จากการทำข่าวของเราที่งาน Tokyo Game Show 2025 เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เราได้มีโอกาสพูดคุยกับทาง Atlus อีกครั้งเกี่ยวกับ Persona 3 Reload ซึ่งจะวางจำหน่ายบน Nintendo Switch 2 ในเร็วๆ นี้ ตัวแทนหลักสองคนของพวกเขาในเซสชันสัมภาษณ์นี้คือ คุณ Kazuhisa Wada ในฐานะหัวหน้าของ P-Studio และ คุณ Yoshihiro Komori ซึ่งดำรงตำแหน่งใหม่เป็น Porting Director สำหรับเวอร์ชัน Switch 2 นอกเหนือจากการพูดคุยถึงแผนการวางจำหน่ายของเกมบนแพลตฟอร์มใหม่ของ Nintendo แล้ว ยังมีการพูดคุยที่น่าสนใจอื่นๆ เกี่ยวกับกระบวนการพัฒนาที่ยังไม่เคยถูกพูดถึงมาก่อน

การปรับแต่งเกมเพลย์ให้เหมาะสมในแต่ละแพลตฟอร์ม
หนึ่งในความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดคือการปรับ Persona 3 Reload ให้เข้ากับหลายแพลตฟอร์ม โดยเฉพาะ Nintendo Switch 2 ด้วยโหมดการเล่นทั้งแบบพกพาและแบบทีวีดั้งเดิม การรักษาความสามารถในการอ่านและความคมชัดของภาพจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง Porting Director คุณ Yoshihiro Komori อธิบายว่า “Persona 3 Reload ถูกพัฒนาโดยคำนึงถึงหลายแพลตฟอร์มตั้งแต่แรก ดังนั้นเราจึงใช้แบบอักษรที่ใหญ่ขึ้น คุณสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนบนทีวีความละเอียดสูง และโหมดพกพาก็ทำงานได้อย่างราบรื่นเช่นกัน มันควรจะทำงานได้ดีบนทุกหน้าจอ”
นอกเหนือจากขนาดตัวอักษรแล้ว ทีมงานยังได้ทดสอบประสิทธิภาพในสภาพแวดล้อมต่างๆ ปรับปรุงภาพและ UI เพื่อให้แน่ใจว่ามีความคมชัดในทุกฉาก คุณ Komori กล่าวเสริมว่า: “เราได้ปรับปรุงโมเดลตัวละครใหม่, ปรับปรุงองค์ประกอบ UI และมุ่งเน้นไปที่การทำให้ประสบการณ์รู้สึก ‘เหมือน Persona 3’ มากขึ้น ทีมงานของเรา ทั้งทีมดั้งเดิมและทีมใหม่ ทำงานร่วมกันเพื่อมอบประสบการณ์การเล่นเกมที่ดีขึ้นบน Nintendo Switch 2” ขั้นตอนเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ Atlus ในการเข้าถึงผู้เล่นในขณะที่ยังคงรักษาประสบการณ์หลักของเกมดั้งเดิมไว้

การรักษาแก่นแท้ของซีรีส์ดั้งเดิม
แม้จะมีการอัปเดต แต่การรักษาเรื่องราวหลักและปฏิสัมพันธ์ของตัวละครดั้งเดิมไว้ก็เป็นสิ่งสำคัญสูงสุด คุณ Kazuhisa Wada อธิบายว่า “เราต้องการรักษาประสบการณ์ที่แท้จริงที่ผู้เล่นรู้สึกเมื่อเล่น Persona 3 เป็นครั้งแรก ผู้สร้างหลายคนอาจต้องการทำการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในเรื่องราวหรือการออกแบบตัวละคร แต่สำหรับ Persona 3 Reload เราตัดสินใจที่จะไม่เปลี่ยนแปลงมากเกินไป แต่เราได้ทำการปรับเปลี่ยนเล็กๆ น้อยๆ เพื่อทำให้ประสบการณ์ของผู้เล่นลึกซึ้งยิ่งขึ้น”
ปรัชญานี้ยังสะท้อนให้เห็นในกลไกเกมเพลย์ใหม่ๆ เช่น ระบบ Shift (คล้ายกับ Baton Pass ใน Persona 5) และท่าไม้ตาย Theurgy ซึ่งช่วยเพิ่มกลยุทธ์ในการต่อสู้โดยไม่เปลี่ยนแปลงความรู้สึกดั้งเดิม คุณ Wada กล่าวเสริมว่า “Theurgy ทำงานแตกต่างกันไปสำหรับตัวละครแต่ละตัวและมีประโยชน์อย่างยิ่งเมื่อต่อสู้กับบอสหรือศัตรูที่ยากลำบาก การเพิ่มเข้ามาเป็นวิธีการขยายกลยุทธ์ในขณะที่ยังคงเคารพการออกแบบดั้งเดิม”
การออกแบบภาพและเสียง
การอัปเดตด้านภาพและเสียงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการมอบประสบการณ์ที่ทันสมัย ทีมงานได้ออกแบบโมเดลตัวละครใหม่, ปรับปรุงสภาพแวดล้อม และปรับองค์ประกอบ UI เพื่อสะท้อนสุนทรียศาสตร์สีน้ำเงินอันเป็นเอกลักษณ์ของ Persona 3 คุณ Wada กล่าวว่า: “เรานำโมเดลจาก P3D กลับมาใช้ใหม่ แต่ได้ทำการปรับปรุงมากมายเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศดั้งเดิม พนักงานที่เคยเล่นเกมต้นฉบับก็มีส่วนร่วมอย่างมากเพื่อให้แน่ใจว่ามีความสมจริง”
สำหรับด้านเสียง บทสนทนาทั้งหมดได้รับการบันทึกเสียงใหม่โดยใช้นักพากย์ภาษาญี่ปุ่นดั้งเดิม ซึ่งเป็นการเชื่อมช่องว่างด้านคุณภาพการแสดงที่ห่างไป 20 ปี “การแสดงไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก แต่นักพากย์ได้ดื่มด่ำกับบทบาทของตนมากขึ้น ส่งผลให้การถ่ายทอดบทสนทนาดีขึ้น” คุณ Wada กล่าว
นอกจากนี้ พวกเขายังได้เพิ่มนักร้องใหม่ๆ อย่าง คุณ Azumi Takahashi เพื่อนำพลังของคนหนุ่มสาวมาสู่บางเพลง ซึ่งเป็นการเสริมเสียงของนักร้องรุ่นเก๋าอย่าง คุณ Yumi Kawamura เพลงประกอบได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติแล้ว ทีม ATLUS Sound ติดอันดับ Top 10 กลางปีของ Spotify สำหรับศิลปินญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยมสูงสุดในต่างประเทศ และเพลง “It’s Going Down Now” ก็ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Music Awards Japan
คุณ Wada กล่าวเสริมว่า “ดนตรีของเราจะไม่มีอยู่หากไม่มีเกม ดังนั้นเราจึงรู้สึกขอบคุณนักพัฒนา, แฟนๆ และทุกคนที่ทำให้ความสำเร็จนี้เป็นไปได้”

การพัฒนาตัวละครและการเล่าเรื่อง
การรีเมคยังเป็นโอกาสในการเพิ่มความลึกให้กับการพัฒนาตัวละครและรายละเอียดของเรื่องเล่า คุณ Wada เน้นย้ำว่าในขณะที่ตัวละครทุกตัวได้รับการขยายความ แต่ Yukari และ Junpei ได้รับการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่สุด
“การใช้ชีวิตในหอพักเปลี่ยนความรู้สึกทั้งหมดของเกม ปฏิสัมพันธ์ระหว่างตัวละครมีความหลากหลายมากขึ้น และอีเวนต์ใหม่ๆ ก็ช่วยเพิ่มความผูกพันของผู้เล่นกับพวกเขา” เขากล่าว ทีมพัฒนายังได้เพิ่มเนื้อหาใหม่ๆ เช่น Aigis Episode DLC ซึ่งได้รับการพัฒนาอย่างเต็มที่หลังจากเกมหลักเสร็จสมบูรณ์แล้ว คุณ Wada อธิบายว่า “Aigis Episode เป็นเนื้อหาเพิ่มเติม ไม่ใช่สิ่งที่ถูกตัดออกจากเกมหลัก ผู้เล่นสามารถเพลิดเพลินกับทั้งเรื่องราวหลักและ DLC ได้อย่างเต็มที่”
นักพัฒนาได้สร้างสมดุลการปรับปรุงเหล่านี้เพื่อให้แฟนๆ รุ่นเก่ายังคงรู้สึกถึงความคิดถึงในขณะที่มอบประสบการณ์เรื่องราวใหม่ที่สดใหม่ “เราพยายามยกระดับประสบการณ์ของผู้เล่นโดยไม่เปลี่ยนแปลงแก่นของเรื่องเล่ามากเกินไป” คุณ Wada กล่าวเสริม
การแปลและการปรับให้เข้ากับภาษาจีน
นอกเหนือจากญี่ปุ่นและตลาดโลกแล้ว Atlus ยังได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการแปลและการปรับให้เข้ากับท้องถิ่นภาษาจีนกลางสำหรับตลาดจีนและชุมชนเกมนานาชาติ คุณ Wada เน้นย้ำว่า: “เราต้องการให้แน่ใจว่าประสบการณ์การเล่นเกมยังคงสมจริง แม้ว่าจะถูกแปลไปแล้วก็ตาม นี่ไม่ใช่แค่เรื่องของการเปลี่ยนข้อความ แต่ยังรวมถึงการจับความแตกต่างของตัวละครและอารมณ์ขันให้เหมือนกับต้นฉบับด้วย”
ทีมปรับให้เข้ากับท้องถิ่น (localization) ได้ทำให้แน่ใจว่าทุกบรรทัดของบทสนทนา, คำศัพท์ และการอ้างอิงทางวัฒนธรรมได้รับการแปลอย่างถูกต้อง เพื่อให้ผู้เล่นชาวจีนสามารถเพลิดเพลินกับเกมได้โดยไม่สูญเสียบริบทของเรื่องราวหรือบุคลิกของตัวละครไป คุณ Komori กล่าวเสริมว่า “การปรับให้เข้ากับท้องถิ่นไม่ใช่แค่เรื่องของภาษา แต่ยังเกี่ยวกับการรักษากลิ่นอายของเกมด้วย เราได้ตรวจสอบข้อความและ UI ทั้งหมดเพื่อให้แน่ใจว่ามันยังคงชัดเจนและให้ความรู้สึกเหมือนเป็นประสบการณ์ Persona 3 ที่แท้จริง”
แนวทางนี้ทำให้มั่นใจได้ว่า Persona 3 Reload จะสามารถเป็นที่ชื่นชอบของแฟนๆ ทั่วโลกได้อย่างสม่ำเสมอ เป็นการขยายความน่าสนใจของเกมไปทั่วโลกโดยไม่ลดทอนคุณภาพหรือความสมจริงของเรื่องราว

เข้าถึงง่ายและความน่าสนใจในระดับโลก
Persona 3 Reload ยังถูกออกแบบมาให้เป็นมิตรกับผู้เล่นใหม่ คุณ Wada อธิบายว่า: “Persona 3 เป็นรากฐานสำหรับซีรีส์ Persona ในปัจจุบัน แม้ว่าหมายเลข 3 อาจจะดูน่ากลัวสำหรับผู้เล่นใหม่ แต่เราได้ออกแบบเกมนี้ให้เข้าถึงได้ง่ายก่อนที่จะไปต่อที่ Persona 4 หรือ 5”
คุณ Komori ซึ่งเป็นสมาชิกของซีรีส์นี้มาอย่างยาวนาน กล่าวเสริมว่า: “หลังจากผ่านไป 20 ปี ผมตื่นเต้นมากที่ได้ทำงานในโปรเจกต์นี้ การได้เล่นเกมต้นฉบับอีกครั้งทำให้ผมชื่นชมรายละเอียดที่ซับซ้อนและความหลงใหลของนักพัฒนา ผมต้องการให้ผู้เล่นใหม่บน Nintendo Switch 2 ได้สัมผัสกับความตื่นเต้นและความดื่มด่ำเช่นเดียวกัน”
พวกเขายังได้ฝากข้อความพิเศษถึงแฟนๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดย คุณ Wada กล่าวสรุปว่า “ในฐานะนักพัฒนา สิ่งที่ทำให้เราก้าวต่อไปคือแฟนๆ ของเราและวิธีที่พวกเขาเพลิดเพลินกับเกมของเรา เรามีความสุขและโชคดีมากที่มีแฟนๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเราหวังว่าทุกคนจะสนุกกับ Persona 3 Reload และผลิตภัณฑ์ในอนาคตของเรา”
หากคุณสนใจเกมนี้ Persona 3 Reload วางจำหน่ายแล้วบน PlayStation 4, PlayStation 5, Xbox One, Xbox Series และ PC โดยจะมีเวอร์ชัน Nintendo Switch 2 ตามมาในวันที่ 23 ตุลาคมนี้
อย่าลืมติดตาม Gamer555 เพื่อไม่พลาดข่าวสารเพิ่มเติมที่น่าสนใจ
Discussion about this post