault Action คือท่าพิเศษที่จะเรียกตัวละครที่ไม่ได้อยู่ในปาร์ตี้แต่คุณเคยพบเจอมาเพื่อปล่อยท่าไม้ตายมาช่วยต่อสู้ ซึ่งเราเลือกได้ว่าอยากจะเรียกใครมารวมถึงให้ใช้สกิลไหนได้ ซึ่งทำให้มีความแตกต่างในด้านเกมเพลย์แต่ละคนแต่ละช่วงเพราะเราสามารถปรับแต่งได้ตลอด อีกจุดที่สำคัญก็คือนอกจากตัวละครที่เราได้เคยพบเจอในเกมแล้วทางทีมพัฒนายังใส่ easter egg กับการที่ Assault Action สามารถเรียกตัวเอกของ Star Ocean ในภาคอื่นๆ มาช่วยได้อีกด้วย
นอกจากสองระบบข้างต้นแล้วยังมีระบบเสริมอย่าง Spheres system ที่ทำให้เกมรวดเร็วขึ้นสมกับเป็นเกมยุคใหม่ โดยระบบนี้จะทำให้ศัตรูที่ถูกเราโค่นไปจะดรอปลูกแก้วซึ่งถ้าเราเก็บครบตามจำนวนปาร์ตี้ของเราจะได้บัฟแบบเบิ้มๆ และอยู่ยาวไปจนกว่าตัวละครเราจะโดน Break(ซึ่งบางทีเกมแทบจะบังคับให้เราโดน) แต่ถ้าคุณเจ๋งจริงในด้านเกมแอคชั่นระบบนี้จะทำให้ได้เปรียบในการเล่นอย่างมาก
ที่เหลืออาจจะไม่ใช่ระบบการต่อสู้แต่เป็นเกมเพลย์โดยรวมเพราะว่าทีมงานลบการเจอศัตรูแบบสุ่มออกไปแล้ว ถ้ามันจะมีศัตรูมันจะถูกมาร์คด้วยสัญลักษณ์แบบชัดเจน แถมบอกระดับความยากอีกด้วยว่าพอจะไหวไหมกับเลเวลของเรา ทำให้ไม่ต้องเครียดเวลาไปเดินฟาร์มมอนว่าจะเจอตอหรือไม่
สรุปรวมผู้เขียนคิดว่าระบบใหม่ๆ ที่เพิ่มเข้ามานี้ทำให้เกมมีความทันสมัยและรวดเร็วมากขึ้นให้เข้ากับยุคปัจจุบัน แต่ก็ยังไม่ทิ้งรากเดิมของ Star Ocean: The Second Story ส่วน AI ก็ออกแบบมาได้ไม่เป็นภาระในระหว่างการต่อสู้ ทำหน้าที่ตามตำแหน่งได้เหมาะสม แต่ก็มีข้อเสียสำหรับตัวละครสายเวทย์เพราะว่าพอ MP หมดกลายเป็น AI ยืนเอ๋อเป็นเป้ารับเท้าไปเฉยเลยซึ่งมันทำให้อารมณ์เสียเอาง่ายๆ แบบเห้ย เราเอาเอ็งเข้าตี้มานะเว้ย เสร็จแล้วก็ปล่อยสกิลยืนทื้อๆ ไม่ทำอะไรเลยทั้งที่ทุกตัวละครมีการโจมตีปกติที่ไม่ต้องใช้ MP หรือถ้ามีระบบตั้งค่าว่าจะกินของเพิ่ม MP ก็ยังจะดีกว่าดังนั้นมันก็ทำให้มี bias กับการเลือกตัวละครเข้าทีมอยู่พอตัว(แต่ยังไงก็ต้องเจอ Rena อยู่ดีถ้าเราเลือกเล่น Claude 555)
ฟีเจอร์เพิ่มเติม และเนื้อหาต่างๆ ภายในเกม
สำหรับจำนวนเนื้อหาและชั่วโมงในการเล่น ด้วยความที่เกมมีสองตัวละครหลัก ดังนั้นถ้าจะเก็บทุกอย่างให้ครบ คุณก็รู้นิว่าต้องทำอะไร 555 แต่มันจะไม่จบแค่สองรอบแน่ๆ เพราะใน Star Ocean: The Second Story R มีเนื้อหาอัดแน่นมามากมายให้เล่นมากกว่าแค่สองรอบ ไม่ว่าจะเป็นระบบจีบกันในเกม ฉากจบต่างๆ หลายแบบที่ให้ผู้เล่นค้นหา แถมเกมเพลย์ก็แตกต่างกันไปตามแต่ละตัวละครในปาร์ตี้(หรือจะมีแค่ 2ตัวอย่างที่บอกไปก็ได้) ทำให้มันมีความอยากเล่นซ้ำอยู่ตลอด
นอกจากนี้ยังมีระบบที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์โดยตรงอย่าง Private Action ที่เมื่อเราเล่นไปเรื่อยๆ ได้ค้นพบหรือเข้าพื้นที่ใหม่ เมื่อเปิดใช้ทุกคนในปาร์ตี้จะปล่อยจอยไปทำในสิ่งที่อยากทำรอบๆ บริเวณตัวเรา ซึ่งจะทำให้เกิดฉากต่างๆ ที่แตกต่างกันตามความสัมพันธ์รวมถึงตัวละครที่เราเอาเข้ามาในปาร์ตี้ของเรา กลายเป็นเหมือนมีอีกเกมเล็กๆ ที่เป็นสไตล์เพื่อนร่วมเดินทางซ่อนอยู่ภายในเกมหลักแถมอาจจะส่งผลถึงฉากจบด้วยนั่นเอง
นอกจากนี้ระบบเก่าๆ อย่าง Item Creation ที่คราฟของที่มีความเป็น RPG แบบสุดๆ ซึ่งบางทีจากระบบนี้เราอาจจะทำให้ตัวละครที่แสนไร้ประโยชน์กลายเป็นตัวเทพแบกทีมก็ได้แล้วแต่ความขยันของผู้เล่น หรือสิ่งต่างๆ ที่ใส่มาในเกมอย่าง mini-games, QoL ที่เพิ่มขึ้นด้วยการยัดเสียงทั้งเวอร์ชั่นต้นฉบับและเวอร์ชั่นใหม่เข้ามาทั้งคู่เรียกว่าปรับตามแต่ความชอบก็รู้สึกได้ว่าทีมงานบ้าเอามากๆ ที่ทำแบบนั้น
ลืมบอกไปอย่างแน่นอนเราต้องเล่นหลายรอบเพื่อเอาฉากจบ ดังนั้นเกมก็มี New Game+ mode ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนในเวอร์ชั่นต้นฉบับหรือ remastered
สรุป รีวิว Star Ocean: The Second Story R
ในฐานะผู้เล่นยุคเก่ากลางใหม่ที่ยังชอบความเก่าคลาสสิคของ Star Ocean มันน่าตื่นเต้นมากที่เราจะได้เห็นเกมภาครีเมคที่เรียกว่าผู้พัฒนาทุ่มอย่างบ้าคลั่งเพื่อให้พ้นเงาของสตูดิโอเก่าซึ่งแสดงออกให้เห็นผ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในเกม การปรับแต่งให้เหมาะสมกับสมัยใหม่มากขึ้น แต่กระนั้นก็ยังมีจุดที่ยังสามารถปรับปรุงได้เพื่อให้เกมถูกเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบทั้งในส่วนตัวละคร 2D หรือจะความฉลาดของ AI ในการต่อสู้
ทั้งหมดนี้ก็ต้องยอมรับว่าทีมงานทุ่มเทใส่ลงมาจริงๆ ให้สมกับความคาดหวังของแฟนคลับยุคเก่าและยังต้องดึงฐานผู้เล่นใหม่เข้ามา เราได้เห็นระบบที่ผู้คนไม่ชอบถูกกำจัดออกไป สิ่งที่เป็นจุดเด่นก็เสริมเข้ามาอย่างแน่นหนา ดังนั้นถ้าหากคุณเป็นผู้เล่นเก่าคงไม่พลาดที่จะซื้อมาเล่น สำหรับผู้เล่นใหม่ผู้เขียนก็แนะนำว่านี่เป็นอีกหนึ่งเกมสไตล์ Action JRPG เล่นแล้วจะได้ความ RPG แบบเต็มๆ อย่างแน่นอน
ข้อดี
- เนื้อเรื่องอัดแน่น ตัวละครมีเอกลักษณ์และจุดเด่น
- งานภาพเบื้องหลักและภาพของตัวละครในบทสนทนาทำมาอย่างตั้งใจ
- สามารถเล่นซ้ำได้หลายครั้ง มีเนื้อเรื่องสองทางและหลายฉากจบ
- สามารถเลือกเสียงพากย์และเพลงแบบต้นฉบับหรือแบบใหม่ก็ได้
- ระบบการต่อสู้ที่ปรับให้ว่องไวขึ้นทันยุคสมัย
ข้อเสีย:
- AI ของตัวละครสายเวทย์อาการหนักมากๆ
- กราฟฟิคของตัวละครที่เราบังคับแบบ 2D ไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนใดๆ จากต้นฉบับ
คะแนน: 8.5 / 10
Star Ocean: Second Story R จะวางจำหน่ายในวันที่ 2 พฤศจิกายนนี้ บน PC, Nintendo Switch, PlayStation 4 และ 5 ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ทางการ
อย่าลืมติดตาม Gamer555 เพื่อไม่พลาดข่าวสารเพิ่มเติมที่น่าสนใจ
Discussion about this post