ด้วยพลังนักพัฒนาชาวจีนจำนวนมากขึ้นที่เข้าสู่อุตสาหกรรมเกมพรีเมียม ความคาดหวังต่อเกมใหม่ในแต่ละปีก็เพิ่มขึ้นด้วย และสำหรับปี 2025 หนึ่งในเกมที่น่าจับตามองที่สุดก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่า คือ WUCHANG: Fallen Feathers ที่พัฒนาโดยทีม Leenzee ร่วมกับผู้จัดจำหน่าย 505 Games
ทีมงานของเราได้มีโอกาสเล่นเกมนี้ล่วงหน้าในช่วงสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา และเราต้องยอมรับว่าแนวคิดหลักของเกมนี้ถูกถ่ายทอดออกมาได้อย่างดี โดยเฉพาะสำหรับใครที่กำลังมองหา Soulslike ใหม่ในบรรยากาศแบบ Wuxia ที่มีเอกลักษณ์ หากคุณสงสัยถึงคุณภาพโดยรวมของมัน นี่คือบท รีวิว WUCHANG: Fallen Feathers ฉบับเต็มของเรา
เนื้อเรื่องและฉากหลังที่คุ้นเคย
คุณจะได้รับบทเป็น Bai Wuchang โจรสลัดที่ติดเชื้อโรคปริศนาที่เรียกว่า “Feathering” ซึ่งออกเดินทางตามหาน้องสาวที่หายตัวไปในดินแดน Shu ที่เต็มไปด้วยสงคราม โรคนี้จะเปลี่ยนผู้ติดเชื้อให้กลายเป็นอสุรกายขนปีก และทำลายความทรงจำของพวกเขา ทว่าตัว Wuchang เองกลับสามารถควบคุมการกลายพันธุ์นี้ได้ และยังคงมีสติสัมปชัญญะ แม้จะสูญเสียความทรงจำบางส่วนไป ซึ่งความสามารถควบคุมโรคนี้ได้นี้เองที่ทำให้ตัวละครอื่นในเกมกล่าวถึงเขาอย่างน่าสนใจ และบางคนถึงกับบอกใบ้ว่า จุดประสงค์ของโรคนี้อาจเกี่ยวข้องกับการควบคุมพลังบางอย่าง
ดินแดน Shu นั้นเป็นพื้นที่ที่ถูกแบ่งแยก เต็มไปด้วยความขัดแย้งระหว่างกองทัพต่าง ๆ และกลุ่มโจรที่แย่งชิงเส้นทางเสบียง ขณะที่โรค Fur Disease ก็เปลี่ยนผู้คนให้กลายเป็นสัตว์ประหลาดขนดกผู้หิวกระหาย เกมเล่าเรื่องราวของภูมิภาคนี้ผ่านบรรยากาศและสิ่งแวดล้อม เช่น วัดที่เปื้อนเลือด เจดีย์ที่ถูกทำลาย และสนามรบที่รกร้าง ทำให้ผู้เล่นซึมซับประวัติศาสตร์โดยไม่ต้องพึ่งคำบรรยายยืดยาว

ถ้าคุณคุ้นเคยกับประวัติศาสตร์จีน โดยเฉพาะช่วงปลายราชวงศ์หมิง คุณจะพบกับชื่อที่คุ้นเคยมากมาย ทั้งชื่อจีนและต่างประเทศ ซึ่งถือเป็นของขวัญสำหรับผู้ที่สนใจประวัติศาสตร์ และยังทำหน้าที่เป็นประตูเปิดให้ผู้เล่นใหม่ได้รู้จักประวัติศาสตร์จีนในแบบแฟนตาซี แม้จะไม่ใช่การเล่าเรื่องตามประวัติศาสตร์จริงก็ตาม
ไม่มีตัวช่วยติดตามภารกิจ แต่ในเมนูวาร์ป คุณจะเห็นภาพของ NPC ใกล้จุดพักที่มีบทสนทนาใหม่หรือความคืบหน้าของเควส ทำให้ไม่พลาดเนื้อหา NPC จะพูดบทสนทนาเต็ม ๆ ในครั้งเดียว ผู้เล่นไม่จำเป็นต้องกดคุยซ้ำ และไม่ต้องกลัวพลาดเควสเพราะบทพูดกระโดด บางภารกิจมีตัวเลือกหลายแบบซึ่งส่งผลต่อผลลัพธ์ อีกทั้งยังมีหลายตอนจบให้เลือก ทำให้ผู้เล่นสามารถกำหนดเส้นทางของ Wuchang ได้ด้วยตัวเอง
อย่างไรก็ตาม เรื่องราวส่วนตัวของ Wuchang โดยเฉพาะการตามหาน้องสาว กลับดูเหมือนจะกลายเป็นเรื่องรอง เบาะแสเกี่ยวกับน้องสาวมีเพียงไม่กี่จุดที่ซ่อนอยู่ และส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ให้ข้อมูลสำคัญอะไรมากไปกว่าเสียงสะท้อนของเธอ ผู้เล่นสาย Soulslike อาจสนุกกับการต่อจิ๊กซอว์นี้ แต่สำหรับผู้เล่นที่ต้องการเส้นเรื่องอารมณ์ชัดเจน อาจรู้สึกว่าจุดมุ่งหมายหลักของตัวละครกลายเป็นเรื่องรองในท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมืองและปริศนาโรค Feather

ระบบต่อสู้และกลไกหลัก
มาถึงหัวใจของเกมอย่างระบบต่อสู้ใน WUCHANG: Fallen Feathers ในฐานะเกม Soulslike มันต้องการความอดทนและแม่นยำ คุณไม่สามารถกดโจมตีรัว ๆ ได้ คุณต้องอ่านท่าศัตรู คิด วิเคราะห์ ถอยหลัง หรือก้าวเข้าโจมตี จะเข้าด้านหน้าหรือโจมตีด้านหลังก็ต้องคิดให้ดี หากพลาด คุณจะถูกลงโทษอย่างหนัก จนกว่าจะเรียนรู้ที่จะเล่นอย่างมีแบบแผน
คุณสามารถพกอาวุธได้สองชิ้น จะเป็นประเภทเดียวกันหรือต่างกันก็ได้ อาวุธแต่ละแบบ ดาบยาว ขวาน หอก ดาบคู่ ดาบมือเดียว มีสไตล์การเล่นที่แตกต่างกัน คล้ายระบบคลาส การโจมตีประกอบด้วยการโจมตีเบา หนัก เสริมด้วยสกิลและเวทมนตร์
สกิลแบ่งเป็นสองประเภท: Weapon Skills (ผูกกับอาวุธ) และ Discipline (ปลดล็อกจากสายอาวุธในต้นไม้สกิล) การหลบคือเครื่องป้องกันหลัก นอกจากนี้ยังมี Deflect (พารรี่), Clash (ฟาดอาวุธใส่กัน), Block และ Counter Spell ที่พึ่ง Alacrity (ความว่องไว) ซึ่งจะให้ผลเลี่ยงการโดนเมื่อร่ายเวท ทั้งหมดนี้ขึ้นกับอาวุธและสกิลที่คุณเลือกใช้

การใช้สกิลและเวทมนตร์ต้องใช้ Skyborn Might ซึ่งได้จากการหลบศัตรูแบบแม่นยำเป็นหลัก อาวุธแต่ละแบบมีวิธีเติม Skyborn ที่ต่างกัน เช่น ดาบยาวจะชาร์จที่การโจมตีครั้งที่สอง หรือดาบมือเดียวจะชาร์จแบบพาสซีฟเร็วขึ้นเมื่อคุณได้รับบัฟ Biding Time จากการโจมตี เมื่อคุณปลดล็อกโน้ดใน Impetus Repository (ต้นไม้สกิล) มากขึ้น คุณจะใช้งานทรัพยากรนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น Skyborn ไม่ได้ใช้แค่กับสกิล ยังใช้กับ Swift Draw (เปลี่ยนอาวุธและใช้สกิลทันที) และ Swift Strike (โจมตีหนักโดยไม่ต้องกดค้าง)
เกมยังมีระบบไอเทมเสริม เช่น ยาเสริมพลัง ยาแก้สถานะ และอาวุธขว้าง แต่มีเพียง 4 ช่องให้ใช้ด่วน คุณจึงต้องสลับไอเทมตลอดเวลา

นอกจากนี้ ยังมีระบบ Madness อีกด้วย ทุกครั้งที่คุณตาย ฆ่ามนุษย์ หรือใช้ไอเทมบางชนิด Madness จะเพิ่ม หากต่ำกว่า 50% เมื่อคุณตาย คุณจะเสีย Red Mercury (ค่าเงิน/EXP) เพียงเล็กน้อย ถ้ามากกว่านั้น คุณจะเสียมากขึ้น แต่จะปลดล็อกพาสซีฟในต้นไม้สกิลด้วย หากเกิน 90% คุณจะโจมตีแรงขึ้นแต่รับดาเมจเพิ่ม โอกาสเสีย Red Mercury ก็สูงขึ้น แต่ของดรอปจากศัตรูก็เพิ่มด้วย ถ้ามันสูงเกินไปและคุณตาย จะมี “Inner Demon” (ร่างมืดของคุณเอง) โผล่มาตรงจุดที่คุณตาย ครั้งแรกมันโหดมาก และแทบแน่นอนว่าคุณจะตายอีก แต่ถ้าคุณฆ่ามันได้ มันจะหายไป และต่อมาคุณจะมีเครื่องมือรับมือมันได้ Madness จะรีเซ็ตไม่ว่าคุณจะตายโดย Inner Demon หรือฆ่ามันได้
กลไกทั้งหมดนี้รวมกันเป็นระบบต่อสู้ที่ลึกและมีการเชื่อมโยงกันอย่างดี หากเข้าใจระบบแล้ว การต่อสู้จะลื่นไหล หลบ เคาน์เตอร์ กดสกิล เปลี่ยนอาวุธ เหมือนดูหนังจีนกำลังภายใน แอนิเมชันลอย ๆ สวยงามไม่รู้สึกแปลก อย่างไรก็ตาม เกมช่วงแรกยากมาก คุณมีเลือดและสตามิน่าต่ำ แต่ศัตรูตีแรงตั้งแต่ต้น ท่าก็หน่วง ๆ ทำให้เสียจังหวะ โดยเฉพาะหากคุณเคยเล่นเกมเร็วมาก่อน บอสบางตัวก็โหดมาก มีคอมโบหลายฮิตไม่จบ บางตัวกลับง่ายเกินไป ความสมดุลของความยากในช่วงต้นค่อนข้างน่าหงุดหงิด โดยเฉพาะเมื่อระบบ Inner Demon จะลงโทษคุณอย่างหนักจากการตายซ้ำ ๆ
ระบบการพัฒนาและการปรับแต่งตัวละคร
WUCHANG: Fallen Feathers มาพร้อมกับหนึ่งในระบบการพัฒนาตัวละครที่สนุกที่สุดเท่าที่เคยมีมาในเกมแนว Soulslike โดย “Impetus Repository” จะทำหน้าที่เป็นแผนผังสกิล (Skill Tree) ซึ่งแบ่งออกเป็นแผนผังทั่วไป และแผนผังเฉพาะสำหรับอาวุธทั้ง 5 ประเภท ซึ่งสามารถมองได้ว่าเป็นระบบคลาส ตามที่ได้กล่าวไว้ก่อนหน้า เกมมีค่าสถานะพื้นฐานทั่วไปอย่าง Vitality, Endurance, Strength, Agility, Magic และ Feathering แต่จุดที่ทำให้แตกต่างจริง ๆ คือ “โหนดหลัก” (Major Nodes) ที่เปลี่ยนรูปแบบการเล่นของผู้เล่นไปอย่างสิ้นเชิง เช่น ปลดล็อกระบบ Clash หรือ Deflect, สกิลใหม่ ๆ ที่เพิ่มความต่อเนื่องของคอมโบ หรือเพิ่มอัตราการฟื้นฟู Skyborn Might และลดค่าการใช้ ซึ่งสามารถเพิ่มประสิทธิภาพได้อีกผ่านโหนดย่อย เพื่อให้ผู้เล่นสามารถใช้สกิลและเวทมนตร์ได้บ่อยขึ้น
คุณสามารถใช้ Red Mercury เพื่ออัปเลเวล และได้รับ Red Mercury Essence สำหรับใช้ในแผนผังสกิล เกมนี้ส่งเสริมให้ผู้เล่นทดลองและปรับแต่งแนวทางการเล่นได้อย่างเต็มที่ คุณสามารถทุ่มแต้มทั้งหมดลงในแผนผังของอาวุธเดียวเพื่อถือคู่ หรือกระจายแต้มไปยังหลายสายเพื่อความหลากหลาย และที่สำคัญคือ คุณสามารถรีเซตแต้มได้ “ฟรี” ตลอดเวลา ตั้งแต่เริ่มเกม คุณสามารถลองใช้อาวุธทั้งหมดได้ทันที ปรับแต่งตามบอสแต่ละตัว หรือหาสิ่งที่เหมาะกับคุณที่สุดโดยไม่ต้องกังวล

การอัปเกรดอาวุธก็เชื่อมโยงโดยตรงกับแผนผังสกิล ไม่ต้องอัปเกรดอาวุธทีละชิ้นอีกต่อไป คุณเพียงปลดล็อกโหนดที่เรียกว่า Weapon Mastery ซึ่งจะมีผลกับอาวุธประเภทเดียวกันทั้งหมด แม้คุณจะเปลี่ยนจากดาบคู่เป็นดาบยาว Weapon Level ก็ยังคงอยู่เหมือนเดิม แค่รีเซตแผนผังและโยกย้ายโหนดเท่านั้น ไม่ต้องฟาร์มใหม่ และสามารถสลับใช้อาวุธที่ได้มาใหม่ได้ทันทีโดยไม่เสียเวลา
เกมยังมีชุดเกราะให้เลือกมากมาย ซึ่งมีดีไซน์เฉพาะตัวและค่าความต้านทานที่แตกต่างกันตามศัตรูที่ต้องรับมือ เช่น บางครั้งคุณอาจต้องเปลี่ยนจากชุดที่ต้านฟันแทงมาเป็นชุดที่ต้านธาตุหรือสถานะผิดปกติ และถึงแม้คุณจะเปลี่ยนชุดบ่อยแค่ไหนก็ไม่ต้องห่วง เพราะระบบ Transmog เปิดให้ใช้ตั้งแต่เริ่มเกม คุณจึงสามารถแต่งตัวให้เท่ เรียบหรู ดูน่ารัก หรือดูโหด (แม้แต่จะเล่นเป็นนักรบใส่กางเกงในก็ยังได้) สไตล์การแต่งตัวขึ้นอยู่กับคุณทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ระบบ Transmog จะเปิดให้ใช้ตั้งแต่ต้น แต่ UI ของอินเวนทอรียังไม่มีระบบแสดงตัวอย่างล่วงหน้า ทำให้คุณไม่สามารถเห็นภาพรวมของชุดทั้งหมดได้จากเมนูเดียว และต้องออกจากเมนูแล้วกลับเข้ามาใหม่หลายครั้งเพื่อดูว่าชุดที่ใส่อยู่นั้นหน้าตาเป็นอย่างไร
การสำรวจที่คุ้มค่า
การสำรวจใน WUCHANG: Fallen Feathers ให้ความรู้สึกพึงพอใจและคุ้มค่าต่อความพยายามในทุกก้าวที่เดินไป พื้นที่ใหม่แต่ละแห่งจะมีเส้นทางแยกย่อยมากมายซึ่งพาไปยังสิ่งต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นไอเทม ศัตรูลับ หรือทางลัดที่พาคุณย้อนกลับไปยังพื้นที่คุ้นเคย โครงสร้างของเส้นทางเชื่อมโยงกันอย่างชาญฉลาดจนทำให้โลกรู้สึก “มีชีวิต” เหมือนเป็นสถานที่ที่มีคนเคยอาศัยอยู่จริง ๆ แม้แต่ในพื้นที่ธรรมชาติ เช่น ป่าไม้ คุณก็สามารถสร้างเส้นทางของตนเองได้ เช่น ตัดต้นไม้เพื่อสร้างสะพาน
โมเมนต์ที่ทำให้คุณต้องอุทานว่า “โห เดินทะลุมาได้จริง ๆ ด้วย” ไม่เคยน่าเบื่อ และเมื่อคุณตาย การกลับไปจุดเดิมไม่ใช่เรื่องน่ารำคาญ เพราะทางลัดถูกออกแบบไว้อย่างสร้างสรรค์
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกพื้นที่จะได้รับการขัดเกลาอย่างดีเท่ากัน บางโซนอาจมีโครงสร้างที่สับสน หรือดีไซน์สิ่งแวดล้อมที่คล้ายกันจนเกินไป เส้นทางที่เชื่อมโยงกันมากเกินไปอาจกลายเป็นข้อเสีย เพราะผู้เล่นอาจเดินวนซ้ำที่เดิมโดยไม่รู้ตัว หรือพลาดบอสเสริมหรือ NPC สำคัญหากไม่สำรวจทุกมุมอย่างละเอียด สำหรับสายสำรวจลึกยังคงเป็นเรื่องสนุก แต่ควรเตรียมใจไว้สำหรับบางโซนที่เหมือนเขาวงกตมากกว่าแผนที่เกม

ภาพ เสียง และ performance
ในแง่เทคนิค WUCHANG อาจอยู่ในระดับความละเอียดกลาง แต่โดดเด่นในด้านทิศทางศิลป์ ตั้งแต่วัดวังสุดอลังการ สนามรบเปื้อนเลือด ไปจนถึงเมืองหิมะบนยอดเขา ทุกสถานที่ล้วนให้ความรู้สึกสมจริง งานออกแบบศัตรูก็มีตั้งแต่ปีศาจขนยาวที่ได้แรงบันดาลใจจากตำนาน ไปจนถึงนักรบที่สวมชุดเกราะสไตล์ยุคประวัติศาสตร์จริง
การผสมผสานของดนตรีเครื่องสายแบบดั้งเดิมกับองค์ประกอบร่วมสมัยสร้างบรรยากาศที่ชวนดื่มด่ำ ซึ่งเปลี่ยนไปตามสถานที่ที่ผู้เล่นอยู่ ในช่วงสงบ เสียงเครื่องสายจะขับเน้นความเงียบสงัดของค่ายผู้ลี้ภัย ขณะที่ในช่วงบอสไฟต์ เพลงจะเร่งเร้าความตึงเครียดได้อย่างดี แม้ว่าโดยรวมจะมีความกลมกลืนกับเนื้อเรื่อง แต่ทำนองดนตรีกลับไม่ทิ้งความประทับใจไว้ได้เท่าที่ควร
สำหรับการใช้งานบน PC ระดับกลาง (Core i5-13500, RTX 4070 SUPER, RAM 32 GB ที่ความละเอียด 1440p) การตั้งค่าระดับสูงสุดพร้อม DLSS 4 ในโหมด Balance จะได้เฟรมเรตอยู่ที่ประมาณ 70–80 FPS และแทบไม่ตกต่ำกว่า 60 FPS แม้ในพื้นที่ที่มีรายละเอียดหนาแน่น หากคุณต้องการประสิทธิภาพแบบนิ่งที่ 120 FPS ก็สามารถใช้ฟีเจอร์ Frame Generation ได้ โดยพื้นฐานแล้วเกมรันได้เสถียรตั้งแต่ต้น

สรุป รีวิว WUCHANG: Fallen Feathers
WUCHANG: Fallen Feathers คือประสบการณ์ Soulslike สไตล์ Wuxia ที่งดงามตระการตา ด้วยโลกที่ลึกลับ เต็มไปด้วยป่าอาถรรพ์ ซากวัดโบราณ และเมืองหิมะ ตัวละคร ศัตรู และชุดเกราะ ล้วนได้รับแรงบันดาลใจจากตำนานจีนโบราณอย่างเข้มข้น ทำให้โลกในเกมมีเอกลักษณ์โดดเด่น ระบบการต่อสู้นั้นพิถีพิถัน สร้างจากการใช้ Skyborn Might อย่างชาญฉลาด การสลับอาวุธแบบทันที และระบบ Madness ที่เต็มไปด้วยความเสี่ยงแต่ให้รางวัลสูง
ด้วยแผนผังสกิลสำหรับอาวุธทั้งห้าแบบ ระบบรีเซตฟรี ระบบ Weapon Mastery และ Transmog ที่เปิดให้ใช้ตั้งแต่ต้น ผู้เล่นสามารถทดลอง ปรับแต่ง และสร้างแนวทางที่ดีที่สุดของตัวเองได้ พร้อมมีเควสเสริม การสำรวจที่ลึก และฉากจบที่หลากหลายให้ได้สัมผัส

แต่อย่างไรก็ตาม ตัวเกมสะดุดพอสมควรในช่วงต้น ด้วยพลังชีวิตและความอึดต่ำ ศัตรูที่ตีแรง และจังหวะโจมตีที่แปลกอาจทำลายจังหวะของผู้เล่น โดยเฉพาะผู้ที่คุ้นชินกับเกมเร็ว ผลคือผู้เล่นบางคนอาจรู้สึกเหมือนถูกลงโทษก่อนจะได้เรียนรู้ระบบเกมจริง ๆ บางพื้นที่ยังออกแบบสับสนเกินไป ทำให้หลงทิศหรือพลาดเนื้อหาสำคัญได้ง่าย
หากคุณชอบเกมที่ท้าทายและให้รางวัลกับความพยายาม WUCHANG จะค่อย ๆ คลิกเข้าหาคุณ ด้วยโลกที่มีรายละเอียดและระบบการเล่นที่ลึก แต่ถ้าคุณไม่อึดพอที่จะผ่านช่วงเริ่มต้นที่โหดหิน อาจพลาดโอกาสที่จะค้นพบเสน่ห์แท้จริงที่ซ่อนอยู่ภายในเกมนี้ไปอย่างน่าเสียดาย
อย่าลืมติดตาม Gamer555 เพื่อไม่พลาดข่าวสารเพิ่มเติมที่น่าสนใจ
Discussion about this post