การมาถึงของ Atelier Resleriana: Forgotten Alchemy and the Liberator of Polar Nights ในฐานะโปรเจกต์ขยายที่สามารถดึงดูดแฟนเกมจำนวนมากได้พอสมควร ด้วยการใส่ไอเดียที่น่าสนใจหลายอย่างเข้าไป ทว่าโชคร้ายที่ไม่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการปิดให้บริการของตัวเกมบนเซิร์ฟเวอร์ Global เกิดขึ้นเร็วเกินไป นั่นทำให้แฟน ๆ หลายคนตั้งคำถามเกี่ยวกับชะตากรรมของโลกที่เป็นเอกลักษณ์และเหล่าตัวละครต้นฉบับ ซึ่งข่าวดีคือ พวกเขาจะได้รับโอกาสครั้งที่สองในเกมแยกที่มีชื่อว่า Atelier Resleriana: The Red Alchemist & the White Guardian

เพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับเกมใหม่นี้ ทีมงานของเราได้มีโอกาสสัมภาษณ์ Junzo Hosoi โปรดิวเซอร์ใหญ่ของ Atelier Resleriana: The Red Alchemist & the White Guardian โดยหัวข้อในการสัมภาษณ์จะเน้นไปที่ความพยายามของทีมในการเปลี่ยนรากฐานของเกมมือถือให้กลายเป็นประสบการณ์แบบ Atelier ดั้งเดิม ในการสัมภาษณ์ครั้งนี้ Hosoi ได้แบ่งปันเกี่ยวกับความท้าทายของเกมมือถือ การตัดสินใจในการนำตัวเอกจาก Atelier Escha & Logy กลับมา และวิธีที่ทีมงานสร้างสมดุลระหว่างนวัตกรรมใหม่กับสูตรสำเร็จของ Atelier แบบคลาสสิก
โลกเดียวกัน แต่เนื้อเรื่องไม่เกี่ยวข้องกัน
เกมคอนโซลใหม่จะมีฉากหลังอยู่ในโลกเดียวกันกับเกมมือถือก่อนหน้าอย่าง Atelier Resleriana: Forgotten Alchemy และ Liberator of Polar Nights แต่ Hosoi อธิบายว่าความสัมพันธ์ระหว่างสองเกมนี้ไม่ง่ายเหมือนที่แฟน ๆ หลายคนอาจเข้าใจ
“ทั้งสองผลงานนี้มีมุมมองโลกคล้ายกัน แต่เนื้อเรื่องของพวกเขาไม่ได้เชื่อมโยงกันอย่างแข็งแรงนัก” เขาอธิบาย “อย่างไรก็ตาม ตอนที่เราสร้างเนื้อเรื่อง เราคิดว่ามันเป็นเส้นเรื่องคู่ขนานกัน ดังนั้นเราจึงตั้งใจไม่ให้ตัวละครเดียวกันปรากฏในทั้งสองโลกพร้อมกัน”
แม้ว่าเส้นเรื่องจะแยกจากกัน แต่ตัวละครจากเกมมือถือยังคงมีบทบาทสำคัญอยู่ “Resna และ Valeria สามารถพูดได้ว่ามีอิทธิพลอย่างมากต่อตัวเอกใหม่ทั้งสองคนในเกมนี้” Hosoi กล่าว

จากมือถือสู่คอนโซล: บทเรียนที่ได้รับ
Hosoi พูดอย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับเหตุผลที่ต้องปิดเซิร์ฟเวอร์ต่างประเทศของเกมมือถือ “เหตุผลหลักคือเนื้อหาของเกมมือถืออาจไม่ตรงกับความคาดหวังของผู้เล่นต่างประเทศที่มีต่อ ‘Atelier’” เขาอธิบาย “ที่จริงแล้วเราก็อยากจะให้บริการเกมต่อไป แต่จากมุมมองทางธุรกิจ มันยากเกินไปที่จะดำเนินการต่อ”
ประสบการณ์นี้ส่งผลต่อการพัฒนาเวอร์ชันคอนโซลโดยตรง “เราคิดว่าผู้เล่นหลายคนยังคงรักในโลกและตัวละครของ ‘Atelier Resleriana’ ดังนั้นเราหวังว่าจะรักษาโลกใบนี้ไว้ผ่านเกม ‘Atelier Resleriana: The Red Alchemist and the White Guardian’” Hosoi กล่าว เกมใหม่นี้วางตำแหน่งตัวเองให้เป็น “ผลงาน ‘Atelier’ แบบดั้งเดิมที่มีระบบการต่อสู้แบบผลัดกันเดิน ซึ่งเป็นการกลับไปสู่เจตนารมณ์เดิมของซีรีส์” เขาเน้นว่าทีมต้องการ “นำเสนอตัวละครที่ทุกคนรักผ่านเกมคอนโซล”

การกลับมาของตัวเอกสองคน
หนึ่งในการตัดสินใจด้านการออกแบบที่โดดเด่นคือการกลับมาของตัวเอกชายหญิงสองคน ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ปรากฏครั้งล่าสุดใน Atelier Escha & Logy โดย Hosoi ได้อธิบายเหตุผลไว้ว่า:
“เราคิดว่าผู้เล่นหลายคนยังคงต้องการให้มีทั้งตัวเอกชายและหญิง นอกจากนี้ ตั้งแต่เกม Atelier Escha & Logy เป็นต้นมา เกมในซีรีส์ Atelier มักจะมีเพียงตัวเอกหญิงหนึ่งคน หรือสองคน” เขาเสริมว่า “เมื่อเราสร้างเกม Atelier ภาคใหม่ เราอยากเพิ่มสิ่งที่สดใหม่เข้าไป นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเกมนี้ถึงมีทั้งตัวเอกชายและหญิง”

การรักษาสมดุลระหว่างสิ่งดั้งเดิมและนวัตกรรมใหม่
ตัวเกมพยายามจะรักษาสมดุลระหว่างระบบเล่นแปรธาตุแบบผ่อนคลายตามสไตล์ของ Atelier กับความคืบหน้าของเนื้อเรื่อง “จะเรียกได้ว่าเราต้องการสร้างเกม Atelier แบบคลาสสิกก็ได้ ดังนั้นจุดเริ่มต้นและรากฐานของทั้งเกมก็คือระบบสังเคราะห์” Hosoi อธิบาย “ปัจจัยอื่น ๆ เช่นเนื้อเรื่องหลักและระดับความยากของศัตรู ก็จะถูกปรับตามระบบสังเคราะห์”
ระบบสังเคราะห์แบบสองสีของเกมนี้ไม่ได้เป็นเพียงกลไกการเล่นเท่านั้น แต่ยังเชื่อมโยงกับเนื้อเรื่องด้วย เมื่อถูกถามถึงความหมายของสีทั้งสอง Hosoi ตอบว่า “คุณมีอารมณ์ขันเฉียบคมดีนะ สองสีนี้ แดงและขาว ในชื่อเกมมีความหมายสำคัญมากในเนื้อเรื่อง” เขาเปิดเผยว่า “ระบบสังเคราะห์แบบสองสีนี้เป็นเวอร์ชันปรับปรุงจากเกมมือถือ ซึ่งถูกออกแบบมาเฉพาะสำหรับเกมเล่นคนเดียว”

ระบบเกมเพลย์ที่เข้าถึงง่าย
เกมนี้นำองค์ประกอบคลาสสิกของ Atelier อย่างนางฟ้าและการบริหารร้านกลับมา ซึ่ง Hosoi ระบุว่า “มีฟังก์ชันที่หลากหลายมาก” เขายืนยันว่าความยากของเกมนี้เป็นมิตรกับผู้เล่น: “จะเรียกได้ว่าระดับความยากอยู่ในระดับปานกลางก็ได้ ตราบใดที่เล่นไปเรื่อย ๆ เนื้อเรื่องจะไหลลื่น ผู้เล่นใหม่สามารถเริ่มต้นและจบเกมได้อย่างค่อนข้างง่าย”
สำหรับแฟนเกมระยะยาว ระบบนี้ก็เปิดโอกาสให้สำรวจได้ลึกยิ่งขึ้น: “แน่นอนว่าถ้าผู้เล่นที่ติดตามเราอย่างยาวนานสนใจระบบนี้ พวกเขาสามารถใช้เวลาเพิ่มในการเล่นซ้ำและพัฒนาทักษะตามที่ต้องการได้”
เกมเพลย์แนวสร้างเมืองยังทำหน้าที่เป็นการสะท้อนทิศทางของซีรีส์ Atelier ด้วย โดย Hosoi ได้ตอบกลับต่อข้อเสนอแนะจากเกม Atelier Yumia ว่า: “เราก็กำลังสะท้อนอยู่ว่าแก่นหลักของการเล่นในซีรีส์ Atelier คืออะไร แม้ตอนนี้เราจะยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน แต่ถ้าในอนาคตเราจะออกภาคใหม่ที่อิงจาก Atelier Yumia ผมเชื่อว่าเราจะสามารถเน้นไปที่ระบบเกมหลักได้มากขึ้น”
อาวุธของตัวเอกที่เป็นไม้เท้าแปลงร่างเป็นแส้ได้มีฟังก์ชันเฉพาะในเกมเพลย์ “เวลาที่ Rias วิ่งไปในแผนที่ อาจมีวัตถุดิบบางอย่างที่อยู่ไกล และถ้าใช้แค่ไม้เท้าอย่างเดียว ระยะก็จะจำกัด” Hosoi อธิบาย “แต่เมื่อแปลงเป็นแส้ เธอสามารถเอื้อมไปหยิบวัตถุดิบที่อยู่ไกลได้ ทำให้เกมสะดวกสบายขึ้นและเหมาะกับผู้เล่นที่เพิ่งเริ่มเล่น”
ตัวละครเก่าและฟีเจอร์ใหม่
เกมนี้จะมีตัวละครจากซีรีส์ Atelier ภาคก่อน ๆ กลับมาให้เห็นอีกครั้ง รวมถึง Rorona และ Totori โดยจะมีการประกาศเพิ่มเติมในอนาคต เมื่อถูกถามเกี่ยวกับตัวละครอื่น ๆ จากภาคที่ผ่านมา Hosoi ได้ใบ้ว่า “จริง ๆ แล้ว วันนี้เรากำลังจะเปิดเผยอีกหนึ่งตัวละครจากภาคก่อนบนเวที ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนงานเช่นกัน”
ระบบ Dimensional Paths จะมอบคอนเทนต์ที่สามารถเล่นซ้ำได้ พร้อม “บอสพิเศษ” และ “กลไกเฉพาะ” ที่ “ปรากฏแบบสุ่ม” โดย Hosoi อธิบายว่า แม้ Dimensional Paths จะไม่ได้เชื่อมโยงโดยตรงกับเนื้อเรื่องหลัก แต่ก็มีบอสพิเศษเฉพาะอยู่ เขาได้กล่าวว่า เมื่อผู้เล่นเล่นซ้ำบ่อย ๆ จะสามารถ “อัญเชิญนางฟ้าที่ทรงพลังอย่างยิ่งได้” และเรียกระบบนี้ว่า “องค์ประกอบของความสามารถในการเล่นซ้ำ ที่สามารถเพิ่มความสนุกให้กับเกมได้”

การร่วมมือของทีมและความหวังในอนาคต
การร่วมงานกับ Team Ninja นั้นเป็นลักษณะของความร่วมมือที่เสริมกัน ไม่ใช่การแบ่งหน้าที่อย่างชัดเจน “จริง ๆ แล้ว ไม่มีการแบ่งงานระหว่างสองฝ่ายอย่างตายตัว ทั้งสองฝ่ายมีส่วนร่วมในหลากหลายด้าน” Hosoi อธิบาย “อย่างไรก็ตาม การที่ Team Ninja เข้ามามีส่วนร่วมทำให้ Gust แข็งแกร่งขึ้น องค์ประกอบหลักของซีรีส์ Atelier ยังคงเป็นความรับผิดชอบของทีม Gust”
Atelier Resleriana: The Red Alchemist & the White Guardian จึงเป็นการกลับคืนสู่รากฐานของซีรีส์ ด้วยการบิดเนื้อเรื่องเล็กน้อย โดยยังคงสัญญาว่าจะมอบประสบการณ์แบบ Atelier ดั้งเดิม ขณะเดียวกันก็ประยุกต์บทเรียนที่ได้จากเกมมือถือก่อนหน้า

เมื่อถูกถามเกี่ยวกับการรองรับหลายภาษาสำหรับผู้เล่นต่างประเทศที่ยังเล่นอยู่บนเซิร์ฟเวอร์ญี่ปุ่น Hosoi ตอบอย่างระมัดระวังว่า “แม้ว่าเรากำลังพิจารณาเรื่องนี้อยู่ แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าการรองรับหลายภาษาจะเป็นไปได้หรือไม่”
ในเรื่องของการพัฒนาต่อในอนาคต Hosoi แสดงความสนใจที่จะเดินหน้าในแนวทางนี้ต่อหากได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้เล่น “ว่าจะสามารถทำให้เกิดขึ้นได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับความคิดเห็นและการตอบสนองของทุกคน” เขากล่าว พร้อมกล่าวถึงความเป็นไปได้ในการพัฒนาเกมที่มีแนวทางแบบ action มากขึ้นว่า “แน่นอนว่าเป็นทิศทางที่เรากำลังพิจารณาอยู่ ในเวลาเดียวกัน ในฐานะแบรนด์ Gust ผมเองก็อยากจะพัฒนาเกมใหม่ ๆ ที่มีแนวทางแบบ action มากขึ้นจริง ๆ”

Atelier Resleriana: The Red Alchemist & the White Guardian มีกำหนดวางจำหน่ายในวันที่ 26 กันยายนนี้ บนแพลตฟอร์ม PlayStation 5, Nintendo Switch และ PC โดยน่าเสียดายที่สำหรับ PlayStation 4 จะมีวางจำหน่ายเฉพาะในญี่ปุ่นเท่านั้น คุณสามารถติดตามความเคลื่อนไหวล่าสุดทั้งหมดของเกมได้ที่เว็บไซต์ทางการ
อย่าลืมติดตาม Gamer555 เพื่อไม่พลาดข่าวสารเพิ่มเติมที่น่าสนใจ
Discussion about this post