ก่อนหน้าที่ Persona 3 Reload จะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ เราได้รับโอกาสในการพูดคุยกับคุณ Kazuhisa Wada Production Manager ของแฟรนไชส์ Persona ไปติดตามกันได้ใน บทสัมภาษณ์ Persona 3 Reload นี้
Kazuhisa Wada ถือเป็นอีกหนึ่งในพนักงานคนสำคัญของ Atlus ที่มีส่วนขับเคลื่อนชุมชนโยเฉพาะกับเกมในแฟรนไชส์ Persona
เจ้าตัวสร้างชื่อโดยการเป็นหัวหน้าฝ่ายออกแบบสำหรับ Persona 3, Persona 3 Portable, Persona 4, Persona 4 Golden ผู้อำนวยการสร้างของ Persona 4 Arena Ultimax และเป็นโปรดิวเซอร์สำหรับ Persona 5 Royal ก่อนที่จะมารับบทบาท Production Manager ให้กับ Persona 3 Reload
**เนื้อหาบางส่วนของบทสัมภาษณ์ได้มีการแก้ไขเพื่อให้เข้ากับภาษาไทยมากขึ้น
เวลาที่ใช้ในการพัฒนา
ไม่ว่าจะเกมใหม่หรือเกมเก่าที่เอามาทำใหม่ ทุกอย่างต้องใช้เวลาและความทุ่มเทในการสร้างมันขึ้นมาเพื่อให้มีคุณภาพที่เหมาะสม เมื่อมองถึงจุดนี้จะเห็นว่าเกมรีเมคหลายเกมในยุคนี้ใช้เวลาการสร้างนานพอสมควร เช่นเดียวกับ Persona 3 Reload ดังนั้นเราจึงสอบถามคุณ Wada ว่าโปรเจคนี้เริ่มต้นแท้จริงแล้วในช่วงเวลาใด และอะไรที่ทีมใช้เวลาไปมากกับงานนี้
Wada ซังได้กล่าวถึงว่าทีมเริ่มต้นการทำงานกับ Persona 3 Reload ตั้งแต่ปี 2019 จนถึงช่วงฤดูร้อนของปี 2023 รวมแล้วก็เป็นเวลา 4 ปีกว่าๆ ซึ่งส่วนที่พวกเขาใช้เวลาไปมากพอสมควรก็คือการทำให้เกมสามารถเล่นได้อย่างลื่นไหลทุกแพลตฟอร์มรวมถึงการ Localize ให้มีหลากหลายภาษาภายในเกม
“เราใช้เวลาไปมากในด้านอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ รวมถึงการปรับแต่งที่มีความแตกต่างในแต่ละแพลตฟอร์มที่เราจะเอาเกมไปลง”
การออกแบบตัวละครกับเนื้อเรื่อง
หนึ่งในสิ่งที่ปรับปรุงขึ้นมาอย่างชัดเจนใน Persona 3 Reload นอกจากเกมเพลย์และกราฟฟิค ก็คือดีไซน์ตัวละครที่มีการปรับเปลี่ยนไป เราเลยอยากรู้ว่าการออกแบบของแต่ละตัวละคร มีผลมาจากเนื้อเรื่อง background story ด้วยหรือไม่
Wada ซังได้ตอบคำถามข้อนี้ว่า background story นั้นถูกสร้างมาเพื่อทำให้ตัวละครมีมิติน่าดึงดูดน่าค้นหามากขึ้น รวมถึงการเชื่อมเนื้อหาบางส่วนที่จะไปถึงเกมภาคต่อๆ Persona 4 Arena Ultimax เช่นกัน
เพลงอันเป็นจุดเด่นเสมอมา
องค์ประกอบหนึ่งที่แฟนๆ Persona 3 รอคอยก็คือ soundtrack ที่กลายมาเป็นจุดเด่นของแฟรนไชส์ Persona ซึ่งในภาคนี้ก็มีหลากหลายเพลงด้วยกันทางเราเลยอยากให้ Wada ซังแชร์ไอเดียหรือข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานในส่วนของเพลงเหล่านี้
Wada ซังได้ตอบว่ามันมีองค์ประกอบที่เขาและทีมชอบเอามากๆ และอยากที่จะทำมานานแล้ว อย่างการนำเพลงที่เป็นที่นิยมมาปรับแต่งใหม่ รวมถึงการมีคุณ Azumi Takahashi เข้ามาเสริมในตำแหน่ง vocalist ซึ่งทำให้เกิดไอเดียใหม่ๆ มากมายจากเพลงต้นฉบับดั้งเดิม
“เรามีส่วนที่เราอยากทำอยู่แล้ว แต่ผมคิดว่าที่มันออกมาดีและสดใหม่ต้องให้เครดิตกับนักร้องใหม่ของเราอย่างคุณ Azumi Takahashi ที่เข้ามาเสริมเติมแต่งในจุดนี้”
ระบบ QoL ที่พัฒนา
ในการรีเมค Persona 3 Reload ตัวเกมมาพร้อมกับระบบ QoL ที่เพิ่มขึ้นอย่างมากโดยเฉพาะใน Tartarus ที่ทั้งการ dash และ auto-recovery ช่วยให้ผู้เล่นไม่รู้สึกน่ารำคาญเวลาวิ่งนานๆ ในดันเจี้ยน เราอยากถามทาง Wada ซังว่าทีมงานตัดสินใจนำ QoL มาใส่เพิ่มเติมในส่วนไหนบ้าง และกระบวนการเป็นอย่างไร
“Quality of life มันสำคัญมากสำหรับเรา เราตั้งเป้าที่จะให้ระบบต่างๆ ถูกใช้และสร้างความเป็นอยู่ที่ดีแก่ผู้เล่นโดยเมื่อเทียบกับ Persona 5 Royal แล้วมันต้องเห็นการพัฒนาที่ดีกว่าเดิม”
ฟีเจอร์หนึ่งที่ Wada ซังนำเสนอก็คือระบบ rollbackfallback ซึ่งเป็นเหมือนการ auto-save แต่มีความซับซ้อนมากขึ้นทำให้ผู้เล่นมีทางเลือกสามารถย้อนกลับไปในจุดเดิมก่อนหน้าที่จะทำพลาด แล้วไม่ต้องเสียเวลาการรีเกมหรือโหลดเซฟแบบจัดเต็ม ตัวอย่างเช่น เราลืมเก็บของในชั้นที่ผ่านมาแล้วก็สามารถใช้ระบบนี้ในการย้อนกลับไปได้ แถมไม่ต้องโหลดแผนที่ใหม่เพราะตัวเกมมีการจดจำไว้ก่อนหน้าเรียบร้อย
“แล้วก็ท้ายสุดที่ผมอยากนำเสนอก็คือระบบ mailing ปกติแล้วคุณต้องกลับไปที่หน้าเมนูหลักเสร็จแล้วก็ค่อยไปในสถานที่ที่ระบุไว้ แต่ด้วยระบบใหม่เราสามารถวาร์ปไปในสถานที่ดังกล่าวได้เลยไม่ว่าจะในเกมเพลย์หรือเนื้อเรื่องโดยที่มีการ transtion ฉากที่ลื่นไหล”
เกมเพลย์การต่อสู้
ระบบเกมเพลย์การต่อสู้ถือเป็นจุดสำคัญในเกม RPG ซึ่งใน Persona 3 Reload ก็มีการพัฒนาขึ้นอย่างชัดเจนเทียบกับภาคต้นฉบับ เราอยากรู้ว่าทีมใช้เวลาเท่าไหร่ในการปรับแต่งเพื่อให้เข้ากับระบบการต่อสู้ใหม่ๆ เพื่อให้แต่ละตัวละครมีพื้นที่แสดงความสามารถของตนออกมา
Wada ซังได้พูดถึงว่าเขาอยากให้ระบบการต่อสู้นั้นมีความเชื่อมต่อกับการดำเนินเนื้อเรื่อง เพราะมันจะทำให้ตัวละครมีความน่าสนใจมากขึ้น ตัวอย่างเช่นการนำ Armageddon กลับมาในฐานะ Theurgy skill ซึ่งสามารถใช้ซ้ำเท่าไหร่ก็ได้แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่จะเสีย HP และ SP ทั้งหมดไปซึ่งแสดงให้เห็นว่าทำไมสกิลนี้มันดูสำคัญจริงๆ ในเนื้อเรื่อง
“สำหรับระบบการต่อสู้หลักๆ ใน Persona 3 Reload จะใช้พื้นฐานจาก Persona 5 Royal แล้วพัฒนามาจากจุดนั้น ซึ่งทั้งตัวเขาและทีมก็หวังว่าการทำเช่นนี้จะทำให้เกมเพลย์และตัวละครมีความโดดเด่นขึ้นมา”
หมาน้อยที่น่ารัก
สิ่งหนึ่งที่ใหม่ แบบใหม่จริงๆ สำหรับ Persona 3 Reload ก็คือการเพิ่มเสียงพากย์ของ Koromaru โดยคุณ Shinya Takahashi เราได้ถาม Wada ซังว่า เขาสามารถบอกได้ไหมถึงการตัดสินใจเรื่องการให้ Koromaru มีคนพากย์ และมันจะส่งผลต่อตัวละครอย่างไร รวมถึงมีอะไรฮาๆ ระหว่างการทำงานในส่วนนี้อย่างที่ต้องให้นักพากย์อย่างคุณ Takahashi เห่า หรือหอนบ้างไหม
Wada ซังได้อธิบายว่า คุณ Shinya Takahashi ได้รับเสียงตอบรับที่ดีมากเมื่อให้เสียง Koromaru ในอนิเมะ ดังนั้นทำให้ทีมต้องการเขามาให้เสียงในเกมเช่นเดียวกัน
“สำหรับเสียงของ Koromaru กับการที่มันจะส่งผลต่อตัวละครอย่างไร เอาเป็นว่าผมบอกเลยว่าผู้อำนวยการสร้าง(Takuya Yamaguchi) เขารักหมาโคตรๆ ทำให้ทีมทุ่มเทในการให้เสียงสำหรับ Koromaru โดยมีเป้าหมายว่ามันจะเป็นสิ่งพิเศษสำหรับคนรักหมาทั่วโลก”
“ส่วนเรื่องฮาๆ ผมจำได้ว่าตอนช่วงอัดเสียง การให้นักพากย์ต้องมาพากย์เสียงอย่างการเห่ามันโคตรแปลกเลย แต่ตอนที่เราทำทั้งทีมก็สนุกไปกับมัน ผมหวังว่าผู้คนจะเห็นความต่างของเสีย Koromaru ที่เราได้ทำงานในส่วนนี้นะ”
ความท้าทายในการพัฒนาเกม
ทุกการพัฒนาเกมต้องมีอุปสรรคขวากหนาม เราเลยอยากรู้ว่าสำหรับ Persona 3 Reload จุดไหนคือความท้าทายในการพัฒนาเกมของทีมงานมากที่สุด
Wada ซังได้ระบุว่าความท้าทายสูงสุดที่ทั้งเขาและทีมได้เจอก็คือการที่ทีมงานวางแผนที่จะวางจำหน่ายทั่วโลกพร้อมกัน ทั้ง 13 ภาษาที่แตกต่างและแพลตฟอร์มที่มีกระบวนการพัฒนาที่ต่างกันอย่างที่ได้พูดไปว่าเราใช้เวลาส่วนนี้เยอะมาก
อีกส่วนที่ทำให้ตัวเขาเองถึงกับช็อคไปเลยก็คืองบประมาณในการพัฒนา เพราะมันบานปลายและเกินงบมากกว่าการสร้างเกมใหม่ขึ้นมาเสียอีก แต่ตัวเขาเข้าใจได้เพื่อให้เกมถูกขัดเกลาออกมาสมบูรณ์ที่สุด
“นอกจากสองเรื่องดังกล่าวแล้ว ทีมเรายังมีความยากอีกอย่างก็คือการที่จะพัฒนาเกมโดยที่ทำให้เนื้อหาต้นฉบับไม่ถูกเปลี่ยนแปลงไปจนไม่เหลือเค้าเดิม มันมีหลายส่วนที่พวกเราตัดสินใจได้ยากว่าจะแก้หรือไม่ มีการถกเถียงกันมากมายก่อนจะได้ผลสรุปเพื่อให้การตัดสินใจออกมาได้ถูกต้องที่สุด”
ทิ้งทายถึงแฟนๆ
หลังจากแฟรนไชส์ Persona ได้ถูกจุดกระแสและตีตลาดนอกญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ มีแฟนๆ ผู้เล่นมากมายในโซนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของเรา Wada ซังมีอะไรอยากฝากแฟนๆ ที่รอเล่นเกมนี้กันอยู่บ้าง
Wada ซังได้ระบุว่าแฟรนไชส์ Persona โดยเฉพาะ Persona 3 ถือเป็นจุดเปลี่ยนของพวกเขา มันเป็นเกมที่มีความสำคัญเป็นพิเศษสำหรับ Atlus เรารวมทีมจากคนที่เคยทำ Persona 5 Royal รวมกับทีมที่เข้าใจความเป็นมาของ Persona 3 เพื่อให้ภาครีเมคนี้ออกมายอดเยี่ยม ทั้ง QoL กราฟฟิค เกมเพลย์ที่ต่อยอดมาจาก Persona 5 Royal และยังนำความเป็นต้นฉบับ Persona 3 มาใส่อย่างเต็มที่
ท้ายสุดนี้คือข้อความที่ Wada ซังฝากถึงแฟนๆ ของ Persona
“ในตอนนี้เราไม่มีแผนที่จะปรับปรุงเกมแบบที่ทำกับ Persona 5 ในเวอร์ชั่น Persona 5 Royal ดังนั้นแฟนๆ สามารถคิดไว้ในใจได้เลยว่า Persona 3 Reload มาพร้อมกับประสบการณ์เกมเพลย์และเนื้อเรื่องแบบเต็มที่ เราได้ใส่แรงกายแรงใจไปมากมายกับงานนี้เพื่อผู้เล่นทั่วโลก รวมถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อให้ทุกคนได้เล่นเกมพร้อมกันในวันเปิดวางจำหน่าย เราหวังว่าผู้เล่นทุกคนจะสนุกสนานไปกับ Persona 3 Reload”
และนี่คือทั้งหมดของ บทสัมภาษณ์ Persona 3 Reload กับ Kazuhisa Wada ทางเราขอขอบคุณ Wada ซังที่สละเวลามาตอบคำถามของเราในบทสัมภาษณ์นี้
Persona 3 Reload เตรียมวางจำหน่ายในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2024 บน PlayStation 4, PlayStation 5, Xbox One, Xbox Series X|S และ PC
อย่าลืมติดตาม Gamer555 เพื่อไม่พลาดข่าวสารเพิ่มเติมที่น่าสนใจ
Discussion about this post