หลังจากความสำเร็จของ Borderlands 3 ที่แม้จะได้รับเสียงตอบรับมากมายทั้งบวกและลบ แต่ก็ยืนยันความแข็งแกร่งของแฟรนไชส์นี้ได้อย่างชัดเจน Gearbox กลับมาอีกครั้งพร้อมกับ Borderlands 4 ที่มีแนวโน้มจะเป็นภาคที่ทะเยอทะยานที่สุดเท่าที่เคยมีมา ทั้งในแง่ของการออกแบบเกม ระบบการเล่น และการตอบสนองต่อข้อเสนอแนะจากผู้เล่นทั่วโลก
ในบทสัมภาษณ์พิเศษนี้ ทีมงานผู้จัดทำบทสัมภาษณ์ได้มีโอกาสพูดคุยโดยตรงกับ Graeme Timmins (Creative Director) และ Randy Varnell (Chief Creative Officer ของ Gearbox) ถึงเบื้องหลังการพัฒนาเกม แนวคิดที่อยู่เบื้องหลังฟีเจอร์ใหม่ ๆ และความตั้งใจที่จะฟังเสียงจากแฟนเกมจริง ๆ ไม่ใช่แค่คำพูดสวยหรู

การผจญภัยยังคงดำเนินต่อไป
แม้จะผ่านมาเกินทศวรรษแล้วนับจากที่ Borderlands ภาคแรกเปิดตัวในปี 2009 แฟรนไชส์นี้ก็ยังคงความแหลมคมเอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่น เมื่อถูกถามว่าอะไรคือแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้ทีมงานยังคงสร้างเกมนี้ต่อไป Varnell ตอบว่า “แฟน ๆ คือเหตุผลหลัก”
“เราถือว่าโชคดีมากที่ Borderlands เจาะกลุ่มผู้เล่นได้ตั้งแต่เริ่มต้น และกลุ่มนั้นก็กว้างขวางมาก” เขาอธิบาย “สิ่งที่ทำให้เรากลับมาสร้างอยู่เสมอก็คือผู้คนรักสิ่งที่เราสร้าง และอยากเล่นมันต่อไป”
ในโลกของเกมที่การแข่งขันสูงขึ้นทุกวัน นักพัฒนาหลายคนพยายามสร้าง IP ใหม่ให้ประสบความสำเร็จ แต่ Borderlands ยังคงความเกี่ยวข้องอยู่เสมอ เพราะเข้าใจสิ่งที่แฟน ๆ ต้องการ และยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
“เราต้องการมอบความบันเทิงให้กับผู้คน และโชคดีที่เราพบสิ่งที่เราสนุกกับการสร้าง และผู้คนก็สนุกกับการเล่น” Varnell กล่าวเสริม
Timmins กล่าวว่าความยืดหยุ่นของโลกในเกม Borderlands เองก็เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้แฟรนไชส์นี้อยู่มาได้ยาวนาน
“โลกของเรายืดหยุ่นอย่างเหลือเชื่อ” เขากล่าว “เราจะตลกสุดขีดก็ได้ หรือจะจริงจัง มืดหม่น โหดเหี้ยม เลือดสาดก็ได้ ผมชอบตรงนี้แหละ—เรามีอิสระ และ Borderlands ก็เหมาะกับสิ่งนั้นอย่างมาก”

การรักษาเอกลักษณ์เดิมไว้ พร้อมเปิดทางสู่เส้นทางใหม่
กระแสการรีเมกและรีมาสเตอร์กำลังเฟื่องฟูอย่างมากในช่วงหลังมานี้ และ Timmins มองว่านี่เป็นสิ่งที่ดี
“มีเกมดี ๆ มากมายจากยุคก่อนที่พวกเราในฐานะผู้สร้างสรรค์สื่อบันเทิง อยากให้ผู้เล่นได้หวนกลับไปสัมผัสอีกครั้ง” เขากล่าว “มีผู้เล่นรุ่นใหม่เกิดขึ้นมากมาย และบางครั้ง การรีเมกก็คือโอกาสแรกที่พวกเขาได้เข้าถึงเรื่องราวสุดยอดเหล่านั้น ซึ่งถือเป็นเรื่องดี”
ตัว Timmins เองก็อยู่กับแฟรนไชส์ Borderlands มาตั้งแต่ต้น “ผมเคยทำงานกับด่านหลาย ๆ ด่านใน Borderlands ภาค 1 ดังนั้นผมก็อยู่กับแฟรนไชส์นี้ตั้งแต่วันแรก” เขากล่าว “ผมคิดว่าการรีเมกและรีมาสเตอร์คือสิ่งที่ยอดเยี่ยม เพราะมันเปิดโอกาสให้คนที่เคยพลาดเกมไป ได้กลับมาลองเล่นดู”
แต่ Borderlands 4 ไม่ได้ทำขึ้นเพื่อคนเก่า ๆ เท่านั้น มันยังถูกออกแบบมาให้เป็นมิตรกับผู้เล่นใหม่ด้วย “คราวนี้เราวางโครงเรื่องให้ว่า ต่อให้คุณไม่เคยเล่น Borderlands มาก่อนเลย ก็สามารถเข้ามาเล่นได้ทันที” Timmins กล่าว “คุณยังคงจะเชื่อมโยงกับภาคก่อน ๆ ได้อยู่ แต่ในช่วงต้น ทุกอย่างจะเริ่มจากจุดเดียวกัน”
ด้วยแนวทางนี้ ทั้งผู้เล่นใหม่และเก่าก็จะสามารถได้รับประสบการณ์ที่มีความหมายไปพร้อมกัน “เมื่อคุณเล่นไปเรื่อย ๆ คนที่เคยเล่นมาก่อนจะเริ่มเห็นความเชื่อมโยงมากขึ้น แต่สำหรับผู้เล่นใหม่ มันก็ยังสนุกตั้งแต่เริ่มเลย” เขาเสริม

ไม่ต้องโหลดเซฟซ้ำอีกต่อไป
หนึ่งในคำบ่นใหญ่ที่สุดเกี่ยวกับ Borderlands 3 ก็คือการต้องโหลดเซฟซ้ำ ๆ เพื่อฟาร์มบอส ซึ่ง Timmins ที่เพิ่งมารับตำแหน่ง Creative Director หลังจากเกมวางจำหน่าย ก็ยอมรับเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา “ตอนที่ Borderlands 3 วางจำหน่าย ผมเพิ่งเริ่มเป็น Creative Director หลังจากนั้น และผมก็รู้ว่าคนจำนวนมากชอบการฟาร์มของใช่ไหมล่ะ?”
ทางออกของปัญหานี้? ก็คือเครื่องใหม่ที่มีชื่อว่า Moxxi’s Encore “ผมอยากจะบอกว่าไม่ควรมีผู้เล่นคนไหนต้องมานั่งดูหน้าจอโหลด เพียงแค่ต้องการของดรอปดี ๆ” Timmins อธิบาย “นั่นแหละคือเหตุผลที่เราสร้างเจ้า Moxxi’s Encore ขึ้นมา”
เครื่องนี้จะเชื่อมโยงโดยตรงกับความก้าวหน้าของคุณในเกม “หลังจากคุณผ่านภารกิจบอสแล้ว คุณก็แค่ส่งภารกิจ แล้วคุณสามารถกลับไปที่อารีน่าเดิมได้ และตอนนี้จะมีเครื่องให้คุณซื้อสิทธิ์การรีแมตช์”
นอกจากจะใช้งานได้จริงแล้ว ฟีเจอร์นี้ยังช่วยเพิ่มความสนุกในโหมด co-op ด้วย “ตอนนี้คุณไม่ต้องโหลดเซฟอีกแล้ว และสิ่งที่เจ๋งคือ คุณสามารถฟาร์มบอสไปพร้อมกับเพื่อนได้” Timmins กล่าว “เมื่อก่อน ถ้าคุณกลับไปที่เมนู ปาร์ตี้ก็จะแตก แต่ตอนนี้ไม่แล้ว คุณสามารถพูดกับเพื่อนได้เลยว่า ‘ฉันกำลังหาอาวุธสำหรับบิลด์ของฉัน ช่วยฉันฟาร์มบอสนี้หน่อยได้ไหม’ แล้วคุณก็จะได้รีแมตช์บอสตัวนั้นด้วยกัน โดยไม่ต้องมานั่งดูหน้าจอโหลดเลย”

Co-op ยังคงอยู่
เกมหลายเกมในปัจจุบันได้ละทิ้งระบบ Co-op แบบแยกหน้าจอ (split-screen) ไป เพราะพัฒนายากมาก แต่ Borderlands 4 ยังคงรักษาฟีเจอร์นี้ไว้ในทุกแพลตฟอร์ม Timmins ก็พูดอย่างตรงไปตรงมาถึงความท้าทายนี้ “Co-op นั้นยากมาก และผมเข้าใจว่าทำไมนักพัฒนาหลายคนถึงเลิกทำ เพราะมันต้องใช้ทรัพยากรเยอะมาก โดยเฉพาะ split-screen”
แต่ทีมงานยังคงยึดมั่นกับสิ่งนี้ “นี่คือหัวใจของ Borderlands ช่วงเวลาที่ได้นั่งเล่นด้วยกันบนโซฟากับเพื่อน ๆ มันสำคัญมาก ๆ เราจึงยอมเสียสละบางอย่างเพื่อรักษาสิ่งนี้ไว้” เขาอธิบาย
และพวกเขาไม่ได้แค่คงไว้ แต่ยังพยายามทำให้ประสบการณ์ Co-op ดียิ่งขึ้นอีกด้วย “เราทำหลายอย่างเพื่อให้ Co-op กลายเป็นแกนหลักของประสบการณ์ใน Borderlands” Timmins เน้นย้ำ “ถ้าคุณอยากสนุกกับ Borderlands จริง ๆ การเล่นด้วยกันคือทางเลือกที่ดีที่สุด เพราะนั่นคือวิธีที่ดีที่สุดในการได้ไอเทมดี ๆ และสู้กับศัตรูที่โหดที่สุด”
เมื่อพูดถึงแพลตฟอร์ม Timmins กล่าวว่าเวอร์ชันสำหรับ Switch 2 ยังอยู่ในระหว่างพัฒนา และยังไม่สามารถพูดอะไรมากได้ในตอนนี้ แต่คำมั่นสัญญาเรื่อง Co-op ยังคงไม่เปลี่ยน
“เรากำลังปรับแต่งทุกแพลตฟอร์มของเราให้ประสิทธิภาพลื่นไหลที่สุด ดังนั้นไม่ว่าคุณจะเล่นบน Switch 2, Xbox, PlayStation หรือ PC ใช่ครับ PC ไม่รองรับ split-screen แต่บนแพลตฟอร์มอื่น ๆ ทุกอย่างจะให้ความรู้สึกยอดเยี่ยมแน่นอน”

ตัวละครเก่าหวนคืน ตัวละครใหม่เปิดตัว
ตัวละครยอดนิยมอย่าง Moxxi, Zane และ Amara จะกลับมาใน Borderlands 4 แต่จะไม่มาในฐานะตัวละครที่ผู้เล่นสามารถเล่นได้ ตามธรรมเนียมของซีรีส์นี้ ตัวละครหลักจากเกมก่อนหน้าจะกลายเป็น NPC ในเกมภาคถัดไป “สิ่งที่ผมชอบที่สุดเกี่ยวกับ Borderlands คือ ตัวละครที่เคยเล่นได้ในเกมก่อนหน้า จะกลับมาในฐานะ NPC ในเกมถัดมา” Varnell กล่าว “เมื่อคุณได้เจอพวกเขาอีกครั้งในฐานะ NPC มันจะมีช่วงเวลาแบบ ‘โอ้ นั่นคือตัวละครของฉัน!’”
แน่นอนว่าความท้าทายคือการรักษาสมดุลระหว่างตัวละครจากภาคก่อนกับเนื้อหาใหม่ “มีตัวละครมากมายที่แฟน ๆ รักในแฟรนไชส์นี้” Varnell กล่าว “เราต้องการพาตัวละครเก่ากลับมาเสมอ แต่เราก็ต้องแน่ใจด้วยว่าผู้เล่นใหม่จะได้รับประสบการณ์ที่สดใหม่”
ทีมพัฒนายังตระหนักดีว่า ความผูกพันของแฟน ๆ กับตัวละครเหล่านี้ไม่ได้จำกัดแค่ในเกม “นักเขียนและนักออกแบบบางคนที่ Gearbox จริง ๆ แล้วอยากทำเกมแนวเดตซิมกับตัวละครจาก Borderlands พวกเราก็อยากทำเหมือนกัน” Varnell กล่าว “เรารู้ว่าแฟน ๆ รักตัวละครของเรา และอยากเห็นพวกเขามากขึ้น”

ตัวคุณคือศูนย์กลางของเรื่องราว
การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ใน Borderlands 4 คือ ตัวละครผู้เล่นจะมีเสียงพากย์และปรากฏในคัตซีน ซึ่งเป็นการตอบสนองต่อเสียงบ่นจาก Borderlands 3 ที่ตัวละครผู้เล่นดูเหมือนไม่มีบทบาทในเนื้อเรื่องเลย “เมื่อเราฟังเสียงตอบรับจากชุมชน มีหลายช่วงใน Borderlands 3 ที่ผู้เล่นผิดหวัง เพราะตัวละครของพวกเขาไม่ได้มีส่วนร่วมในฉากต่าง ๆ” Timmins อธิบาย
การเปลี่ยนแปลงนี้ต้องลงทุนทางเทคโนโลยีอย่างมาก “ตั้งแต่ต้น เราลงทุนกับเทคโนโลยีที่ทำให้ตัวละครผู้เล่น พร้อมกับชุดคอสตูมทั้งหมด สามารถปรากฏในคัตซีนได้ และพวกเขาสามารถทำท่าทางได้อย่างเป็นธรรมชาติ” เขากล่าว ผลลัพธ์ที่ได้คือ ประสบการณ์ที่ดื่มด่ำยิ่งกว่าเดิม “คุณจะกลายเป็นฮีโร่หลัก ไม่ใช่แค่คนที่ตามเนื้อเรื่องอีกต่อไป มันคือตัวละครของคุณ การกระทำของคุณ และแรงจูงใจของคุณที่กลายเป็นจุดศูนย์กลางของเรื่องราว” Timmins เน้นย้ำ
Varnell ยังกล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลต่อทั้งโครงเรื่อง “คุณจะเห็นสิ่งนี้ในคัตซีน แต่เราก็คิดเรื่องนี้อย่างลึกซึ้ง เพราะมันเป็นหนึ่งในคำวิจารณ์ที่ใหญ่ที่สุดของ Borderlands 3 ผู้เล่นรู้สึกว่าตัวละครของพวกเขาไม่มีความสำคัญ”

โลกใหม่ บทเรียนเก่า
ทีมพัฒนารับฟังเสียงของชุมชนอย่างแท้จริงในการสร้าง Borderlands 4 โดย Varnell ถึงกับบอกว่าเขาอ่านคอมเมนต์ทุกคอมเมนต์ “จุดเปลี่ยนที่แท้จริงคือการรับฟังสิ่งที่ผู้คนชอบและไม่ชอบเกี่ยวกับ Borderlands 3 ผมอ่านคอมเมนต์ทุกอันเลย บางทีผมอาจไม่ควรทำแบบนั้นก็ได้นะ แต่ผมก็อ่านหมดแล้วจริง ๆ” เขากล่าว
การไตร่ตรองนี้ได้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในโทนและรูปแบบของมุกตลกในเกม ทีมงานตระหนักว่า สิ่งที่เคยเวิร์กใน Borderlands 2 อาจไม่เหมาะใน Borderlands 3 “เรามีนักเขียนที่เก่งมากอย่าง Anthony Burch ที่เชี่ยวชาญในการใส่มุกตลกให้กับเนื้อเรื่อง แต่เมื่อเราลองใช้สไตล์นั้นใน Borderlands 3 มันกลับไม่เวิร์กเลย ดังนั้นเราจึงประเมินทุกอย่างใหม่และเปลี่ยนทั้งหมดใน Borderlands 4” Varnell อธิบาย
คราวนี้ ผู้เล่นจะได้สำรวจดาวเคราะห์ดวงใหม่ชื่อ Kairos ซึ่งถูกควบคุมโดยกลุ่ม Time Keepers มานานนับพันปี โลกใบนี้ยังคงเชื่อมโยงกับจักรวาล Borderlands เดิม แต่ก็มีความสดใหม่
“ตอนนี้เราจะย้ายจาก Pandora ไปยัง Kairos ดาวเคราะห์ที่ถูก Time Keepers ควบคุมมาตลอดพันปี” Varnell อธิบาย
แนวทางการออกแบบนั้นตั้งใจให้เป็นมิตรกับผู้เล่นทุกคน “ยังมีเส้นเชื่อมโยงกับ Borderlands ภาคก่อนหน้าอยู่ แต่ถ้าคุณยังไม่รู้อะไรเลย คุณจะได้เรียนรู้ที่นี่ คุณจะได้รู้ว่า Time Keeper คือใคร และทำไมเขาถึงควบคุมดาวดวงนี้อยู่” เขากล่าวเสริม

อนาคตของตัวเกม
นอกเหนือจากเกมหลักแล้ว ทีมงานยังสำรวจวิธีใหม่ ๆ ในการขยายจักรวาล Borderlands “เรากำลังมองหาวิธีที่จะทำให้แฟน ๆ รู้สึกผูกพันกับตัวละครของเรามากขึ้น” Varnell กล่าว “ไม่ว่าจะเป็นการ์ตูน หนังสือ ภาพยนตร์ เกมอื่น ๆ เกมกระดาน อะไรก็ได้ เราไม่อยากให้ผู้คนต้องรอถึงหกปีกว่าจะได้เห็นตัวละครที่พวกเขารักอีกครั้ง”
ก่อนการเปิดตัว Borderlands 4 ความมุ่งมั่นของทีมต่อผู้เล่นทั่วโลกก็ชัดเจน “เราหวังว่าแฟน ๆ ของเราทั้งในจีน มาเลเซีย หรือที่ไหนก็ตาม จะสนุกไปกับเกมนี้” Varnell กล่าวระหว่างการเยือนประเทศจีนเป็นครั้งแรก “เราต้องการให้ทุกคนสามารถพบเจอส่วนหนึ่งของตัวเองในเกมนี้ ผ่านตัวละครที่พวกเขาสามารถเชื่อมโยงได้”
Gearbox ยืนยันว่า Borderlands 4 จะวางจำหน่ายเร็วขึ้นจากกำหนดเดิม โดยเลื่อนจากวันที่ 23 กันยายน มาเป็น 12 กันยายน และยังยืนยันว่าเกมจะวางขายทั้งบน PS5, Xbox Series, PC และ Nintendo Switch 2 ด้วย ผู้ที่สนใจสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ทางการ
อย่าลืมติดตาม Gamer555 เพื่อไม่พลาดข่าวสารเพิ่มเติมที่น่าสนใจ
Discussion about this post