ทางเรา Gamer555 ได้รับเกียรติจาก Bandai Namco ในการเข้าสู่ช่วง Hands-on session ที่เป็นการให้เล่นส่วนหนึ่งของตัวเกม Armored Core VI Fires of Rubicon วันนี้มาแชร์กันว่าภายในเกมที่ได้สัมผัสมานั้นเป็นอย่างไรบ้าง
ความรู้สึกรวมระหว่างเล่น
ตัวผู้เขียนได้รับโอกาสในการเล่นเกมเป็นเวลาทั้งหมด 4 ชั่วโมง ด้วยหุ่นในระดับที่ว่าสามารถใช้ในการจบเกมได้ แต่ถึงแม้หุ่นจะเก่งในระดับนั้น ทีมงานก็กั้นไม่ให้ได้รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับเกมมาก ทาง Bandai Namco เลยใส่ระบบให้ผู้ที่เล่นช่วงพรีวิวมีภารกิจที่สามารถทำได้อย่างจำกัด แต่เอาจริงๆ นะ ตัวผู้เขียนยังไม่เชื่อตัวเองเลยเพราะขนาดภารกิจที่จำกัดแล้วซึ่งน่าจะเคลียร์ได้สบายๆ ด้วยหุ่นระดับนี้ แต่กลายเป็นว่าทำภารกิจไม่สำเร็จเพราะตัวเกมยากกว่าที่หลายคนคิดไว้เลยล่ะ
ในฐานะผู้เล่นที่เคยเล่นเกมในแฟรนไชส์นี้มาบ้างในอดีต ความยากของเกมภาคนี้ท้าทายอย่างมาก แต่ยังอยู่ในระดับที่สนุกอยู่ ซึ่งก็ถือว่าน่าจะกลายเป็นหมุดหลักของ From Software ไปแล้วอย่างเกมตระกูล Soulsborne แต่ว่าในภาคนี้ยังคงกลิ่นอายของความเป็น Armored Core ได้อย่างดีผสมกับสิ่งใหม่ที่เป็นลูกเล่นสร้างสีสันเพิ่มเข้าไป
ในการเล่นครั้งนี้ผู้เขียนเล่นบน PC เมื่อดูจากประวัติของ From Software แล้วต้องบอกว่าการ optimized ในแพลตฟอร์มนี้ทำได้ไม่ค่อยดีนัก แต่ใน Armored Core VI ตัวเกมระหว่างเล่นทำได้ลื่นไหลไม่มีกระตุก FPS drop บัค หรือเกมระเบิดแต่อย่างใด
โครงสร้างของภารกิจ
กรุณาอย่าคาดหวังว่าเกมภาคนี้จะเป็น semi-open-world เพราะ Armored Core ก็ยังเป็น Armored Core ที่มีระบบภารกิจที่ชัดเจนซึ่งก็ถูกตามเนื้อเรื่องอยู่ เราขึ้นขับหุ่นคงไม่ได้กินลมชมวิวเล่นแต่อย่างใด
ตั้งแต่เริ่มเกม ตัวเกมจะไม่เล่าอะไรมาก แต่ให้คุณสวมบทบาทเป็นทหารรับจ้างโค้ดเนม “Raven” ที่ได้รับคำแนะนำจาก “Walter” ซึ่งเราจะถูกมองว่าเป็นมือใหม่ ที่ต้องพิสูจน์ฝีมือและความภักดีให้เห็นผ่านภารกิจอันตรายต่างๆ ทั้งหมดเพื่อสนับสนุนองค์กรขนาดยักษ์ในการเก็บเกี่ยว “Coral” พลังงานอันสำคัญที่ทำให้เกิดความขัดแย้ง และเป็นสาเหตุที่แท้จริงของการเกิด “The Fires of Ibis”
ตามเทรนด์เกมของ From Software โลกต้องเกิดหายนะและตกอยู่ในความสงสัยไร้ทางออก ซึ่ง Armored Core VI ก็เป็นเช่นนั้น เมื่อคุณเริ่มรู้ว่าคุณมีหน้าที่อะไร สถานการณ์โดยรอบภายในโลกแห่งนี้เป็นอย่างไร คุณจะได้มีส่วนร่วมกับภารกิจที่ใหญ่ขึ้น ได้ไปเจอกับทหารรับจ้างขับหุ่นคนอื่นๆ ส่วนเนื้อเรื่องนอกจากเสียพากย์เล็กน้อยและคัทซีน ก็ต้องให้เราไปค้นหากันเอาเอง ซึ่งถือเป็นจุดเด่นของเกมจากสตูดิโอนี้แล้วล่ะ
พูดถึงโครงสร้างของภารกิจภายในเกม คุณจะได้รับทางเลือกที่จะเลือกภารกิจต่างๆ ที่เสนอเข้ามาพร้อมกันในช่วงเวลาหนึ่ง และสามารถย้อนไปทำภารกิจที่ยังไม่เคยทำได้หากต้องการฟาร์มของ ซึ่งภารกิจเท่าที่เล่นมาถือว่าออกแบบมาได้ดีมากในด้านความหลากหลาย ไปสู้กับหุ่นยักษ์ที่เรามีขนาดแค่ปลายขาของมัน สู้กับศัตรูที่รายล้อม หรือต่อสู้ท่ามกลางพายุทรายที่มีวิสัยทัศน์ที่แย่ลง ทำใหไม่รู้สึกซ้ำจำเจเวลาทำแต่ละภารกิจ
บางภารกิจก็มีเป้าหมายง่ายๆ ที่สามารถทำให้เสร็จได้ในเวลาอันสั้น ในขณะที่บางภารกิจก็เป็นแผนที่กว้างที่มีจุดพักเติมทรัพยากรระหว่างทาง หรือแม้แต่ในภารกิจเดียวกันก็มีทางเลือกภายในภารกิจเช่น ภารกิจย่อยในการไปสู้กับมินิบอส เป็นต้น ตัวผู้เขียนเลยมองว่าในเกมเต็มด้วยความที่แต่ละภารกิจมีความแตกต่างคงเป็นเรื่องไม่น่าเบื่อนเวลากลับไปฟาร์มหาของมาอัปเกรดหุ่นของเรา
เกมเพลย์
เกมเพลย์และการควบคุมคือหนึ่งในส่วนที่ผู้เล่นให้ความสำคัญสูงที่สุดในเกมขับหุ่น ซึ่ง Armored Core VI ทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมกลบจุดด้อยของเกมขับหุ่นอื่นๆ ได้ ต้องขอบคุณการควบคุม ความแม่นยำในการเล็งและการตอบสนองภายในเกมที่ไม่เป็นตัวถ่วง หรือสร้างความน่ารำคาญระหว่างเล่น ตัวเกมไม่ได้รวดเร็วในระดับภาค 4 แต่ก็ไม่ได้ช้าเหมือนใน Trailer ที่เคยปล่อยออกมาให้ชมกัน ซึ่งถือว่าทางผู้พัฒนาหาจุดสมดุลได้เป็นอย่างดี
สำหรับตัวหุ่นคุณจะมีช่องใส่อาุธสี่อันซึ่งอยู่ที่มือสองข้าง และที่หัวไหล่ ที่เหลือก็แล้วแต่จินตนาการว่าจะใส่อาวุธอะไร จะสร้างคอมโบแบบไหนขึ้นมาตราบใดที่มันไม่เกินข้อจำกัดบางอย่างเช่น น้ำหนัก ซึ่งถ้าเราออกแบบส่วนผสมของอาวุธออกมาได้ดีมากพอ ศัตรูหลายตัวแทบจะทำอะไรเราไม่ได้เลยทีเดียว
ทางทีมผู้พัฒนานอกจากจะใส่ระบบอาวุธอันเป็นเอกลักษณ์ ยังใส่ฟีเจอร์ Assault Boost ซึ่งมีบทบาทสำคัญมากในภาคนี้ ซึ่งแน่นอนลองคิดว่ามีสกิลที่ทำให้คุณเคลื่อนที่ได้เร็วโคตรๆ ตามที่ตายังมองทันด้วยการกดพลังงาน (Energy boost) จนกว่ามันจะหมดซึ่งมันทำหน้าที่ได้หลากหลาย ทั้งช่วยย่นระยะเวลาในการสำรวจแผนที่ที่กว้างๆ พุ่งเข้าหาศัตรูจากระยะไกล หรือใช้ในการหลบหลีกการโจมตีจากศัตรู ซึ่งทำให้เราเล่นได้ดุดัน รวดเร็ว และหลากหลายมากยิ่งขึ้น
ซึ่งใครจะไปคิดล่ะว่าการที่เพิ่มการบูสตค์ให้หุ่นจะทำให้เกมเพลย์มีความเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก บอกเลยว่าระหว่างที่เล่นไปทุกครั้งที่เกจบูสต์หมดมันทำให้เรารู้สึกว่าเกมยากขึ้นมาทันที ซึ่งต้องบอกก่อนว่าศัตรูในภาคนี้เวลาเจอระยะไกลนั้นน่ากลัวมาก ด้วยถึงแม้มันจะยิงไม่แม่นเท่าไหร่ แต่ปืนระยะไกลโดนไปทีมีร่วงแล้วโดนซ้ำจนเละได้ ดังนั้น Assault Boost จึงเป็นสิ่งจำเป็นมากในการเข้าไปต่อสู้ระยะประชิด
และด้วยความที่ภารกิจเกือบทั้งหมดต้องทำให้สำเร็จแบบรวดเดียวแม้จะใหญ่ขนาดไหน คุณต้องบริหารจัดการทรัพยากรต่างๆ เช่น กระสุน กล่องซ่อมให้ดี ซึ่งมันก็เป็นทางเลือกสำหรับสายระยะประชิดที่ไม่ต้องเครียดกับเรื่องกระสุนมากด้วยการพกดาบไปซะเลย ซึ่งมันก็ทำให้เราต้องจัดการเปลี่ยนอาวุธให้เหมาะสมกับสภาพด่านด้วยเพิ่มความหลากหลายในการเล่นเกม
บอสที่โหดโคตร
พูดถึงบอสไม่ต้องสงสัยเลยว่าจุดสูงสุดของความโหดภายในเกมนี้ก็บอสนี่แหละ หลังจากทำภารกิจแบบสบายใจ ไม่นานนักก็ไปเจอกับบอสตัวแรกที่รูปแบบการต่อสู้ยาก เพราะบอสถึกแบบไม่รู้จะถึกไปไหนแล้วยังมีลูกเล่นแถมพลังโจมตีที่แรงอีก ซ้ำยังมีหลายเฟสที่ทำให้บอสเปลี่ยนเป็นรูปแบบอื่น และภายในรูปแบบอื่นก็เปลี่ยนมันซ้ำอีกรอบ
เอาตรงๆ คือใน 4 ชั่วโมงการเล่นเกมของผู้เขียน มากกว่าครึ่งหนึ่งก็บอสนี่แหละที่นานได้ขนาดนั้นเลยส่วนเกมเพลย์ของบอสน่าจะต้องให้ผู้เล่นไปสัมผัสกันเอง ซึ่งไม่รู้ว่าในเกมจริงบอสจะโดนเนิร์ฟความอึดลงไหม เพราะบางทีในช่วงลองเล่นอาจจะเป็นตัวถ่วงเวลาให้ผู้เล่นแต่ละคนไปกันได้ไม่ไกลในแต่ละภารกิจ แต่ต้องบอกว่าถึงแม้จะยากแต่ตอนสู้กับบอสคือสนุกมาก ยิ่งบอสมีการโจมตีที่หลากหลาย มีเฟสต่างๆ เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ทำให้ไม่เบื่อ และคาดว่าต่อให้บอสถึกขนาดนี้บางทีอาจจะไม่ยากแบบนั้นถ้าปรับแต่งหุ่นมาได้เหมาะสม ซึ่งก็เป็นแกนของ Armored Core ในทุกๆ ภาค
ระบบ Customization อันเป็นจุดเด่น
ถ้าไม่มีระบบ customization คงไม่เรียกว่าเป็นเกม Armored Core ยอมรับเลยว่าภาคก่อนๆ ผู้เขียนไม่ได้ใส่ใจกับส่วนนี้มากนักซึ่งมันทำให้ความสนุกในการเล่นเกมนี้หายไป (ตอนนั้นยังเด็กน่ะ) ซึ่งการทดลองหาสูตรผสมปรับแต่งหุ่นที่ดีที่สุดคือจุดเด่นจริงๆ คุณไม่ใช่นั่งผ่านภารกิจอัปเกรดเวลปืน แล้วก็จบๆ ไป ต้องมานั่งคิดว่าปืนใหม่ที่ได้เป็นอย่างไร ปืนเก่าพอไหมกับภารกิจหน้าซึ่งเป็นเรื่องที่สนุกมากโดยที่ไม่ต้องอยู่ในฉากต่อสู้ด้วยซ้ำไป
อย่างที่บอกคือนอกจากปืน 4 จุดแล้วเรายังสามารถปรับแต่งในส่วนอื่นได้ เช่นคุณรู้สึกว่าเวลาบูสต์แล้วหมดไว ก็เปลี่ยนตัว generator จากความเร็วมาช่วยให้รีไวขึ้น หรือจะปรับแต่ง booster ที่ช่วยเร่งความเร็วไปในแบบที่เราถนัด หรือจะขาของหุ่นที่เพิ่มการรับน้ำหนักได้เพื่อแลกกับอะไรบางอย่าง เป็นต้น ทั้งหมดสามารถปรับแต่งให้เข้ากับสไตล์การเล่นของเรา หรือภารกิจที่เราต้องไปสู้ต่อจากนี้ได้
ส่วนที่เหลือของการปรับแต่งอาจจะไม่มีผลต่อเกมเพลย์ ก็จะเป็นพวกสี พื้นผิวของหุ่น ดีไซน์เล็กๆ น้อยๆ ซึ่งก็ถือว่าใส่มาพอหอมปากหอมคอ แต่ก็เยอะพอที่ดูแล้วผู้เล่นแต่ละคนคงมีหน้าตาหุ่นเหมือนกันยากพอตัว แถมหากชอบหุ่นคนอื่นเกมยังมีระบบ AC Data เพื่อที่จะแชร์ข้อมูลแพทเทิร์นให้กันและกันได้ด้วย
สรุปความรู้สึกโดยรวม
ต้องบอกตามตรงว่านี่คือมุมมองของคนที่ไม่ได้เล่นเกมขับหุ่นสู้กัน (ผู้เขียนเป็นสาย strategy จ๋า) Armored Core VI Fires of Rubicon เป็นเกมที่สดใหม่ให้ประสบการณ์ในการเล่นที่ดี ทั้งการนำรากเดิมของแฟรนไชส์นี้มาต่อยอดปรับปรุงและเพิ่มสิ่งใหม่เข้ามาจากงานในยุคหลังของ From Software (อย่างการสู้กับบอสที่โคตรโหด) ทำให้เกมมีเอกลักษณ์และความท้าทายเป็นอย่างมาก
อีกหนึ่งสิ่งที่ต้องตบมือให้คือความหลากหลายของภารกิจ ไม่ว่าจะเล็ก กลาง ใหญ่ มีดีเทลปลีกย่อยแตกต่างกันไป ซึ่งส่วนตัวผู้เขียนเชื่อว่า Armored Core VI จะสามารถเป็นเกมที่สามารถแนะนำให้ผู้เล่นเกมสายขับหุ่นชื่นชอบได้อย่างแน่นอน แต่อาจจะต้องปรับวิธีคิดนิดนึงเรื่องระบบ customization ซึ่งบางคนที่ไม่เคยเล่นต้องเผชิญ แต่บอกได้เลยว่าเมื่อชินแล้วการลองเล่นบิ้วด์ใหม่เรื่อยๆ น่าจะเป็นอะไรที่สนุกเลยล่ะแม้จะกลับไปเล่นด่านเดิมก็ตาม
Armored Core VI Fires of Rubicon เตรียมวางจำหน่ายในวันที่ 25 สิงหาคมนี้ บน PlayStation 4, PlayStation 5, Xbox One, Xbox Series X/S และ PC
Discussion about this post