สำหรับใครที่เคยสัมผัสเหล่าเกมต่อสู้ ทุกคนคงคุ้นเคยกับเกมจากค่าย SNK ไม่ว่าจะเป็น Fatal Fury หรือ King of Fighters ซึ่งล่าสุดทางทีมของเราได้รับโอกาสพูดคุยกับ โปรดิวเซอร์ คุณ Yasuyuki Oda ก่อนการมาถึงของ Fatal Fury ภาคใหม่ที่มีการประกาศไป ติดตามได้ใน บทสัมภาษณ์ SNK โปรดิวเซอร์ Yasuyuki Oda นี้
ประวัติศาสตร์ของ Fighting Games
คุณ Oda ได้พูดกับเราคร่าวๆ ถึงเรื่องราวของเกมต่อสู้ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ไม่ว่าจะยุครุ่งเรือง หรือในยุคตกต่ำจากการเปลี่ยนผ่านของ Arcade ซึ่งเจ้าตัวก็ให้เครดิตกับ Street Fighter 4 และการมาถึงของระบบเล่นแบบออนไลน์ที่ทำให้เกมต่อสู้กลับมาอยู่ในกระแสอีกครั้ง “ในช่วงปี 2000 ถึง 2010 มันคือช่วงตกต่ำของเกมต่อสู้เลยล่ะ ทั้งยอดขาย ยอดผู้เล่น แต่ต้องขอบคุณ Street Fighter 4 และระบบออนไลน์ ที่ทำให้ชุมชนของเหล่านักสู้เข้ามาเชื่อมกันและเติบโต ผมมองว่ามันคือการคืนชีพจากเถ้าถ่านเลย”
ประเด็นต่อมาที่ได้พูดคุยคือเรื่องชุมชนเกมต่อสู้ที่ดูเป็นปึกแผ่นกว่าแต่ก่อนมากมาย “ผมมองว่าทุกคนเข้าถึงได้ ชุมชนปัจจุบันเป็นดั่งชุมชนของโลก ทุกคนเชื่อมต่อกัน แล้วมีชุมชนย่อยๆ ในแต่ละพื้นที่ มันแตกต่างจากยุค 90 ที่การสื่อสารยังไม่กว้างขวางเท่าปัจจุบัน”
“สำหรับในอนาคต ด้วยความที่เกมต่อสู้นั้นมีตัวละครมากมายแต่เราเลือกเล่นแค่ตัวเดียว ผมหวังว่าทุกคนจะหาเมนตัวเองเจอ และในอนาคตเราจะพยายามเต็มที่เพื่อสร้างตัวละครที่ดึงดูดผู้เล่นได้”
“สำหรับเกมต่อสู้นั้น มันเป็นแนวเกมที่ง่ายต่อการเข้าใจ แค่เราดูโดยที่ไม่ต้องรู้ระบบภายในก็สามารถรู้แล้วว่ามันทำงานอย่างไร มันเลยเป็นแนวที่สามารถเข้าหาผู้คนได้ง่าย และเปิดโอกาสให้ได้ลองสัมผัสอย่างน้อยครั้งหนึ่งในชีวิต ผมแนะนำอย่างมากเวลาเจอคนที่ไม่เคยเล่นมาก่อนว่าอย่างน้อยลองเล่นดูก่อน แล้วจะติดใจ มันเยี่ยมจริงๆ” คุณ Oda เสริม
คำถามต่อมาคือความเห็นของคุณ Oda กับการที่เกมยุคใหม่มักจะออกวางจำหน่ายแบบหลายแพลตฟอร์มตั้งแต่วันแรก ซึ่งเจ้าตัวตอบมาในมุมมอง 2 แบบคือ โปรดิวเซอร์ และ นักพัฒนา
จากมุมมองของโปรดิวเซอร์ คุณ Oda มองว่าการออกวางจำหน่ายหลายแพลตฟอร์ม เป็นหนึ่งในเทคนิคที่สำคัญ เพื่อให้เกมสามารถเพิ่มการเข้าถึง ยิ่งมากยิ่งดี เพราะจะมีผู้เล่นจำนวนมากตามไปด้วย แต่ในมุมมองนักพัฒนาเกม มันคือโจทย์หินอย่างมาก เพราะว่าการพอร์ตไปในหลายแพลตฟอร์ม ก็คือภาระงานที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งในสมัยนี้เกมต้องรองรับการเล่น cross-platform ด้วยแล้ว ยิ่งต้องมีการเตรียมระบบหลังบ้านที่ยุ่งเหยิงอย่างมาก
การกลับมา SNK และงาน Pixel Art อันโด่งดัง
ย้อนกลับมาถึง SNK คุณ Oda ได้ระบุว่ามันมีหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไปมากเมื่อเขากลับมาอีกครั้ง “ในยุคแรกของบริษัทเรา ทุกคนยังเด็กมากๆ ทีมพัฒนาส่วนมากเพิ่มอายุ 20 ต้นๆ พวกเขาทำงานได้กันแบบหามรุ่งหามค่ำ แต่ปัจจุบันพวกเราอายุเพิ่มขึ้นตามกาลเวลา ถ้าให้ผมพูดก็ 40 กันแล้ว ผ่านอะไรมากันเยอะ บรรยากาศการทำงานก็เปลี่ยนตามไปด้วย”
การกลับมา SNK ของคุณ Oda มาในช่วงที่เกิดการเปลี่ยนผ่านแนวคิด ซึ่งกลับมาเน้นที่กระบวนการพัฒนามากกว่า ตัวอย่างเช่นในช่วง King of Fighters XIV ก็มีการตั้งทีมคอนโซลขึ้นมาโดยเฉพาะเพื่อให้ตัวงานนั้นออกมาดีขึ้น
“ตอนผมกลับมา ผมแบบ โอ้นั่นคนใหม่ นี่ก็คนใหม่ มีคนมากมายเข้ามาร่วมกับเรา เทคโนโลยีอะไรก็พัฒนากันแบบก้าวกระโดด การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ส่งผลต่อบริษัทเราอย่างมาก สภาพแวดล้อมในการทำงาน การวางเป้าหมายของ SNK ในอนาคต”
หนึ่งในจุดเด่นของ SNK คืองานภาพสไตล์ pixel art ที่ดึงดูดผู้เล่นมามากกว่าทศวรรษ ซึ่งคุณ Oda ก็ย้ำในจุดนี้และขยายความให้ชัดเจนขึ้น
“งานทั้งหมดถูกสร้างเพื่อ Neo Geo และทุกงานของเราก็ใช้อุปกรณ์เดิม ทำให้ทุกคนเรียกว่าได้กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญแบบขั้นสุด นั่นน่าจะเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมมันถึงออกมาได้ดีเสมอ พวกเขารู้ว่าโครงสร้างทั้งหมดที่กำลังทำงานอยู่เป็นอย่างไรแบบปรุโปร่ง เพราะว่าพวกเขาอยู่กับมันมาตลอด”
การสร้างเอกลักษณ์ให้แต่ละเกม
ด้วยความที่มีเกมต่อสู้มากมายกำเนิดขึ้นมาในยุคนี้ การคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์จุดเด่นจึงเป็นเรื่องที่ท้าทาย ซึ่งคุณ Oda ก็ได้แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างของเกมในค่ายว่าทุกเกมต้องให้ความรู้สึกที่ต่างกัน ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ยากและเขาเข้าใจมันดี
“ทุกอย่างมันต้องมีเอกลักษณ์ แม้กระทั่ง Fatal Fury และ King of Fighters ที่คล้ายกันมาก เกมหนึ่งเป็นเกม 1v1 อีกเกมเป็น 3v3”
“เมื่อในปัจจุบันมันมีเกมที่แตกต่างกันไปมากมาย แต่ทุกเกมก็ยังเป็นเกมต่อสู้ ซึ่งมันเป็นความท้าทายอย่างมากที่จะทำให้ทุกเกมมีเอกลักษณ์โดดเด่นออกมาจากเกมอื่นๆ ซึ่งเขาก็ต้องขอบคุณทีมงาน SNK ที่ใส่ใจในจุดนี้และทำเต็มที่อยู่เสมอเพื่อคิดสิ่งใหม่ๆ ขึ้นมา”
การกลับมาของ Fatal Fury
ส่วนสำคัญของบทสัมภาษณ์นี้กับการกลับมาของ Fatal Fury: City of the Wolves ภาคใหม่ล่าสุดในแฟรนไชส์ Fatal Fury
คุณ Oda แสดงถึงความตั้งใจในงานนี้โดยระบุว่า “ผมคิดว่ามันเป็นปาฏิหารย์เลยล่ะที่เราได้สร้าง Fatal Fury ภาคใหม่ มันใช้เวลา 26 ปีเลยนะนับจากภาคล่าสุด แค่ฟังแบบนี้มันก็สุดยอดแล้ว มันเป็ฯที่สุดแห่งปาฏิหารย์สำหรับเราเลย ดังนั้นเราจะประกาศให้มันยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ก่อนการวางจำนห่ายในช่วงต้นปี 2025 ได้โปรดเฝ้ารอถึงสิ่งนั้นเลย มันจะใหญ๋มากจริงๆ”
“ที่จริงผมอยากพัฒนา Fatal Fury ภาคใหม่ให้เร็วกว่านี้ แต่ด้วยความที่ว่าทีมงานที่มีไม่เพียงพอ ก็เลยต้องเน้นไปที่ Samurai Shodown และ King of Fighters ก่อน จนกระทั่งทีมมีขนาดใหญ่พอ และมีเทคโนโลยีที่ถูกต้อง เราเลยอยู่ในจุดที่สามารถออกเกมภาคใหม่ออกมาได้”
ส่งท้าย
คุณ Oda ปิดท้ายบทสัมภาษณ์ด้วยการฝากข้อความถึงแฟนๆ ที่เฝ้ารอเกมภาคใหม่ และหวังว่าผู้เล่นทุกคนจะได้สัมผัสและเล่นมัน ซึ่งจะมีรายละเอียดต่างๆ ตามมาเพิ่มอีกแน่นอน ขอบคุณที่เฝ้ารอและสนับสนุนงานของ SNK เสมอมา
Fatal Fury: City of the Wolves จะวางจำหน่ายในช่วงต้นปี 2025 บน PlayStation 4, PlayStation 5, Xbox One, Xbox Series และ PC สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ทางการ
อย่าลืมติดตาม Gamer555 เพื่อไม่พลาดข่าวสารเพิ่มเติมที่น่าสนใจ
Discussion about this post