Dragon Quest ถือเป็นอีกหนึ่งแฟรนไชส์ในตำนานและขยายจักรวาลมาเรื่อยๆ และที่สำคัญล่าสุดก็คือการขยายจักรวาลรวมกับหนึ่งในมังงะในตำนานอย่าง The Adventure of Dai(ไดตะลุยแดนเวทมนตร์) ดังนั้นทำให้เกม Infinity Strash: Dragon Quest The Adventure of Dai จึงเป็นที่จับตามองอย่างมาก
และที่ Tokyo Game Show 2023, เราได้โอกาสพบปะกับคุณ Takumi Kasai – Producer ของเกม Infinity Strash: Dragon Quest The Adventure of Dai วันนี้เราได้นำบทสัมภาษณ์มาฝากไปดูกันว่าเป็นอย่างไร
Q: The Adventure of Dai เป็นมังงะ/อนิเมะที่มีเนื้อเรื่องเป็นตำนานอย่างมาก ดังนั้นภายในเกมทีมงานทำอย่างไรที่จะนำสิ่งต่างๆ จากมังงะเข้ามาสู่เกมที่ทั้งแฟนมังงะ/อนิเมะจะชอบ รวมถึงแฟนเกมก็จะชอบด้วยเช่นกัน
Takumi : สำหรับส่วนเนื้อเรื่องมันเหมือนกับอนิเมะทั้งหมดดังนั้นใครที่จะเล่นเกมนี้ต้องเข้าใจในจุดนี้ก่อน เราใช้ตัวละครจาก The Adventures of Dai ดังนั้นโครงเรื่องก็จะไม่แตกต่าง ส่วนจุดที่จะดึงดูดแฟนเกมก็คือฉากต่อสู้ที่จะมีตัวละครมากมายเข้าห้ำหั่นกัน
Q: เกมนี้อยู่ในช่วงการพัฒนานานกว่าที่คิด แผนตอนแรกคือการวางจำหน่ายในปี 2021 ระหว่างที่มีการดีเลย์ทีมงานได้มีการเปลี่ยนแปลงตัวเกมไปมากขนาดไหน
Takumi : ที่ชัดเจนก็คือกราฟฟิคที่เพิ่มขึ้น เราใช้เวลามากมายในการพัฒนามัน และเราก็ยังใช้เวลาให้มันมีลักษณะเหมือนภาพยนตร์ 3D ในฉากต่อสู้ นอกจากนี้ก็มีจุดที่เราปรับแต่งอีกเล็กน้อย นี่คือสิ่งที่เราทำทั้งหมดตั้งแต่ปี 2021 เป็นต้นมา
Q: สำหรับฟีเจอร์ Temple of Recollection ที่จะสุ่มดันเจี้ยนและขยายพื้นที่ไปเรื่อยๆ ถ้าเราเคยเคลียร์แล้วกลับเข้ามาใหม่ ต้องเริ่มต้นใหม่หมดหรือเปล่า
Takumi : เมื่อคุณเริ่มเข้าดันเจี้ยนแล้ว คุณสามารถกลับไปได้ตลอดเพื่อเก็บไอเทมเดิมได้ (วนฟาร์มนั่นแหละ) และสามารถนำไอเทมที่ได้ไปใช้ทำให้ตัวละครแข็งแกร่งขึ้นสำหรับการผ่านเนื้อเรื่องหลักถึงแม้จะเป็นคนละโหมดก็ตาม
Q: อีกหนึ่งคำถามเกี่ยวกับ Temple of Recollection เพราะว่าดันเจี้ยนนี้เป็นโหมดแยกของเกม และผู้เล่นจะได้บัฟแบบสุ่ม ไอเดียเบื้องหลังการดีไซน์โหมดนี้เป็นอย่างไร
Takumi : สำหรับคอนเซปต์ก็คือเราอยากทำโหมดที่ผู้เล่นสามารถเล่นได้เรื่อยๆ แบบตลอดกาล เราได้เสริมเติมแต่งสิ่งต่างๆ โดยมีจุดนี้เป็นพื้นฐาน
ตอนที่เราสร้างดันเจี้ยนนี้ขึ้น เราอยากให้มีความเปลี่ยนแปลงในทุกๆ ครั้งที่มาเล่น มีสิ่งแปลกใหม่รออยู่เพื่อที่จะให้ไม่เบื่อแม้จะเป็นรูปแบบดันเจี้ยนคล้ายคลึงเดิม
Q: จะมีระบบอะไรแบบ openworld ไหม
Takumi : เราไม่ค่อยมีการสำรวจแผนที่นัก เพราะส่วนหลักคือการสู้กับเหล่าบอส ซึ่งเนื้อเรื่องของ The Adventures of Dai ก็เป็นแบบนั้น และเราก็ไม่อยากเปลี่ยนแปลงความจริงให้ต่างออกไปในเกมนี้
Q: สำหรับ Dragon Quest หลักส่วนมากจะเป็นแนว turn-based เทียบกับ Infinity Strash ที่เป็นสาย Action อะไรที่ทำให้ทีมตัดสินใจที่จะมาสายนี้ตั้งแต่แรก มันตรงกับอนิเมะมากกว่าหรือเปล่า
Takumi : อย่างที่คุยบอก เราต้องการที่จะทำเกมเป็นสไตล์แอคชั่น เราคิดว่ามันเหมาะสมกับธรรมชาติของเกมนี้มากกว่า เราต้องการฉากการต่อสู้ที่มีชีวิตชีวา เพราะว่ามันเป็นแบบนั้นในจักรวาลของ Dai
เรามองว่าผู้เล่นต้องได้การต่อสู้จริงๆ กับศัตรู ทำให้เราทำเกมออกมาเป็นแนวนี้ แล้วเราก็ต้องการทำให้เกมยังอยู่ในแนวทางของชื่อ Dragon Quest สรุปก็คือเราต้องการทำเกม Action RPG ที่ตอบสนองความเป็น Dragon Quest ได้
Q: อะไรที่ทำให้ทีมเลือก The Adventures of Dai มาพัฒนาให้เป็นเกม
Takumi : เราไม่ต้องการทำให้ Dragon Quest เป็นอนิเมชั่น แล้วเราก็ไปมองวัตถุดิบว่าเรามี Adventure of Dai ซึ่งเป็นที่นิยมแถมเติมเต็มบทบาทนั้นได้ อีกทั้งก็คือไม่มีใครเอามาทำเป็นเกมนานมากแล้ว
เราคิดว่า Square Enix ควรทำเกมจากเรื่องนี้ ผลสุดท้ายเราก็เลยตัดสินใจทำ ทั้งตัวเนื้อเรื่อง เกมเพลย์ และการนำมันมาเป็นซีรีส์ Infinity Strash
Q: แต่ละตัวละครมีความแข็งแกร่งและสไตล์การต่อสู้ต่างกัน มีตัวละครไหนไหมที่คุณรู้สึกว่ามันเล่นยาก
Takumi : Popp เป็นตัวละครที่ใช้เวทมนตร์ได้ และผมคิดว่าเราได้ออกแบบเขาในมุมที่ว่ายิ่งเขาโดนความเสียหายเขาจะยิ่งอ่อนลงไปเรื่อยๆ และจะร่วงง่ายมาก ผมเลยเป็นห่วงว่าเขาจะสมดุลพอหรือเปล่า
ในอีกทางหนึ่งเรามี Maam ที่มีสไตล์การต่อสู้แบบนักฆ่า แต่ผมรู้สึกว่าเขาเก่งเกินไป เลยต้องพยายามปรับอยู่ตลอด
Q: การรวมฉากแต่ละฉากทั้งคัทซีนอนิเมชั่นต่อเนื่องกับฉากปกติ ทีมงานมีหลักอะไรไหม แบบว่ายังไงก็ต้องทำแบบนี้ไว้ก่อน
Takumi : สำหรับ Adventure of Dai มันมีไอเดียมากมายแต่ผลสรุปก็คือคุณต้องล้มศัตรูตรงหน้าถูกไหม และนั่นคือสิ่งที่เราออกแบบระบบภายในเกม เราพยายามให้คุณหาเส้นทางต่างๆ รวบรวมมันขณะเล่นเพื่อเอาชนะศัตรูตรงหน้าให้ได้ t
แต่นั่นก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งของเควส ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่ออยู่ในสถานการณ์บางอย่าง ผู้เล่นจะได้สัมผัสมันมากขึ้นเมื่อเล่นเกมนี้เอง
Q: มีจุดไหนในเกมไหมที่แบบว่าห้ามพลาด และคุณจะแนะนำให้คนอื่นเล่นถึงจุดนั้นแน่ๆ
Takumi : สำหรับเหล่าแฟน เราต้องการให้คุณได้เห็นฉากคัทซีน 3D ซึ่งมันยอดเยี่ยมมาก และจะมีฉากที่มาจากต้นฉบับทั้งที่คุณเล่นเองหรือนั่งดู รวมทั้งส่วนของเนื้อเรื่อง นอกจากนี้ยังมีโหมด Temple of Recollection ที่เพลินมากๆ สำหรับผู้เล่น ดังนั้นเราอยากให้คุณได้ลองที่จะเล่นในโหมดนี้ของเกม
Q: อะไรที่เป็นเรื่องท้าทายและยากสำหรับการนำเนื้อเรื่องจากมังงะ/อนิเมะ เข้ามาสู่เกม
Takumi : เราต้องการที่จะสร้างเนื้อเรื่องที่เคารพต้นฉบับขึ้นมาอีกครั้ง แต่ถ้าคุณทำแบบนั้นทั้งหมด ความเป็ฯเกมก็จะหายไป ดังนั้นเราเลยต้องตัดบางส่วนของเนื้อเรื่องออก ย่อยเนื้อหาให้กระชับรวดเร็ว แต่ก็ได้รับการรับรองจากชูเอย์ฉะ ที่เราจะปรับแต่งเนื้อเรื่องบางส่วนเพื่อให้เหมาะสมกับการเป็นเกมมากขึ้น อีกหนึ่งอย่างก็คือผมเป็นสาวกของ Adventures of Dai ดังนั้นผมเลยแทบไม่ได้อยากเปลี่ยนอะไรเลย มันเลยเป็นเรื่องยากที่จะหาจุดสมดุลว่าเปลี่ยนขนาดไหนถึงจะดีกันแน่
Q: ผู้คนพูดกันว่าเนื้อเรื่องในภาคนี้จะครอบคลุมถึงแค่ตอนที่ 41 ทีมงานมีแผนที่จะเพิ่มตอนขึ้นมาใน DLC หรือสร้างภาคต่อไหม
Takumi : เรายังไม่มีแผนในตอนนี้ แต่ถ้ามันทำยอดขายได้ดี ทีมเราจะเริ่มพิจารณากันไม่ว่าจะเป็น DLC หรือการวางจำหน่ายภาคต่อไป
ทางเราขอขอบคุณ คุณ Takumi Kasai Producer ของเกม Infinity Strash: Dragon Quest The Adventure of Dai ที่สละเวลามาตอบคำถามเราในวันนี้
ตัวเกมจะวางจำหน่ายในวันที่ 28 กันยายนนี้ บน PlayStation 5, Xbox Series, PlayStation 4, Switch, และ PC
*เนื้อหาบางส่วน ของบทสัมภาษณ์ ได้มีการแก้ไขเพื่อให้เข้ากับภาษาไทย มากขึ้น
อย่าลืมติดตาม Gamer555 เพื่อไม่พลาดข่าวสารเพิ่มเติมที่น่าสนใจ
Discussion about this post