ในโอกาสครบรอบ 20 ปีของ Monster Hunter, Bandai ได้เปิดตัวความร่วมมือสุดพิเศษที่ผสมผสานระหว่างเกมสัตว์เลี้ยงเสมือนจริงกับแฟรนไชส์นักล่ามอนสเตอร์สุดโด่งดัง Digital Monster COLOR Monster Hunter 20th Edition นำความสนุกของการเลี้ยงและต่อสู้กับมอนสเตอร์จาก Monster Hunter มาสู่เครื่องเล่นพกพาขนาดกะทัดรัด
ใน รีวิว Digital Monster COLOR Monster Hunter 20th Edition นี้ เราจะพาไปสำรวจฟีเจอร์ต่างๆ ของอุปกรณ์ ระบบการเลี้ยงมอนสเตอร์ และการเปรียบเทียบกับเครื่องสัตว์เลี้ยงเสมือน Digimon แบบดั้งเดิม เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจว่าอุปกรณ์ฉลองครบรอบชิ้นนี้ควรค่าแก่การสะสมหรือไม่

ฟีเจอร์หลัก
อุปกรณ์นี้อัดแน่นไปด้วยฟังก์ชันที่น่าสนใจภายในเครื่องขนาดเล็ก ให้ประสบการณ์การเลี้ยงมอนสเตอร์ที่สมบูรณ์แบบ โดยสามารถเก็บ มอนสเตอร์ได้สองตัว และสลับไปมาระหว่างตัวที่กำลังเลี้ยงกับตัวที่อยู่ในที่เก็บข้อมูล
ในเกมมีมอนสเตอร์ให้เลี้ยงทั้งหมด 36 ตัว ทำให้มีเป้าหมายในการสะสมและความสามารถในการเล่นซ้ำสูง (มากกว่า Digivice สมัยก่อนที่ตัวเลือกไม่เยอะนัก)

ฟีเจอร์เด่นๆ ประกอบด้วย:
- โหมดฝึกฝน โดยใช้ระบบฝึกของ Version 2 ที่อาศัยจังหวะที่ถูกต้องแทนการพึ่งพาดวง
- ระบบให้อาหาร เพื่อดูแลสุขภาพมอนสเตอร์
- ระบบต่อสู้ รองรับทั้ง AI Battle ในรูปแบบด่านเนื้อเรื่อง และการต่อสู้ระหว่างผู้เล่น
- ระบบแช่แข็งมอนสเตอร์ สำหรับเก็บรักษาเมื่อต้องพักการเล่น
- ระบบโหลดข้อมูล เพื่อกลับมาเล่นต่อจากจุดเดิมคล้ายระบบเซฟอัตโนมัติ
- ระบบดูแลสุขภาพ สำหรับรักษาอาการบาดเจ็บและโรคต่างๆ ของมอนสเตอร์

Monster Raising System
ต่างจาก Digimon Virtual Pet แบบดั้งเดิมที่ใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ กว่ามอนสเตอร์จะวิวัฒนาการถึงร่างสุดท้าย Monster Hunter COLOR ได้ปรับปรุงให้กระบวนการวิวัฒนาการรวดเร็วยิ่งขึ้น
- จากไข่ไปสู่ร่างพื้นฐาน ใช้เวลาไม่ถึง 30 นาที
- การวิวัฒนาการต่อไป ใช้เวลา 1 – 2 วัน ตามลำดับ
ในขณะที่ Digimon มีโครงสร้างการวิวัฒนาการที่ซับซ้อน โดยมอนสเตอร์แต่ละตัวอาจพัฒนาไปเป็นร่างเดียวกันได้ (เช่น Agumon และ Betamon สามารถวิวัฒนาการเป็น Meramon ได้) Monster Hunter COLOR ใช้แนวทางที่เป็นเส้นตรงมากขึ้น ตัวอย่างเช่น Khezu จะไม่วิวัฒนาการไปเป็น Rajang

ตัวอย่างเส้นทางวิวัฒนาการของมอนสเตอร์
- Tigrex (Young) → Tigrex หรือ Brute Tigrex → Grimclaw Tigrex หรือ Molten Tigrex
- Zinogre (Young) → Zinogre หรือ Stygian Zinogre → Thunderlord Zinogre
- Rajang (Young) → Rajang (มีเอฟเฟกต์ขนเปลี่ยนสีระหว่างโจมตี) → Furious Rajang
- Khezu (Young) → Khezu หรือ Red Khezu
ซึ่งในปัจจุบันเส้นทางวิวัฒนาการบางเส้นทางยังไม่ได้รับการเปิดเผยทั้งหมด และอาจต้องมีเงื่อนไขเฉพาะในการปลดล็อก ต้องรอการค้นพบจากผู้เล่นหรือไม่ก็เปิดเผยจากทางออฟฟิเชียลกันต่อไป
แตกต่างจากอุปกรณ์เลี้ยง Digimon แบบดั้งเดิมที่มีเงื่อนไขวิวัฒนาการที่หลากหลาย Monster Hunter 20th Edition นำเสนอเส้นทางวิวัฒนาการที่มีโครงสร้างชัดเจน โดยความก้าวหน้าจะเกิดขึ้นตามระยะเวลาที่กำหนดหลังจากวิวัฒนาการครั้งก่อนหน้า
- ไข่ → Stage I: 8 วินาที
- Stage I → Stage II: 2 นาที
- Stage II → Stage III: 20 นาที
- Stage III → Stage IV: 24 ชั่วโมง
- Stage IV → Stage V: 36 ชั่วโมง (ต้องเข้าเงื่อนไขเพิ่มเติม)
- Stage V → Stage VI: 48 ชั่วโมง (ต้องเข้าเงื่อนไขเพิ่มเติม)
- Stage VI: Final form
ตัวนับเวลาวิวัฒนาการจะทำงานต่อเนื่องแม้ในโหมดพักผ่อน ตราบใดที่มอนสเตอร์ของคุณไม่ได้ถูกแช่แข็งหรือเก็บสำรองไว้ ทำให้การไปถึงระยะที่ IV เป็นเรื่องง่ายหากดูแลอย่างเหมาะสม อย่างไรก็ตาม การพัฒนาไปถึงระยะที่ V และ VI จำเป็นต้องผ่านเงื่อนไขการต่อสู้ที่กำหนด
เงื่อนไขสำหรับวิวัฒนาการหลังระยะที่ IV ที่เจ้าของต้องเอามอนสเตอร์ที่เลี้ยงเข้าสู้ให้ผ่านเงื่อนไขบางอย่างเพื่อวิวัฒนาการ
- อัตราชนะในการต่อสู้: ต้องมีอัตราชนะขั้นต่ำ 40% เพื่อวิวัฒนาการไปยังระยะที่ V และ VI แต่หากมีอัตราชนะ 80% จะรับประกันการวิวัฒนาการ (ภายใต้เงื่อนไขข้อผิดพลาดในการดูแล)
- ระยะเวลาที่เหมาะสม: การต่อสู้ต้องเสร็จสิ้นภายใน 36 ชั่วโมงสำหรับวิวัฒนาการไประยะที่ V และ 48 ชั่วโมงสำหรับวิวัฒนาการไประยะที่ VI
- การรีเซ็ตค่าสถิติ: เมื่อวิวัฒนาการเกิดขึ้น อุปกรณ์จะรีเซ็ตค่าข้อผิดพลาดในการดูแล การฝึกซ้อม การใช้ไอเทมเกินขนาด อาการบาดเจ็บ และจำนวนการต่อสู้ แต่จะยังคงรักษาอัตราการชนะของมอนสเตอร์ตัวนั้นไว้
หากมอนสเตอร์ในระยะที่ V หรือสูงกว่าตาย มีโอกาส 30% ที่จะได้รับ “Traited Egg” ซึ่งสามารถมองเห็นได้บริเวณหลุมศพของมอนสเตอร์ ไข่พิเศษนี้จะให้โบนัสพลังแก่มอนสเตอร์ที่ฟักออกมา ซึ่งเป็นกลไกสืบทอดคุณสมบัติที่ช่วยส่งเสริมการเลี้ยงมอนสเตอร์ในระยะยาว
ระบบนี้ช่วยกระตุ้นให้ผู้เล่นพยายามเลี้ยงมอนสเตอร์ไปถึงขั้นสูงสุด พร้อมทั้งสร้างลูปความก้าวหน้าที่ส่งเสริมให้สามารถเล่นซ้ำได้เรื่อยๆ รวมถึงทำให้การเลี้ยงนั้นอาจจะต้องมีการวางแผนมากขึ้นเล็กน้อย
ระบบนี้ยังช่วยลดความซับซ้อนของกลไกสัตว์เลี้ยงเสมือนแบบดั้งเดิมโดยตัดระบบจัดการน้ำหนักและความได้เปรียบตามประเภทออกไป เน้นที่การพัฒนามอนสเตอร์และการต่อสู้เป็นหลัก ทำให้อุปกรณ์เข้าถึงง่ายขึ้นแต่ยังคงความลึกในการเล่นผ่านความหลากหลายของมอนสเตอร์และตัวเลือกการฝึกฝน
เส้นทางวิวัฒนาการลับ
Monster Hunter 20th Edition มีร่างวิวัฒนาการพิเศษที่เป็นการผสมผสานระหว่างมอนสเตอร์จาก Monster Hunter และดีไซน์ของ Digimon ซึ่งถือเป็นสุดยอดวิวัฒนาการในอุปกรณ์ครอสโอเวอร์นี้ ร่างพิเศษเหล่านี้ต้องใช้การเล่นอย่างต่อเนื่องเพื่อปลดล็อก
Rathalos Greymon
วิวัฒนาการหายากนี้เป็นการผสานระหว่าง Rathalos และ Greymon สร้างมอนสเตอร์ลูกผสมที่มีเอกลักษณ์จากทั้งสองแฟรนไชส์
เงื่อนไขการปลดล็อก Rathalos Greymon:
- ต้องปลดล็อกเส้นทางวิวัฒนาการของ Rathalos ทุกสายให้ครบก่อน (ค่อนข้างท้าทายเนื่องจาก Rathalos มีหลายร่าง)
- หลังจากนั้นสามารถวิวัฒนาการจากมอนสเตอร์ดังต่อไปนี้::
- Dreadking Rathalos: มีข้อผิดพลาดในการดูแล 0-2 ครั้ง, เข้าร่วมการต่อสู้ 15 ครั้งขึ้นไป และมีอัตราชนะ 80% ขึ้นไป
- Silver Rathalos: มีข้อผิดพลาดในการดูแล 0-1 ครั้ง, เข้าร่วมการต่อสู้ 15 ครั้งขึ้นไป และมีอัตราชนะ 80% ขึ้นไป
Zino Garurumon
ร่างพิเศษนี้เป็นการผสานระหว่าง Zinogre และ Garurumon ทำให้เกิดมอนสเตอร์ที่มีลักษณะเด่นของทั้งสองสายพันธุ์
เงื่อนไขการปลดล็อก Zino Garurumon:
- ต้องปลดล็อกเส้นทางวิวัฒนาการของ Zinogre ทุกสายให้ครบก่อน
- สามารถวิวัฒนาการจาก Thunderlord Zinogre โดย มีข้อผิดพลาดในการดูแล 0-2 ครั้ง, เข้าร่วมการต่อสู้ 15 ครั้งขึ้นไป และมีอัตราชนะ 80% ขึ้นไป

ระบบการต่อสู้
กลไกการต่อสู้ของ Monster Hunter 20th Edition แตกต่างจากอุปกรณ์ Digimon แบบดั้งเดิมอย่างมาก เนื่องจากไม่มีระบบความได้เปรียบตามประเภท (Vaccine > Virus > Data > Vaccine) แม้ว่าจะเป็นการลดความซับซ้อนของระบบ แต่การต่อสู้ยังคงมีความน่าสนใจด้วยระบบ 3HP
- ในการ PvP (ผู้เล่นปะทะผู้เล่น) รอบสุดท้ายของการโจมตีด้วยโปรเจกไทล์จะเป็นตัวตัดสินผู้ชนะ โดยฝ่ายที่ชนะจะปล่อยโปรเจกไทล์สองครั้ง
- โหมดเควสต์ ทั้งสองฝ่ายสามารถลด HP ของอีกฝ่ายได้ทีละ 1 เท่านั้น ทำให้ประสบการณ์การต่อสู้แตกต่างไปจาก PvP

การนำเสนอภาพและการเล่นกับอุปกรณ์เครื่องอื่น
Monster Hunter 20th Edition นำเสนอกราฟิกที่มีรายละเอียดสูงขึ้นอย่างชัดเจนโดยใช้ประโยชน์จากหน้าจอสีอย่างเต็มที่ แม้ว่าจะใช้เทคโนโลยีเดียวกับ Digimon Color แต่สไปรท์ของ Monster Hunter ได้รับการออกแบบขึ้นมาใหม่ทั้งหมด ทำให้มีรายละเอียดของมอนสเตอร์ที่ดียิ่งขึ้น
ตัวละครถูกเรนเดอร์ด้วยจำนวนพิกเซลที่สูงขึ้นและแสดงที่มุม 45 องศา ทำให้ภาพดูมีมิติและสมจริงมากขึ้น ตัวอุปกรณ์ยังมี ฉากหลังจากเกม Monster Hunter ภาคต่าง ๆ เช่น Sunbreak และภาคก่อน ๆ ซึ่งสามารถปลดล็อกได้เมื่อผู้เล่นเลี้ยงมอนสเตอร์สำเร็จและทำภารกิจสำเร็จ เพิ่มมิติของความเป็นของสะสมและความหลากหลายในภาพพื้นหลัง
อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่น่าสนใจคือ ความสามารถในการต่อสู้กับอุปกรณ์ Digimon Pendulum Colour และ Digimon Colour ซึ่งเป็นการเชื่อมโยงระหว่างสองแฟรนไชส์ที่ไม่คาดคิด การรองรับการเล่นข้ามรุ่นของอุปกรณ์นี้ช่วยเพิ่มมูลค่าของเครื่องสำหรับนักสะสมที่มีตัวเกมสัตว์เลี้ยงเสมือนอยู่หลายเครื่อง และยังสร้างประสบการณ์การต่อสู้ที่แปลกใหม่จากการผสมผสานระหว่างแอนิเมชันการโจมตีของอุปกรณ์ต่าง ๆ

สรุป รีวิว Digital Monster COLOR Monster Hunter 20th Edition
Digital Monster COLOR Monster Hunter 20th Edition สามารถผสมผสานระบบสะสมมอนสเตอร์ของ Monster Hunter กับกลไกการเลี้ยงสัตว์เสมือนจริงได้อย่างลงตัว ระบบวิวัฒนาการที่เรียบง่ายขึ้น ความสามารถในการเลี้ยงมอนสเตอร์ได้พร้อมกันสองตัว และฉากหลังสุดคลาสสิกที่ปลดล็อกได้ ทำให้อุปกรณ์นี้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับทั้งแฟน Monster Hunter และผู้ที่ชื่นชอบสัตว์เลี้ยงเสมือน

แม้ว่าระบบการต่อสู้จะพึ่งพา RNG(การสุ่ม) เป็นหลักตามเดิม ซึ่งอาจทำให้ผู้เล่นที่ชื่นชอบการควบคุมผลลัพธ์ของการต่อสู้รู้สึกว่าสิ่งที่ตนเองวางแผนไว้หลายจุดไม่เป็นตามที่คิดเสมอไป แต่ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นและความเป็นของสะสมที่หายาก ทำให้อุปกรณ์นี้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับแฟน ๆ ของทั้งสองแฟรนไชส์
ในฐานะที่เป็นอุปกรณ์เลี้ยงเหล่ามอนสเตอร์จาก Monster Hunter เพียงชิ้นเดียวในปัจจุบัน มันมอบประสบการณ์การเล่นที่ไม่เหมือนใครที่ให้เกียรติทั้งสองแฟรนไชส์ ในขณะเดียวกันก็สร้างจุดยืนที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง

Specs และรายละเอียดเพิ่มเติม |
Dimensions (Approximate): H 44 × W 63 × D 20 mm |
Battery: Lithium-ion Battery |
Can be charged with USB Type-C cable |
Made between plastic and electronic components |
Full-colour LCD screen |
อย่าลืมติดตาม Gamer555 เพื่อไม่พลาดข่าวสารเพิ่มเติมที่น่าสนใจ
Discussion about this post