รีวิว Kunitsu-Gami: Path of the Goddess เกมที่นำเสนอวัฒนธรรมญี่ปุ่นไว้ในทุกอนู

อีกไม่นานแล้วกับการวางจำหน่ายเกมใหม่ของ Capcom Kunitsu-Gami: Path of the Goddess ที่ถึงแม้กระแสอาจจะไม่ได้พุ่งแรงเหมือนเหล่าเกมใหญ่ๆ ที่ออกวางจำหน่ายในปีนี้ แต่ตัวเกม Kunitsu-Gami มีความน่าสนใจเป็นอย่างมากกับลักษณะของเกมเพลย์ที่นำเสนอ ซึ่งทีมของเราได้รับโอกาสในการทดลองเล่นเกมล่วงหน้าแล้วมาเล่าประสบการณ์ที่สัมผัสมาใน รีวิว Kunitsu-Gami: Path of the Goddess นี้

Kunitsu-Gami: Path of the Goddess เป็นเกมที่มีเอกลักษณ์ในด้านเกมเพลย์สูงด้วยการนำเสนอเกมผสมผสานระหว่างแอคชั่น กับการวางแผนแบบ Tower defense มาพร้อมธีมญี่ปุ่นยุคโบราณ

(ในรีวิวนี้ทางทีมของเราเล่นเกมจบทั้งหมดโดยใช้เวลา 16 ชั่วโมง ถือเป็นเกมที่ไม่ได้มีความยาวมากนักหากเล่นแค่เนื้อเรื่องหลัก)

เนื้อเรื่อง

จากพรีวิวของเราก่อนหน้า ตัวเนื้อเรื่องจากส่วนของเดโมนั้นได้อธิบายไว้จนครบแล้ว นั่นคือศาลเจ้า ของ Yoshiro ถูกกลืนกินจากเหล่ามอนสเตอร์ และตัวเอกอย่าง Soh ต้องปกป้อง Yoshiro เพื่อทวงคืนพลังและชำระล้างศาลเจ้าเพื่อปกป้องเหล่าผู้คนในพื้นที่จากเหล่ามอนสเตอร์

แต่ด้วยความที่มอนสเตอร์นั้นแข็งแกร่งเกินไปในช่วงต้น ทำให้กองกำลังของเราหนีไปตั้งหลักในภูเขา และหาทางฟื้นคืนพลังของตัวเอกรวมถึงรวบรวมกองกำลังเพื่อตีโต้

จากเนื้อเรื่องจะเห็นว่าตัวเกมมีการดำเนินเรื่องที่เรียบง่ายตรงไปตรงมา ถูกโจมตี > ถอยตั้งหลัก > รวบรวมพลัง > ชนะบอส และปัญหาก็คือตัวเกมไม่ได้ลงรายละเอียดปลีกย่อยระหว่างทางเลย ทั้งเนื้อเรื่องของ Soh และ Yoshiro ว่ามีความเป็นมาอย่างไร อีกทั้งการที่ทั้งคู่ต้องฝ่าภารกิจเสี่ยงตาย แต่ทั้งคู่กลับแทบไม่มีปฏิสัมพันธ์ให้เห็นภายในเกมเลย

นอกเหนือจากส่วนเนื้อเรื่องหลัก การเล่าถึงวัฒนธรรมความเชื่อของชาวญี่ปุ่นภายในเกมนั้นทำออกมาได้อย่างดี มีการสอดแทรกเข้าไปในสภาพแวดล้อมภายในเกม การออกแบบชุดตัวละคร การออกแบบบอสแต่ละตัวที่อิงตามโยไคของญี่ปุ่น แต่นอกเหนือจากข้อดีแล้ว ก็ยังเป็นข้อเสียสำหรับเนื้อเรื่องเช่นกัน เพราะเหล่ามอนสเตอร์ที่อุตส่าห์ถูกออกแบบมาอย่างตั้งใจ กลับไม่มีที่มาที่ไปเลยแม้แต่น้อยแม้กระทั่งเราจะเล่นเนื้อเรื่องจนจบแล้วก็ตาม ทำให้เนื้อเรื่องที่ราบเรียบอยู่แล้วแบนสนิทยิ่งกว่าเดิม

เกมเพลย์แนว Tower Defense Strategy

สำหรับเกมเพลย์หลักของเกมจะแบ่งออกเป็น 2 เฟส ด้วยกัน อย่างแรกคือกลางวันที่เราจะช่วยเหลือชาวบ้าน ไล่เก็บของอัปเกรดตัวละคร ซ่อมแซมป้อมปราการ ในขณะที่ตอนกลางคืนมีเป้าหมายคือการให้ Yashiro ไปชำระล้างเหล่าปิศาจ ซึ่งเราและเหล่าชาวบ้านที่เก็บรวบรวมมาก็ต้องปกป้องตัว Yashiro ในระหว่างทาง ซึ่งการเล่นก็จะวนระหว่างกลางวันกลางคืนไปเรื่อยๆ จนกว่าจะชำระล้างประตูที่เป็นที่มาของเหล่ามอนสเตอร์ได้หมด

สำหรับคนที่ไม่เคยเล่นเกมแนวนี้มาก่อนอาจจะมองว่าน่าเบื่อหรือเปล่า กลางวันก็แค่เก็บของ กลางคืนก็วางคนป้องกัน แต่ตัวเกมจริงๆ นั้นมีอะไรให้ทำมากมาย ทั้งในเวลากลางวันที่แต่ละด่านก็จะมีสภาพแวดล้อมต่างกันออกไป แถมเวลายังสั้นเรียกว่าแทบจะไม่พอทำอะไรด้วยซ้ำ

นอกจากนี้การพา Yashiro ไปชำระล้างประตูเรายังมีอิสระในการเลือกทางเดิน ทำให้เราสามารถลองกลยุทธ์ได้หลากหลาย จะเดินอ้อมเพื่อทางที่ปลอดภัยกว่า หรืออยากจะเร่งจบด่านด้วยการพุ่งทะลุทลวงเหล่าศัตรู ทั้งหมดขึ้นกับทรัพยากรการวางแผนของเรา ลองปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ไปเรื่อยๆ เรียกว่าไม่เบื่ออย่างแน่นอน

และนอกจากเกมเพลย์แบบ Tower defense ตามปกติแล้ว ยังมีด่าน boss battle อย่างที่รู้ๆ กันว่านอกจากการวางชาวบ้านป้องกันแต่ละจุดแบบ Tower defense แล้ว เรายังมีตัวละครหลัก Soh ของเราที่มีเกมเพลย์แบบแอคชั่น ซึ่งใน Boss battle จะเน้นเกมเพลย์ด้านแอคชั่นเพิ่มเติมเข้าไป ผสมผสานกับการช่วยเหลือบางส่วนของเหล่าชาวบ้านที่เราวางไว้ ซึ่งก็จะได้อรรถรสอีกแบบในการเล่นแตกต่างไปจากด่านปกติ

โดยรวมแล้วในด่านปกติตัวเกมก็หาจุดลงตัวของการใส่เกมเพลย์แอคชั่นและ tower defense เข้าไว้ด้วยกัน นอกจากนี้ยังมีด่านบอสไว้เผื่อใครที่สู้ไม่เร้าใจ ซึ่งเกมเพลย์แอคชั่นก็ไม่ต้องห่วงฝีมือของ Capcom เรียกว่าทำมาลื่นไหล รวดเร็ว แต่ยังดูหนักหน่วงรุนแรง

งานออกแบบสไตล์ญี่ปุ่น

การนำเสนอวัฒนธรรมญี่ปุ่นภายในเกมนี้ เรียกว่าเป็ฯสิ่งที่ทีมงานของเราชอบมากที่สุดเลยก็ว่าได้ ทั้งงานภาพ และตัวเพลง รวมถึงการใส่เนื้อเรื่องนิทานปรัมปราของญี่ปุ่นเข้าไปในส่วนต่างๆ หากจะให้เปรียบเทียบ นี่คืองานที่สืบต่อจาก Okami ที่อยู่ในค่ายเดียวกัน เพิ่มเติมคือบรรยากาศสยองขวัญที่มีเหล่าโยไคเพ่นพ่านไปมานั่นเอง

อย่างส่วนเล็กๆ ที่ทีมงานใส่เข้ามาอย่างขนม Wagashi ที่จะเป็นรางวัลเมื่อเราซ่อมแซมฐาน ซึ่งคุณสมบัติของมันมีไว้ให้ Yashiro กิน แม้จะไม่มีผลในด้านเกมเพลย์ แต่เราจะได้เห็นท่วงทาการกินที่เป็นดั่งวัฒนธรรมเก่าแก่ของชาวญี่ปุ่นโบราณ

พูดเพิ่มเติมในด้านเพลง เครื่องดนตรีที่มาประกอบทุกอย่างเรียกว่าอยู่ในวัฒนธรรมญี่ปุ่นดั้งเดิมทั้ง Taiko, Shamisen, Koto, Shakuhachi และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งในช่วงเฟสกลางวันเพลงก็แสดงอารมณ์ผ่อนคลายออกมาได้เต็มที่ ในทางตรงกันข้ามกับช่วงกลางคืนตัวเพลงก็เร่งเร้าเพิ่มเติมด้วยแนวเพลงอื่น เพื่อให้เหมาะสมกับอะดรีนาลีนที่กำลังสูบฉีด

สรุป รีวิว Kunitsu-Gami: Path of the Goddess

Kunitsu-Gami: Path of the Goddess ถือเป็นอีกหนึ่งเกมที่นำเสนอวัฒนธรรมญี่ปุ่นได้ออกมาอย่างยอดเยี่ยม ทั้งงานภาพ เพลง และองค์ประกอบเล็กๆ ในทุกๆ จุดของเกม แสดงถึงความใส่ใจของ Capcom ได้เป็นอย่างดี ตัวเกมเพลย์ทั้งในด้านแอคชั่นก็ทำมาได้อย่างลื่นไหล รวดเร็ว ในด้านการวางแผน Tower defense ถึงแม้อาจจะยากไปบ้างสำหรับมือใหม่ แต่ถ้าคุ้นชินแล้วเรียกว่าเพลินเลยทีเดียวด้วยความหลกหลายของทางเลือกที่เกมใส่มา

ข้อเสียหลักของเกมคือความลึกของเกมในด้านแอคชั่น ที่ไม่ได้มีเกมเพลย์หลากหลายมากนักและสามารถเรียนรู้จนหมดได้ในเวลาไม่นานซึ่งอาจจะทำให้เบื่อเอาได้หากเป็นผู้เล่นสายแอคชั่น อีกจุดหนึ่งที่เป้นจุดด้อยคือเนื้อเรื่องที่เรียบแบน ไม่มีมิติทั้งการเล่าความสัมพันธ์ของตัวละคร เบื้องหลังที่มาที่ไปรวมถึงเซตติ้งของโลกนี้ก็ไม่ได้มีการอธิบายเพิ่มเติมมากพอ จบไปแบบไม่รู้อะไรเลย ก็ได้แต่หวังว่า IP นี้จะได้รับการพัฒนาต่อในอนาคตเพื่อขยายจักรวาลให้เราได้เรียนรู้เกี่ยวกับเนื้อเรื่องภายในเกมมากขึ้น

Kunitsu-Gami Path of the Goddess เตรียมวางจำหน่ายในวันที่ 19 กรกฎาคม 2024 บน Xbox One, Xbox Series, Playstation 4, Playstation 5 และ PC

---

อย่าลืมติดตาม Gamer555 เพื่อไม่พลาดข่าวสารเพิ่มเติมที่น่าสนใจ