Final Fantasy VII Rebirth เวอร์ชัน PC ที่รอคอยกันมานานได้เปิดตัวแล้ว โดยทีมงานก็ระบุว่าตัวเกมนี้จะมาพร้อมกับภาพที่สวยงามขึ้นและประสิทธิภาพที่เหนือกว่าเวอร์ชันคอนโซล ในบทความ รีวิว Final Fantasy VII Rebirth PC นี้ เราจะมาดูกันทั้งทางเทคนิคและข้อบกพร่องที่อาจเกิดขึ้นในทุกๆ ด้าน ตั้งแต่การพัฒนาระบบแสงไปจนถึงการสนับสนุนคอนโทรลเลอร์ เพื่อช่วยให้ทุกคนตัดสินใจได้ว่าเวอร์ชันนี้จะตอบโจทย์ความคาดหวังของผู้เล่นได้หรือไม่
ระบบแสงที่พัฒนาขึ้น
เวอร์ชัน PC มีการพัฒนาระบบแสงอย่างก้าวกระโดด ซึ่งช่วยให้ภาพดูมีมิติและสมจริงมากขึ้น โดยเฉพาะในฉากที่มีน้ำอยู่ด้วย มีการพัฒนาระดับแสงสะท้อนอย่างละเอียดสมจริง ตัวละครต่างๆ จะได้รับประโยชน์จากระบบนี้อย่างชัดเจน โดยจะเห็นผิวที่ดูเป็นประกายเมื่อสัมผัสกับน้ำ อย่างไรก็ตาม ระบบนี้ก็มีข้อเสียบางประการ เช่น ในบางครั้งการสะท้อนแสงอาจดูเกินจริง จนทำให้ดูเหมือนว่าน้ำเป็นวุ้นหรือเมือกมากกว่าแค่รู้สึกเปียกแฉะตามธรรมชาติ
นอกจากเอฟเฟกต์น้ำแล้ว ระบบแสงยังโชว์ให้เห็นว่าทีมงานออกแบบมาให้เหมาะสมในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย เช่น ถนนที่ถูกแสงอาทิตย์สาดส่องจะสร้างเงาและแสงที่ช่วยเพิ่มบรรยากาศ ในขณะที่ถ้ำคริสตัลจะส่องประกายด้วยแสงที่มีมุมลึกมากกว่า ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดจากเวอร์ชัน PS5 โดยลดแสงจ้าจากดวงอาทิตย์บนตัวละคร ซึ่งก่อนหน้านี้ดูเยอะเกินไปจนทำให้ดูไม่เป็นธรรมชาติ เวอร์ชัน PC นั้นดูละเอียดอ่อนและสมจริงมากขึ้น ช่วยให้ภาพดูสม่ำเสมอในทุกสภาพแวดล้อมของเกม
วิเคราะห์ประสิทธิภาพการประมวลผล
เวอร์ชัน PC ใช้เทคโนโลยีที่เหนือกว่าเพื่อดึงประสิทธิภาพของเกมที่ดีขึ้น มีการใช้เทคโนโลยี NVIDIA DLSS และอัตราการรีเฟรชที่ปรับได้ เพื่อให้ได้เฟรมเรตสูงสุดถึง 120 FPS(แต่คอมก็ต้องแรงพอตัว) จากที่เราการทดสอบอย่างละเอียดบนเครื่อง MSI Stealth 16 AI+ (โปรเซสเซอร์ AMD Ryzen™ AI 9 365, การ์ดจอ NVIDIA® GeForce RTX™ 4060 Laptop GPU และ RAM 32GB) พบว่าเกมสามารถแสดงผลได้ดีพอสมควรในระดับกราฟิกที่แตกต่างกัน
ในการปรับกราฟิกระดับสูง เกมสามารถรักษาเฟรมเรตได้ที่ 70-90 FPS ในสถานการณ์เล่นปกติ แต่ก็ยังมีจุดบกพร่องที่ไม่สามารถไปถึงได้อย่างเช่น ฉากคัทซีนและฉากต่อสู้ที่หนักหน่วง ซึ่งเฟรมเรตลดลงอย่างเห็นได้ชัด
ในกราฟิกระดับกลาง เกมให้ประสบการณ์ที่สมดุลมากขึ้น โดยสามารถรักษาเฟรมเรตได้ที่ประมาณ 90 FPS ในเกมเพลย์ปกติ และ 70-80 FPS ในฉากต่อสู้ ถือว่ามีความเสถียรเหมาะแก่การเล่นมากกว่า
สำหรับผู้เล่นที่คอมสเปคระดับสูง การเลือกกราฟิกระดับกลางถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดระหว่างประสิทธิภาพการเล่นและคุณภาพภาพ ซึ่งเมื่อเทียบกับระดับสูงแล้ว ภาพของเกมยังคงดีกว่าเวอร์ชัน PS5 ที่ล็อกเฟรมเรตไว้ที่ 60 FPS แถมภาพยังด้อยกว่าอยู่พอตัว
คุณภาพภาพ
เวอร์ชัน PC มีการปรับแต่งกราฟิกขั้นสูงเพิ่มเข้ามา เช่น การตั้งค่าระดับความละเอียด (LoD) และ MIP mapping ซึ่งช่วยให้ผู้เล่นสามารถปรับแต่งตัวเกม ตามความสามารถของตัวเครื่องและความชอบส่วนตัว โดยการตั้งค่าเหล่านี้จะเห็นได้ชัดเมื่อเปรียบเทียบภาพแบบเฟรมต่อเฟรม โดยส่งผลต่อทุกอย่างตั้งแต่รายละเอียดของมอนสเตอร์ไปจนถึงพื้นผิวของสภาพแวดล้อม
การตั้งค่ากราฟิกระดับสูงจะทำให้พื้นผิวของมอนสเตอร์คมชัดขึ้น รายละเอียดของสภาพแวดล้อมมากขึ้น และวัตถุที่อยู่ไกลดูชัดเจนขึ้น ความคมชัดที่เพิ่มขึ้นนี้ช่วยให้เกมดูสมจริงมากขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่เปิดกว้างและในฉากที่ตัวละครอยู่ใกล้กัน ความละเอียดของพื้นผิวและความหนาแน่นของรายละเอียดที่เพิ่มขึ้น ทำให้ภาพของเวอร์ชัน PC ดีกว่าเวอร์ชันคอนโซลอย่างชัดเจน
การควบคุมและการสนับสนุนจอย DualSense
เวอร์ชัน PC ให้ตัวเลือกการควบคุมเกมที่หลากหลาย ทั้งการใช้คีย์บอร์ด/เมาส์แบบดั้งเดิม หรือการใช้จอย DualSense เช่นเดียวกับเวอร์ชันคอนโซล เราจะเน้นไปที่การใช้จอยเพราะสามารถเปรียบเทียบผลลัพธ์ได้ โดยต้องบอกว่าเท่าที่ทดสอบมาการใช้งาน DualSense นั้นน่าประทับใจ โดยยังคงคุณสมบัติขั้นสูงของตัวจอยที่ช่วยเพิ่มความสมจริงให้กับเกม
ระบบ Adaptive Trigger ถูกนำมาใช้ได้แบบไม่แตกต่าง โดยปุ่ม L2/R2 จะมีแรงต้านที่แตกต่างกันตามเหตุการณ์ภายในเกม คุณสมบัตินี้จะเห็นได้ชัดในฉากที่ต้องกดปุ่มค้าง ซึ่งเพิ่มมิติสัมผัสให้กับประสบการณ์การเล่น ระบบ Haptic Feedback ก็ได้รับการใส่ใจอย่างดี โดยให้การสั่นที่แม่นยำและสอดคล้องกับเหตุการณ์บนหน้าจอ ตั้งแต่ความรุนแรงของการต่อสู้ไปจนถึงการตอบสนองที่ละเอียดอ่อนจากสภาพแวดล้อมและการเคลื่อนไหวของ Chocobo การตอบสนองทางสัมผัสเหล่านี้ช่วยเพิ่มความสมจริงให้กับเกมอย่างมาก
สรุป รีวิว Final Fantasy VII Rebirth PC
Final Fantasy VII Rebirth เวอร์ชัน PC เป็นการปรับพอร์ตที่ทำได้ดีตามที่ทีมงานตั้งเป้าไว้ เรียกว่าเป็นการพอร์ตที่ดีที่สุดที่ทาง Square Enix เคยทำมาเลยก็ย่อมได้ ทั้งในด้านประสิทธิภาพและกราฟิก การปรับปรุงระบบแสง เฟรมเรต และรายละเอียดพื้นผิว เป็นข้อพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นของทีมพัฒนาในการสร้างประสบการณ์ PC ที่เหนือกว่า แม้จะมีปัญหาบางอย่าง เช่น เอฟเฟกต์น้ำที่บางครั้งใส่มาเยอะจนดูเกินจริงและการกระตุกของเฟรมเรตในบางครั้ง แต่ก็ไม่ได้ลดทอนคุณภาพของเกมลงมากนัก
สำหรับผู้เล่นที่ต้องการประสบการณ์ภาพที่สมบูรณ์แบบหรือผู้ที่ให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพในการเล่น เวอร์ชัน PC ถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด มากกว่าคอนโซล สามารถเล่นได้ทั้งคีย์บอร์ด/เมาส์และจอยช่วยให้เกมเข้าถึงได้ง่ายขึ้นตามความชอบของผู้เล่น อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่เคยเล่นเกมนี้ผ่าน PS5 มาแล้วและกำลังคิดจะซื้อเกมนี้เป็นครั้งที่สองควรพิจารณาอย่างรอบคอบว่าการปรับปรุงเหล่านี้คุ้มค่ากับการเล่นเกมเดิมอีกครั้งหรือไม่ เพราะไม่ใช่แค่เนื้อหาภายในเกมจะซ้ำ แต่ว่าคอมพิวเตอรืของแต่ละคนก็อาจแสดงผลเกมไม่เหมือนกัน
อย่าลืมติดตาม Gamer555 เพื่อไม่พลาดข่าวสารเพิ่มเติมที่น่าสนใจ
Discussion about this post