คงไม่มีใครปฏิเสธว่า Monster Hunter กลายเป็นแฟรนไชส์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของ Capcom ในยุคปัจจุบัน ทำให้ความคาดหวังต่อเกมใหม่ โดยเฉพาะเกมที่เดินตามรอย Monster Hunter: World นั้นสูงมาก แม้ว่า Capcom จะออก Monster Hunter Rise ซึ่งวางจำหน่ายบนหลายแพลตฟอร์มนอกเหนือจาก Nintendo Switch แต่ตำแหน่งของ World ยังคงแข็งแกร่งทั้งในแง่ของยอดขายและจำนวนผู้เล่นที่ยังคงเล่นอยู่ การรอคอยเกมภาคหลักใหม่ที่สามารถเอาชนะมันได้กำลังจะสิ้นสุดลงในเร็วๆ นี้ เพราะในสัปดาห์นี้ Capcom พร้อมที่จะปล่อย Monster Hunter Wilds แล้ว
ด้วยแนวคิดที่ทะเยอทะยานมากขึ้นแต่ยังคงรักษาเอกลักษณ์ของแฟรนไชส์ ความตื่นเต้นสำหรับเกมนี้มีสูงตั้งแต่ช่วง Beta Test สองรอบที่ผ่านมา ซึ่งมีผู้เล่นหลายแสนคนเข้าร่วมทดสอบ ในระหว่างช่วงทดสอบ Capcom ยังเก็บรวบรวมความคิดเห็นจำนวนมากเพื่อให้มั่นใจว่าคุณภาพของเวอร์ชันสุดท้ายจะออกมาดีที่สุด แต่หากคุณยังลังเลว่า Monster Hunter Wilds อยู่ในเวอร์ชันที่ดีที่สุดแล้วหรือไม่ ทีมงานของเราได้มีโอกาสเล่นเกมนี้ล่วงหน้า และสรุปรีวิวฉบับสมบูรณ์ให้คุณได้อ่านในบทความ รีวิว Monster Hunter Wilds นี้
เนื้อเรื่องที่เข้มข้นขึ้น
เป็นครั้งแรกที่เราได้สัมผัสกับเนื้อเรื่องที่ลึกซึ้งขนาดนี้ในเกม Monster Hunter ก่อนหน้านี้ เนื้อเรื่องมักจะค่อนข้างตื้นเขิน แต่ในภาคนี้การเล่าเรื่องมีชีวิตชีวามากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ ตัวละครของผู้เล่นสามารถพูดได้ ทำให้รู้สึกว่าเรากำลังขับเคลื่อนเรื่องราวในฐานะตัวเอก มากกว่าการเป็นแค่ฮันเตอร์นิรนามที่ออกล่ามอนสเตอร์
แม้ว่าช่วงท้ายเรื่องและบางช่วงของเนื้อเรื่องอาจจะดูแปลกไปบ้างในแง่ของการดำเนินเรื่อง แต่โดยรวมแล้วโครงเรื่องมีความเชื่อมโยงกันดี ฉากคัทซีนมีคุณภาพสูงมาก และทุกองค์ประกอบนำไปสู่จุดไคลแมกซ์ของเรื่องได้อย่างยอดเยี่ยม บางครั้งเราถึงกับนั่งดูคัทซีนเพลินจนลืมไปเลยว่าการต่อสู้กำลังจะเริ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม หากถามว่าเนื้อเรื่องจะตราตรึงใจไปอีกนานหรือไม่ คำตอบก็คงจะไม่ เพราะเช่นเดียวกับเกม Monster Hunter ส่วนใหญ่ เนื้อเรื่องไม่ใช่จุดที่ผู้เล่นให้ความสำคัญมากที่สุด แต่ถึงอย่างนั้น เกมก็พยายามทำให้การนำเสนอเนื้อเรื่องดีขึ้น ซึ่งถือเป็นก้าวที่ดีที่อาจได้รับการพัฒนาต่อไปในอนาคต
ในแง่ของความยาวเนื้อเรื่อง ช่วง Low Rank มีความเป็นเส้นตรงและสามารถจบได้ภายในประมาณ 15 ชั่วโมง ก่อนที่ผู้เล่นจะเข้าสู่ภารกิจล่ามอนสเตอร์ระดับ High Rank เรารู้สึกดีที่ได้เห็นว่า Monster Hunter เริ่มให้ความสำคัญกับส่วนของ Lore มากขึ้น เพราะนี่ถือเป็นแนวทางที่ดีที่ควรนำไปพัฒนาต่อ

โลกของเกมที่มีชีวิตชีวา
หนึ่งในจุดเด่นที่สุดของ Monster Hunter คือ การสร้างโลกที่มีความสมจริง และ Wilds ทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม โลกในเกมให้ความรู้สึกสมจริงและน่าเชื่อถือ บางครั้งมันดูสมจริงจนทำให้ผู้เล่นรู้สึกสิ้นหวังเมื่อต้องเผชิญกับการสำรวจที่เต็มไปด้วยอุปสรรค
เช่นเดียวกับใน Monster Hunter: World เกมนี้นำเสนอโลกที่กว้างขวางและมีชีวิตชีวามากขึ้น ตัวอย่างเช่น บริเวณขอบของ Windward Plains แทนที่จะใช้กำแพงล่องหนเป็นขอบเขตของแผนที่ เกมใช้พายุทรายเป็นขีดจำกัดแทน ซึ่งช่วยให้การสำรวจดูกลมกลืนกับธรรมชาติมากขึ้น

สิ่งแวดล้อมใน Monster Hunter Wilds ดูมีชีวิตชีวาอย่างแท้จริง มีสิ่งใหม่ๆ เกิดขึ้นเสมอทุกครั้งที่เราเข้าไปสำรวจ ระบบ เวลาและสภาพอากาศ ส่งผลต่อโลกของเกมโดยตรง ช่วงเช้าถูกอาบไปด้วยแสงแดดอ่อนๆ ช่วงบ่ายมีลมเย็นๆ พัดผ่าน ส่วนช่วงเย็นก็เต็มไปด้วยแสงอาทิตย์ตกสุดงดงาม แต่บางครั้งโลกของเราก็ถูกปกคลุมด้วยพายุหนาวหรือฟ้าผ่าอย่างรุนแรง
ลมในเกมยังเพิ่มความสมจริงให้กับประสบการณ์การเล่น ตั้งแต่ใบไม้ที่ปลิวไปตามลม ทรายที่หมุนวน ไปจนถึงสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงแบบธรรมชาติ สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่แค่เอฟเฟกต์ภาพเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อการล่าอีกด้วย เพราะ เวลาและสภาพอากาศที่แตกต่างกันจะกำหนดว่ามอนสเตอร์ตัวใดจะปรากฏตัว ทำให้การล่ามีความเป็นกลยุทธ์และตื่นเต้นมากขึ้น

หนึ่งในการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ใน Monster Hunter Wilds ก็คือระบบอาหาร ในครั้งนี้ น่าเสียดายที่ไม่มีฉากแมว Palico ปรุงอาหารจานใหญ่พร้อมเสิร์ฟเหมือนในภาคก่อน ๆ เพราะตัวเกมพยายามดึงผู้เล่นเข้าสู่บรรยากาศของธรรมชาติอย่างแท้จริง อาหารและเสบียงจึงกลายเป็นสิ่งที่มีค่ามากขึ้น ตอนนี้ผู้เล่นสามารถปรุงอาหารเองได้ หรือหากล่าสัตว์เป็นเวลานาน ชาวบ้านอาจเชิญไปกินอาหารร่วมกัน การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่เพียงแต่ปรับให้เข้ากับเนื้อเรื่องของเกม แต่ยังทำให้รู้สึกสมจริงยิ่งขึ้นในแง่ของการเอาตัวรอดในป่า
แต่ตามที่กล่าวไว้ ไม่ใช่แค่การไม่มี Canteen เท่านั้นที่ทำให้ความตลกขบขันแบบ Monster Hunter ดูเหมือนจะลดลง ตอนนี้ตัวเกมมีแนวโน้มไปในทิศทางที่จริงจังและดื่มด่ำไปกับโลกที่สมจริงมากขึ้น อย่างน้อยเราก็ยังมี ตดของ Congalala ให้เป็นสีสันอยู่บ้าง ดังนั้นโดยรวมแล้ว ในแง่ของการสร้างโลก Monster Hunter Wilds ทำได้ดีในการสร้างบรรยากาศการล่าที่มีชีวิตชีวาและพัฒนาไปตามกาลเวลา ทำให้ทุกการล่าและการสำรวจเต็มไปด้วยความสนุกโดยอัตโนมัติ
เกมเพลย์ของการล่า
ประสบการณ์การล่าในเกมนี้ให้ความรู้สึกแตกต่างไปจากเดิม ไม่ใช่แค่เพราะสภาพแวดล้อมและกราฟิกที่ดีขึ้น แต่โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพราะระบบใหม่ที่เรียกว่า Wound System หรือ Focus Mode ซึ่งช่วยให้การล่าง่ายขึ้นและเร้าใจมากขึ้น ระบบ Parry System (Offset Attack) และ Wound System ยังทำให้เกมนี้รู้สึกง่ายขึ้นกว่าเกมภาคก่อนๆ การต่อสู้กับ Gore Magala ไม่ได้รู้สึกยากเลย ห่างไกลจากความทรงจำแรกที่เจอใน Monster Hunter 4
หนึ่งในเหตุผลที่ทำให้การล่าง่ายขึ้นคืออาวุธที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้น ในฐานะผู้เล่นค้อน (Hammer) ตอนนี้การเคลื่อนไหวรู้สึกคล่องตัวขึ้น หลีกเลี่ยงและปัดป้องได้ง่ายขึ้น แต่การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่สุดอยู่ที่ Wound System เดิมทีผู้เล่นค้อนจะเน้นโจมตีที่หัวเพื่อทำดาเมจและทำให้มอนสเตอร์มึนงง แต่ตอนนี้เราสามารถโจมตีหลายส่วนของมอนสเตอร์เพื่อสร้างบาดแผลได้ เมื่อมีบาดแผลมากพอ Focus Mode จะช่วยให้เราทำลายชิ้นส่วนเหล่านั้นได้ทันที ทำดาเมจเพิ่มเติม และแม้กระทั่งดรอปวัตถุดิบในขณะเดียวกันกับการล้มมอนสเตอร์

ระบบการขี่มอนสเตอร์ (Mounting System) ก็เปลี่ยนไปเช่นกัน แต่ก่อนเราต้องเน้นโจมตีหัวเท่านั้น แต่ตอนนี้เราสามารถเคลื่อนที่ไปตามตัวมอนสเตอร์เพื่อสร้างบาดแผลหลายจุดได้ในคราวเดียว เมื่อถึงแรงค์สูงขึ้น หากเราโจมตีตรงจังหวะ เราสามารถสร้างบาดแผล 2-3 จุดในครั้งเดียว จากนั้นเราสามารถล้มมอนสเตอร์ลงด้วยการโจมตีบาดแผลแรก แล้วโจมตีต่อไปที่บาดแผลอื่นเพื่อล้มมันอีกครั้ง
เมื่อพูดถึงอาวุธอื่นๆ Long Sword ตอนนี้ลื่นไหลขึ้นมาก คอมโบและการสวนกลับจาก World และ Rise ยังคงอยู่ เช่น Foresight Slash ที่หากโจมตีโดนจะเพิ่มเกจทันที หรือ Iai Spirit Slash ที่ช่วยให้ได้เกจฟรี จากนั้นสามารถใช้ Helm Breaker ต่อได้ พร้อมด้วยฟีเจอร์ใหม่ Spirit Release Slash ที่ทำให้เกจจากสีแดงกลับไปเป็นสีขาว แต่ด้วย Focus Strike ที่โจมตีแผล เราสามารถเติมเกจแดงได้ไวขึ้น ทำให้สามารถใช้ Helm Breaker ซ้ำได้บ่อยขึ้น มันให้ความรู้สึกเท่มากเมื่อเราสามารถสแปม Helm Breaker ไปพร้อมกับ Focus Strike ที่บาดแผลของมอนสเตอร์ซ้ำๆ จนสามารถตัดหางมันได้ และนี่เป็นแค่ Long Sword กับ Hammer เท่านั้น อาวุธอื่นๆ ก็มี Focus Strike ที่ทำให้การต่อสู้มีความไดนามิกมากขึ้นเช่นกัน

นอกจาก Focus Mode แล้ว ระบบ Parry และ Perfect Guard ยังช่วยในการต่อสู้อีกด้วย ตอนนี้อาวุธทุกชนิดสามารถปัดป้องได้ และยังมีสกิลที่เพิ่มโบนัสดาเมจหากเรากด Perfect Guard หรือ Parry ได้ตรงจังหวะ สิ่งนี้ทำให้อาวุธที่เคลื่อนที่ช้ากว่า เช่น ค้อน รู้สึกดุดันและสนุกมากขึ้น Parry หรือ Perfect Guard ยังสามารถทำให้มอนสเตอร์ชะงักชั่วคราว เปิดโอกาสให้เราโจมตีต่อได้
โดยรวมแล้ว ระบบการล่าใน Monster Hunter Wilds ง่ายกว่าภาคก่อนๆ กลไกใหม่เหล่านี้ทำให้ผู้เล่นรู้สึกแข็งแกร่งขึ้น ซึ่งอาจทำให้เกมรู้สึกท้าทายน้อยลงสำหรับผู้เล่นเก่า แต่ขณะเดียวกันก็ทำให้เกมเป็นมิตรกับผู้เล่นใหม่มากขึ้น ใน Monster Hunter World มีภารกิจบางอย่างที่ยากจนต้องขอความช่วยเหลือจากผู้เล่นคนอื่น แต่ใน Monster Hunter Wilds เมื่อเข้าใจระบบแล้ว การล่าคนเดียวก็ง่ายขึ้นมาก
การเลือกอาวุธและชุดเกราะ
ระบบ Equipment Skills ตอนนี้แบ่งออกเป็น 2 ประเภท: Weapon Skills และ Armor Skills เช่น สกิลอย่าง Attack, Critical Eye, และ Focus จะมีเฉพาะในอาวุธเท่านั้น และ Decoration Slots สำหรับสกิลเหล่านี้สามารถติดตั้งได้เฉพาะที่อาวุธ ในขณะที่ชุดเกราะมีสกิลเฉพาะ เช่น Agitator, Evade Window, และ Earplug และช่องตกแต่งของชุดเกราะก็จะรองรับแต่สกิลของชุดเกราะเท่านั้น

ระบบใหม่นี้ทำให้อาวุธมีความสำคัญมากขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งพาชุดเกราะมากเกินไป และยังรองรับระบบ Seikret Secondary Weapon ที่ให้เราสลับอาวุธได้ตลอดเวลาในการล่า
นอกจากนี้ยังมีการปรับสกิลบางอย่างให้ใช้ช่องตกแต่งได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น Guard ที่เคยเป็นสกิลของชุดเกราะ ตอนนี้กลายเป็น Weapon Skill ทำให้จำนวนช่องที่ใช้ลดลง และ Guard Level ถูกปรับจาก 5 เป็น 3 แต่ยังคงให้ผลลัพธ์เหมือนระดับสูงสุดเดิม (ลดดาเมจ 50% และลดการใช้พลังงาน)
ในส่วนของชุดเกราะ Weakness Exploit ตอนนี้เป็นสกิลเฉพาะของชุดเกราะ และระดับสูงสุดเพิ่มจาก 3 เป็น 5 ซึ่งทำให้ต้องใช้ชุดเกราะหรือช่องตกแต่งมากขึ้นเพื่อให้ได้ผลสูงสุด
เกมนี้ยังเพิ่มระบบ Group Skills และ Set Bonuses โดย Group Skills คล้ายกับ Set Bonuses แต่ไม่จำเป็นต้องใส่ชุดเกราะเซ็ตเดียวกัน เช่น เกราะจาก Apex Monsters อาจมี Group Skill: Lord’s Favor ที่สามารถเปิดใช้งานได้เมื่อสวม 3 ชิ้นจาก Rey Dau, Uth Duna, หรือ Nu Udra

ในขณะที่ Set Bonuses ยังทำงานแบบเดิม เช่น ต้องใช้ 2 ชิ้นเพื่อเปิดใช้งานระดับ 1 และ 4 ชิ้นเพื่อระดับ 2 เช่น Rey Dau’s Voltage ที่ต้องใช้เกราะ Rey Dau 2 หรือ 4 ชิ้นเพื่อเปิดใช้งาน
ระบบนี้ทำให้เกิดความเป็นไปได้ในการสร้างบิลด์ที่มากขึ้น แต่ก็ลดความยืดหยุ่นไปบ้าง เพราะต้องใส่ชุดเกราะแบบเฉพาะเพื่อเปิด Set Bonus

มอนสเตอร์ดั้งเดิมและมอนสเตอร์ใหม่
มอนสเตอร์ถือเป็นหนึ่งในส่วนที่น่าตื่นเต้นที่สุดของซีรีส์ Monster Hunter และ Wilds ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น ไม่ว่าจะเป็นมอนสเตอร์คลาสสิกที่กลับมา หรือมอนสเตอร์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามา จากทะเลทรายไปจนถึงป่าดิบชื้น แหล่งน้ำมัน และหน้าผาน้ำแข็ง มอนสเตอร์แต่ละตัวดูกลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อมของมัน ทำให้โลกของเกมรู้สึกมีชีวิตชีวาและสมจริงยิ่งขึ้น
มอนสเตอร์ใหม่หลายตัวได้รับการออกแบบมาอย่างยอดเยี่ยม นำเสนอแนวคิดใหม่ ๆ เช่น สิ่งมีชีวิตที่มีหนวดคล้ายปลาหมึก หรือมอนสเตอร์ที่มีรูปร่างคล้าย Yama Tsukami เห็นได้ชัดว่าทีมนักพัฒนาได้พยายามเพิ่มความหลากหลายให้มากขึ้นในภาคนี้ โดยสร้างมอนสเตอร์ที่มีลักษณะเฉพาะตัว ซึ่งมอบทั้งความท้าทายและความประหลาดใจระหว่างการล่า
ในขณะเดียวกัน การกลับมาของมอนสเตอร์คลาสสิกก็น่าตื่นเต้นไม่แพ้กัน เพราะเป็นการนำเอาตัวละครขวัญใจแฟน ๆ กลับมาให้สัมผัสกันอีกครั้ง มันเป็นความรู้สึกที่ดีเสมอเมื่อได้เห็นมอนสเตอร์ไอคอนิกกลับมาในเวอร์ชันที่มีแอนิเมชันสมจริงยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น Congalala และ Blangonga ยังคงเอกลักษณ์ของสไตล์การโจมตีที่ดูตลกขบขัน แต่ในขณะเดียวกันก็ยังเป็นภัยคุกคามที่ร้ายกาจอยู่ พฤติกรรมและแอนิเมชันของพวกมันยังคงซื่อสัตย์ต่อดีไซน์ดั้งเดิม แต่ได้รับการอัปเดตให้สดใหม่และทันสมัยมากขึ้น การปรับปรุงเหล่านี้ช่วยเพิ่มความรู้สึกคิดถึงและทำให้ประสบการณ์การล่ามอนสเตอร์ใน Wilds ดื่มด่ำและน่าตื่นเต้นยิ่งกว่าเดิม

การยกระดับ Quality of Life
ระบบ Quality of Life (QoL) เป็นสิ่งที่ผู้เล่นมักให้ความสำคัญ และ Monster Hunter Wilds ก็ได้นำเสนอการปรับปรุงหลายอย่างที่ทำให้การล่าสะดวกสบายขึ้นมาก หนึ่งในการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่สุดคือคู่หูสัตว์ขี่ของคุณที่มีชื่อว่า Seikret เจ้านกสองขาที่สามารถเปลี่ยนเป็นสี่ขาเมื่อวิ่ง สิ่งนี้ช่วยอำนวยความสะดวกในการล่าได้อย่างมาก
ในระหว่างที่ขี่ Seikret ผู้เล่นสามารถโจมตีด้วยอาวุธได้ รวมถึงใช้บัฟพิเศษ เช่น กระสุน HBG หรือสกิลของ Hunting Horn ได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังสามารถใช้ Dismount Attack หรือ Jump Attack เพื่อโจมตีมอนสเตอร์จากด้านบน ซึ่งทำให้ระบบ Mounting ง่ายขึ้นกว่าเดิม อีกหนึ่งข้อดีที่สำคัญคือขณะที่ขี่ Seikret ผู้เล่นสามารถลับอาวุธไปพร้อมกับการเคลื่อนที่ได้ ทำให้ลดโอกาสถูกมอนสเตอร์โจมตีในขณะที่กำลังยืนลับอาวุธ
Seikret ยังสามารถพาผู้เล่นไปหามอนสเตอร์เป้าหมายโดยอัตโนมัติ ซึ่งคล้ายกับระบบ Mount ใน World แต่ยังสามารถควบคุมได้อิสระเหมือนกับ Palamute ใน Rise ทำให้การเดินทางสะดวกและลื่นไหลขึ้นมาก
อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่สำคัญคือ การพกพาอาวุธได้สองชิ้น แทนที่จะต้องกลับไปที่แคมป์ทุกครั้งเพื่อเปลี่ยนอาวุธให้เหมาะสมกับมอนสเตอร์ที่เผชิญหน้า ตอนนี้ผู้เล่นสามารถกดปุ่มขณะขี่ Seikret เพื่อเปลี่ยนอาวุธได้ทันที แม้ว่า Seikret จะไม่ได้ช่วยต่อสู้โดยตรงมากเท่า Palamute แต่ก็ยังเป็นคู่หูที่มีประโยชน์ในระหว่างการล่า
ผู้เล่นยังสามารถเรียก Seikret มาช่วยพาหนีออกจากสถานการณ์อันตรายเมื่อพลังชีวิตต่ำได้ อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้โกงเท่ากับ Wirebug ใน Rise เพราะ Seikret ต้องใช้เวลาวิ่งมาหาผู้เล่น และมอนสเตอร์ยังสามารถโจมตีขณะขี่อยู่ ทำให้มีความสมดุลในระบบ
ในแง่ของระบบนำทาง Wilds ได้เปลี่ยนแผนที่จาก 2D แบบเก่ามาเป็น แผนที่ 3D ซึ่งทำให้เข้าใจระดับความสูงต่ำและเส้นทางได้ง่ายขึ้น ลดปัญหาหลงทางที่เคยมีในภาคก่อน นอกจากนี้ แผนที่ยังแสดง ไอคอนมอนสเตอร์ขนาดเล็กเป็นสีม่วง ทำให้สามารถหา Vespoid หรือมอนสเตอร์ที่ต้องการสำหรับการคราฟต์ได้สะดวกขึ้น แต่ข้อเสียคือ แผนที่แสดงไอคอนทั้งหมดพร้อมกัน ทำให้บางครั้งดูรกเกินไป ถ้าสามารถเลือกไอคอนที่ต้องการได้ การนำทางน่าจะสะดวกกว่านี้

หนึ่งในจุดที่ Monster Hunter: World ถูกวิจารณ์อย่างหนักคือ ดีไซน์อาวุธที่ดูเรียบง่ายเกินไป จนหลายชิ้นดูเหมือนถูกนำมาวางทับกันเฉยๆ ไม่มีเอกลักษณ์ที่แท้จริง อย่างไรก็ตาม ใน Monster Hunter Rise ปัญหานี้ได้รับการแก้ไขโดยการทำให้แต่ละสายอาวุธมีดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ และแนวทางนี้ยังคงถูกสานต่อใน Monster Hunter Wilds ในภาคนี้ อาวุธทุกชิ้นมีลักษณะเฉพาะตัวที่สามารถบอกได้ทันทีว่ามาจากมอนสเตอร์ตัวไหน แทนที่จะเป็นแค่ลวดลายที่วางทับลงไปเฉย ๆ สิ่งนี้ช่วยให้การล่าไม่ได้มีแค่เรื่องของประสิทธิภาพเท่านั้น แต่ยังทำให้ผู้เล่นที่ชอบ fashion hunting มีตัวเลือกที่น่าสนใจมากขึ้น
อีกหนึ่งการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญคือ Radial Menu ที่ได้รับการขยายและปรับปรุงให้ใช้งานง่ายขึ้น โดยใน Wilds ผู้เล่นสามารถใส่ไอเท็มได้มากขึ้นในเมนูเดียว และยังมี 8 กลุ่ม Radial Menu ให้เลือกใช้ในระหว่างการล่า ทำให้การเข้าถึงไอเท็มสะดวกและรวดเร็วกว่าที่เคย นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่ม สติกเกอร์เพื่อใช้ในการสื่อสาร ระหว่างล่าได้อีกด้วย
ระบบ Forge/Upgrade จาก Wishlist เป็นอีกฟีเจอร์ที่ช่วยลดความยุ่งยากในการสร้างอาวุธและชุดเกราะอย่างมาก แทนที่ผู้เล่นจะต้องเข้าไปค้นหาวัสดุต่าง ๆ ผ่านหลาย ๆ เมนู ตอนนี้สามารถ คราฟต์หรืออัปเกรดอาวุธได้โดยตรงจาก Wishlist ทำให้การสะสมวัสดุและการสร้างไอเท็มสะดวกขึ้นกว่าเดิม
น่าแปลกใจที่ฟีเจอร์นี้เพิ่งจะมีในภาค Wilds ทั้งที่เป็นสิ่งที่ควรมีมานานแล้ว เพราะมันช่วยลดเวลาที่เสียไปกับการเปิดดูเมนู และทำให้ผู้เล่นโฟกัสไปที่การล่าได้มากขึ้น
แม้ว่าจะมีการปรับปรุง Quality of Life มากมาย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าการล่าจะง่ายขึ้นเกินไป Monster Hunter Wilds ยังคงรักษาความท้าทายของเกมไว้ได้อย่างดี ทุกระบบที่ได้รับการปรับปรุงไม่ได้ทำให้เกมกลายเป็นเกมที่ง่ายจนเกินไป แต่กลับช่วยให้การล่า ลื่นไหล สะดวก และสนุกสนานมากขึ้นกว่าเดิม
สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า Wilds ไม่เพียงแต่เป็นภาคที่มีการปรับปรุงระบบการเล่น แต่ยังทำให้ ประสบการณ์ของผู้เล่นสมบูรณ์แบบและน่าจดจำยิ่งขึ้น

ประสิทธิภาพและคุณภาพการแสดงผลของตัวเกม
เราทดลองเล่น Monster Hunter Wilds บน PS5 และ PC โดยใช้ PS5 Slim กับตัวเลือกการตั้งค่าประสิทธิภาพที่ให้เลือกระหว่าง “Prioritize Resolution” หรือ “Prioritize Framerate” ซึ่งได้เลือกใช้ “Prioritize Framerate” เป็นส่วนใหญ่ เมื่อเล่นบน PS5 ประสบการณ์การเล่นเหมือนกับที่ได้ลองเล่นในงาน Thailand Game Show ที่ผ่านมา เกมสามารถเล่นได้ลื่นไหลไม่มีปัญหา และทุกรายละเอียดชัดเจนยิ่งขึ้น เราลองเล่นบน PlayStation Portal ก็ไม่พบปัญหาด้านความหน่วงเลย ทำให้เราสามารถเพลิดเพลินกับประสบการณ์ Monster Hunter Wilds ได้อย่างเต็มที่ในมือของเรา
ในขณะเดียวกัน เมื่อมาลองเล่นบน PC ตัวเกมก็รันได้อย่างไม่ติดขัด เราแทบไม่พบการกระตุกเลย FPS อยู่ที่ประมาณ 60-70 FPS ในการตั้งค่าสูงสุดกับ DLSS Quality ที่ความละเอียด 1440p เมื่อใช้ Frame Generation FPS สามารถเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าโดยไม่รู้สึกถึงความล่าช้าหรือความหน่วงใดๆ หากเปิดใช้งาน Nvidia Reflex โดยมีสเปกคอมพิวเตอร์ที่ค่อนข้างดี (Intel Core i5-13500, RTX 4070 SUPER, 32GB RAM) เรารู้สึกถึงการปรับปรุงอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับเวอร์ชัน Beta ส่งผลให้ประสบการณ์การเล่นดียิ่งขึ้นโดยรวม
แต่แทบไม่พบ ไม่ใช่ว่าจะไม่ค้าง น่าเสียดายที่เราเจอปัญหาค้างบ้าง โดยเฉพาะตอนเริ่มเควสเสริม ปัญหานี้ไม่เกิดขึ้นในเวอร์ชัน PS5 จึงน่าจะเป็นบั๊กที่ต้องแก้ไข แต่ปัญหาความไม่เสถียรของประสิทธิภาพโดยรวมยังใช้ได้อยู่ ก็หวังว่า Capcom จะสามารถแก้ไขปัญหานี้ก่อนที่เกมจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการ

สรุป รีวิว Monster Hunter Wilds
แม้ว่าจะเผชิญกับความคาดหวังที่สูง แต่ Monster Hunter Wilds ก็สามารถทำให้สูตรของแฟรนไชส์นี้สมบูรณ์แบบขึ้นโดยการทำให้เกมมีความสมจริงและเข้าถึงผู้เล่นได้หลากหลายมากขึ้น โลกที่งดงาม การต่อสู้ที่น่าพึงพอใจ และการปรับปรุงในด้านคุณภาพชีวิต (Quality of Life) ต่างๆ ทำให้ประสบการณ์การล่าสัตว์สนุกมากยิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับภาคก่อนๆ อย่างไรก็ตาม ระดับความยากที่ลดลงและการมุ่งเน้นไปที่โบนัสจากชุดเกราะมากกว่าการสร้างตัวละครแบบอิสระอาจไม่ดึงดูดผู้เล่นเก่ามากนัก แต่ถึงอย่างนั้น เกมนี้ยังคงเป็นเกมที่ต้องเล่นสำหรับทั้งแฟนเก่าและผู้เล่นใหม่
Monster Hunter Wilds จะวางจำหน่ายในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2025 บน PlayStation 5, Xbox Series และ PC คุณสามารถติดตามความเคลื่อนไหวล่าสุดเกี่ยวกับซีรีส์นี้ได้ที่เว็บไซต์ทางการ

ข้อดี
- โลกที่มีความสมจริงมากขึ้น
- การปรับปรุงการต่อสู้ให้ดีขึ้น
- QoL ที่ดีกว่าเดิม
- ความหลากหลายในการเล่นบิวด์ต่างๆ
- กราฟิกที่น่าทึ่งและประสิทธิภาพที่ลื่นไหลกว่าตัวเบต้ามาก
ข้อเสีย
- จุดฮาๆ หลายจุดในเกมหายไปเพื่อให้เกมเพลย์โดยรวมดูสมจริงมากยิ่งขึ้น
Discussion about this post