เมื่อพูดถึงซีรีส์เกมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว Borderlands คงติดโผมาเป็นอันดับต้น ๆ ด้วยสไตล์ลายเส้นแบบการ์ตูนสุดเด่น อาวุธแปลกประหลาด และมุขตลกเสียดสีสุดโต่ง โดยล่าสุดก็ได้เตรียมวางจำหน่ายภาคใหม่ Borderlands 4 ตัวเกมได้กลับมาพร้อมความทะเยอทะยานครั้งใหม่ในโลกที่ยังเต็มไปด้วยความปั่นป่วน แต่ใส่หัวใจแห่งการเล่าเรื่องมากขึ้น และยังไม่ทิ้งลายเอกลักษณ์เฉพาะของซีรีส์
เราได้มีโอกาสพูดคุยกับ คุณ Randy Pitchford ผู้ร่วมก่อตั้ง Gearbox Software และ คุณ Andrew Goldfarb หัวหน้าฝ่ายเนื้อเรื่องของภาคนี้ ถึงความกล้า ความหลุดกรอบ และบทเรียนจากภาคก่อนที่หล่อหลอม Borderlands 4 ให้น่าจับตามองยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ ไปติดตามได้ใน บทสัมภาษณ์ Exclusive Borderlands 4 นี้

*บทสัมภาษณ์มีการแก้ไขบางส่วนเพื่อให้เข้ากับภาษาไทย
Q: Borderlands เป็นเกมที่ขึ้นชื่อเรื่องมุกตลกสุดโต่ง ในยุคที่ประเด็นทางการเมืองค่อนข้างอ่อนไหวแบบนี้ พวกคุณกังวลไหมว่า Borderlands 4 จะกลายเป็นประเด็นหรือไม่? แล้วจะลดดีกรีหรือจัดหนักกว่าเดิม?
Randy: ในแง่ของความอ่อนไหวทางการเมือง สิ่งที่เราได้เปรียบคือ Borderlands ไม่ได้ตั้งอยู่บนโลก ไม่มีอเมริกาใน Borderlands ไม่มีจีน ไม่มีรัสเซีย มันเป็นอีกจักรวาลหนึ่งที่เต็มไปด้วยปัญหาของมันเอง เพราะงั้นเราก็ไม่ต้องกังวลเรื่องพวกนี้มากนัก
แต่แน่นอนว่าเรายังเล่นกับธีมและอารมณ์อยู่ตรงขอบเขตระหว่างดราม่าและคอเมดี้ บางเรื่องในเกมก็จริงจังมาก ๆ และบางเรื่องก็หลุดโลกแบบไร้สาระเลยก็มี แล้วมันคืออะไรกันแน่? คอเมดี้หรือดราม่า? คำตอบคือ มันเป็นทั้งสองอย่างและก็ไม่ใช่สักอย่าง มันอยู่ตรง “Borderland” ระหว่างสองสิ่งนั้น นี่คือสิ่งที่ Borderlands เป็น เราชอบเอาของที่ไม่น่าเข้ากันมาผสมกัน เกมยิงกับ RPG ตลกกับดราม่า ไซไฟกับคาวบอยตะวันตก เราผสมมันให้เข้ากันแบบบ้าคลั่งที่สุดเท่าที่เราจะทำได้
Q: ระบบใหม่ “Licensed Parts” ที่ให้ผู้เล่นผสมชิ้นส่วนปืนจากหลายผู้ผลิตได้ เกิดจากแรงบันดาลใจอะไรของทีมงาน?
Randy: แนวคิดมันมาจากการที่ผู้ผลิตแต่ละรายมีจุดเด่นเฉพาะตัว เราก็เลยอยากลองเอาความสามารถเหล่านั้นมาผสมกันให้แปลกยิ่งขึ้น เดิมทีใน Borderlands 1 เราก็ผสมมั่วซั่วอยู่แล้วนะ ถึงจะไม่มีเหตุผลว่าทำไมบริษัทไหนจะยอมให้ทำแบบนั้นก็เถอะ
แต่พอเรามองในโลกความจริง มันก็มีเรื่องของ พวกสิทธิบัตรสิ่งประดิษฐ์ กันอยู่ เราเลยเอาไอเดียนี้มาใช้เป็นข้ออ้างในเกมว่า บริษัทต่าง ๆ ยอมให้ใช้งานชิ้นส่วนกันข้ามแบรนด์ เพื่อเปิดทางให้ผู้เล่นได้ผสมความสามารถของแต่ละแบรนด์เข้าด้วยกัน มันเพิ่มความหลากหลายของของดรอปได้เยอะมาก
Andrew:อย่างตอนเราดูเดโมที่ออสเตรเลีย มีคนใช้มีดขว้าง ซึ่งโดยปกติคุณอาจจะคิดว่ามันแค่ขว้างไปโดนศัตรูแล้วมีเลือดกระเซ็นใช่ไหม? แต่ไม่ใช่เลย มันกลับสร้างหลุมดำดูดทุกอย่างในฉากเข้าไป แล้วเขาก็ขว้างมีดแบบนั้นรัว ๆ พวกเราก็แบบ “โอ้โห…มีดขว้างที่สร้างหลุมดำได้เหรอเนี่ย!” นี่แหละความเจ๋งของระบบใหม่

Q: แล้วมันส่งผลต่อ “ความรู้สึกตอนเก็บของดรอป” เหมือนในภาคก่อน ๆ ไหม?
Randy: นั่นแหละคือความสนุก ถ้าคุณเจออาวุธที่โกงแบบเกมพัง ก็เอาไปใช้ให้สะใจเลย มันเปิดให้ผู้เล่นได้ใช้อาวุธหลากหลายมากขึ้น
Andrew: ยิ่งระดับความหายากสูงเท่าไหร่ ก็จะยิ่งเจอชิ้นส่วนที่หลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะ Epic กับ Legendary ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
เราพยายามทำให้ของสีส้มมันเป็นตำนาน จริง ๆ เวลาคุณเห็นแสงสีส้มเรืองอยู่บนพื้น เราอยากให้คุณรู้สึกตื่นเต้นสุด ๆ หรือบางครั้งเราเจอในตู้ขายของด้วยนะ ผมกับ Randy ถึงกับอุทานพร้อมกันว่า “เฮ้ย! เจอได้ด้วยเหรอ?” เราอยากให้ทุกการเจอของดีมันรู้สึกพิเศษ
Q: ช่วยบอกอาวุธที่พวกคุณอยากแนะนำหน่อย อาวุธชิ้นที่พวกคุณชอบใช้ที่สุด?
Randy: ตอนนี้ผมชอบพวกปืน Ripper มาก ๆ ผมแค่อยากเห็นกระสุนพุ่งออกมาเยอะ ๆ ซึ่งแปลกดี เพราะเมื่อก่อนผมเป็นพวกชอบยิงแม่น ๆ ใช้สไนเปอร์ ตอนนี้แค่อยากสาดกระสุนให้มันเต็มจอ สนุกดี spray and pray ไปเลย
Andrew: ผมชอบอาวุธของ Tediore ชอบความที่ยิงหมดแมกแล้วโยนปืนทิ้งได้ บางทีโยนไปแล้วมันพูดกลับมา “ฉันรักเธอ!” แล้วผมก็แบบ “เดี๋ยวๆๆ กลับมาก่อน!”
บางอันมันเดินได้ด้วยนะ! เราเดินไปหาแล้วแบบ “เฮ้ย มันไม่หายไปนี่นา?” แล้วก็เหมือนจะมีคำสั่ง pet interaction ได้ เราก็ลองลูบมัน…แล้วมันก็ BOOM! ระเบิดตัวเองเฉย

Q: มีไอเดียอาวุธตลก ๆ อะไรที่อยากใส่แต่ใส่ไม่ได้ไหม?
Randy: เราทำตามใจล้วน ๆ ไม่ค่อยสนกฎเท่าไหร่ นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่เราเพิ่ม ordnance slot เพื่อเอาไว้ใส่ของแปลก ๆ อย่างมีดขว้าง ซึ่งไม่เคยมีใน Borderlands มาก่อน (ยกเว้นสกิลของ Zero)
Q: ทำไมภาค 4 ถึงเลือกกลับมาเล่าเรื่องอยู่บนดาวเดียว (Kairos) แทนที่จะไปหลายดาวเหมือนภาค 3?
Randy: เรื่องนี้มันขึ้นอยู่กับเนื้อเรื่องเป็นหลัก ถ้ามองในแง่พื้นที่ที่เล่นได้ Borderlands 4 มีพื้นที่มากกว่า Borderlands 2 กับ 3 รวมกันอีก และถ้ามองความหลากหลายของพื้นที่ ดาว Kairos มีมากกว่า Borderlands 3 ด้วยซ้ำ
เพราะฉะนั้นมันไม่ใช่ข้อจำกัดเลย แต่มันคือการเลือกให้เล่าเรื่องของ ดาวในตำนานที่ถูกตัดขาดจากจักรวาลมานับพันปี เราอยากให้ผู้เล่นได้ใช้เวลาสำรวจดาวนี้แบบลึก ๆ มากกว่าจะกระโดดข้ามโลกแบบภาคก่อน แต่ก็ใช่ว่าจะออกจาก Kairos ไม่ได้นะ ถ้าอยากขึ้นไป ก็ยังไปถึงดวงจันทร์ Elpis ได้อยู่
Q: บางคนบอกว่าเนื้อเรื่องใน Borderlands 3 เหมือน Gearbox กำลังเจอวิกฤตวัยกลางคน พวกคุณคิดยังไงกับคำวิจารณ์นั้น?
Randy: ขึ้นอยู่กับมุมมองแต่ละคนเลย บางคนไม่ชอบที่ Maya ตาย (สปอยล์นะ) ผมก็ไม่ชอบเหมือนกัน แต่ในเรื่อง มันเป็นสิ่งที่ฝาแฝด Calypso ต้องทำ บางคนก็บอกว่ามุกตดเยอะเกินไป ก็ยอมรับเลยว่า…จริง (หัวเราะ) โดยเฉพาะมุกที่มาเรียงติด ๆ กัน อันนี้คือความผิดพลาดจริง
มันเป็นปัญหาด้านกระบวนการมากกว่า ตัวทีมเขียนเนื้อเรื่องหลักเราเก่งมาก แต่เราก็เปิดเสรีให้ดีไซเนอร์ภารกิจเสริมใส่มุกเองเยอะไปหน่อย จนบางทีมันไปทับเนื้อเรื่องหลักแบบไม่ตั้งใจ พอทุกอย่างรวมกันแล้วถึงเห็นภาพรวมว่า โอเค มันเยอะไป
อีกอย่างคือเรายัดเนื้อหาหนักเกินไปใน Borderlands 3 คุณแทบจะไม่ได้หยุดฟังเสียงคนพูดในหูเลย ทั้งที่แค่เดินเล่นเฉย ๆ เพราะงั้นในภาค 4 เราเลยจัดจังหวะการเล่าเรื่องให้กระจายมากขึ้น อยากเข้าฟังเมื่อไหร่ก็เข้าได้ และรู้ว่าต้องไปต่อที่ไหน เปลี่ยนเป็นการออกแบบแบบมีจังหวะ มีจงใจ ทำซ้ำแล้วซ้ำอีกจนลงตัว
ส่วนในด้านเนื้อเรื่อง พูดตรง ๆ นะ ผมเองก็รัก Maya ภรรยาผมเล่น Maya ตอนเล่น Co-op ในภาค 2 ด้วยซ้ำ แต่พอเราสร้างจักรวาล เราก็ต้องยอมรับว่าตัวละครมีชีวิตของมันเอง และเมื่อถึงเวลา มันก็ต้องเป็นแบบนั้นจริง ๆ มันเจ็บนะที่ Maya ตาย ผมก็คิดถึงเธอเหมือนที่คิดถึง Roland กับ Scooter แต่สิ่งนี้แหละที่ทำให้ผู้เล่นอิน เพราะมันไม่ใช่แค่เกมตลก เราจริงจังกับมัน และมันก็สะเทือนอารมณ์จริง ๆ บางทีเมื่อ Borderlands 4 วางจำหน่าย หรือซักช่วงตอนวางขาย DLC คุณอาจจะเห็นอะไรบางอย่างก็เป็นได้
Andrew: เราอยากให้คุณหัวเราะ อยากให้คุณร้องไห้ อยากให้คุณตกใจและประทับใจ ทุกอารมณ์ที่คุณจะรู้สึกได้ในเกมนี้
Randy: และเราก็พัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ ทุกภาคที่ทำ เราเก่งขึ้น แล้วคุณจะสัมผัสได้ใน Borderlands 4 ว่านี่คือก้าวกระโดดในทุกด้านจริง ๆ

ทั้งหมดนี้คือ บทสัมภาษณ์ Exclusive Borderlands 4 ต้องขอขอบคุณทาง คุณ Randy Pitchford และ คุณ Andrew Reiner ที่สละเวลามาสัมภาษณ์แบบตัวต่อตัวกับทางเรา จนได้รับรู้เบื้องลึกเบื้องหลังของตัวเกมในประเด็นต่างๆ
Borderlands 4 จะวางจำหน่ายในวันที่ 12 กันยายน บน PlayStation 5, Xbox Series X/S และ PC ซึ่งตอนนี้สามารถพรีออเดอร์ได้แล้ว แถมยังรองรับภาษาไทยภายในเกมอีกด้วย สำหรับใครที่สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ผ่าน เว็บไซต์ทางการ
อย่าลืมติดตาม Gamer555 เพื่อไม่พลาดข่าวสารเพิ่มเติมที่น่าสนใจ
Discussion about this post