ระหว่างงานเปิดตัว Assassin’s Creed Mirage Press Event ที่ประเทศสิงคโปร์ เราได้มีโอกาสสัมภาษณ์กับ Justin Ng Associate Producer ของเกมไปดูกันว่าในบทสัมภาษณ์จะมีอะไรอยู่บ้าง
คุณ Justin Ng ก่อนหน้าเคยมีผลงานกับ Assassin’s Creed Valhalla และดูแลการจัดการ content production ของ 2020 Ubisoft Forward Demo รวมถึง Siege of Paris DLC
Q: เกม Assassin’s Creed ก่อนหน้าอย่าง Odyssey และ Valhalla จะเน้นไปที่การต่อสู้แบบแอคชั่น ซึ่งมันดูเป็นแนวของเกม AC ไปแล้ว แต่ว่าทำไมทางทีมถึงหันกลับมาเน้นลอบเร้นใน Mirage ที่คล้ายต้นฉบับดั้งเดิม
Justin: ทั้งหมดมันคือการเขียนความรู้สึกที่ดีของเกมภาคดั้งเดิม การนำเสาหลักอย่างการวิ่ง Parkour การลอบเร้น การลอบสังหาร และอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือเสียงตอบรับจากผู้เล่นก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เรานำมาพิจารณา ส่วนตัวผมคิดว่าหากจะทำอะไรที่ดีที่สุดสำหรับแฟรนไชส์ เราต้องทำผลงานให้ตอบสนองผู้เล่นทั้งสองกลุ่ม
ในเกมนี้เราใส่รายละเอียดลงใน Parkour, stealth และ การลอบสังหาร พร้อมทั้งงานภาพที่แสดงให้เห็นว่าโลกใน AC เป็นอย่างไร แต่ในขณะเดียวกันก็เสริมเติมแต่งฝั่ง RPG เข้าไปด้วย มีการอัปเกรดสกิลอาวุธต่างๆ แต่ไม่ได้โฟกัสเป็นหลักจนนำหน้าสามระบบข้างต้น หรือแม้แต่กระทั่งการต่อสู้แบบแอคชั่นก็ยังคงมีอยู่ แต่ปรับสมดุลให้มันไม่ได้ทำแบบง่ายๆ วิ่งไปกลางดงศัตรูแล้วเก็บหมด ก็จะทำให้เน้นการลอบฆ่ามากขึ้นและใช้การต่อสู้ในยามฉุกเฉิน และเราหวังว่าการทำแบบนี้จะเป็นที่พอใจของเกมเมอร์ทั้งสองฝั่ง
Q: ทีมงานทำการค้นคว้าอย่างจริงจังเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่เกิดขึ้นภายในเกม Assassin’s Creed Mirage คุณช่วยพูดกับสิ่งที่ค้นคว้ามาว่าเราจะได้พบอะไรบ้างภายในเกม
Justin: ถ้าคุณหมายถึงการยกตัวอย่างคร่าวๆ ผมคงพูดไม่ได้เพราะมันจะเป็นการสปอยล์เกม แต่ในด้านประวัติศาสตร์เมื่อคุณเล่นเกมไป คุณจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับมันเอง และผมว่าในฐานะแฟรนไชส์ หมายถึงทั้งแฟรนไชส์จริงๆ เราใส่ใจกับความเที่ยงตรงของประวัติศาสตร์ที่เรานำเกมเข้าไปอยู่อย่างมาก เรามีทีมที่ดึงผู้เชี่ยวชาญเข้ามาเพื่อที่จะทำให้สิ่งในอดีตนั้นเกิดขึ้นจริงในเกมปัจจุบัน
Q: Assassin’s Creed Mirage มีกราฟฟิคที่สวยงามมาก แต่ก็พอร์ตลงให้กับ PS4 และ PS4 & Xbox One ด้วย ซึ่งมีสเปคไม่แรงเท่าคอนโซลรุ่นปัจจุบัน คุณช่วยขยายความได้ไหมว่าการเล่นเกมในคอนโซลเจนเก่าจะรู้สึกอย่างไร ต่างกับเจนใหม่มากแค่ไหน
Justin: ผมคิดในมุมของทีมว่าในการทำเกมเกมหนึ่งขึ้นมา เราต้องเข้าถึงผู้เล่นให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ นั่นคือแนวคิดของเรา ทำให้เราพยายามพอร์ตลงในหลายๆ แพลตฟอร์ม ในส่วนของงานภาพผมว่าหลังจากที่ผมลองเล่นด้วยตัวเอง มันไม่ได้แตกต่างอะไรมากมมาย ซึ่งต้องซูฮกทีมของเราที่ optimize ออกมาได้ดีมากในแต่ละแพลตฟอร์ม
Q: Assassin’s Creed Mirage มีโลกที่ไม่ได้กว้าง และตรงไปตรงมามากกว่าเกมภาคอื่น อย่างภารกิจ Black Box ก็เป็นส่วนสำคัญ ทีมงานทำอย่างไรให้แต่ละภารกิจนี้มันไม่ดูซ้ำจำเจ
Justin: ผมคิดว่าในแบกแดดนั้นเมืองจะมีความหนาแน่น เป็นศูนย์รวมที่เข้ามาจากหลายทิศทาง ในด้านการออกแบบด่านเราก็เลยสร้างทั้งทางตรง ทางอ้อม ทางพิเศษในการเข้าถึงเป้าหมายไม่ว่าจะปีนป่าย ลอบเดินเข้าไป หรือแม้กระทั่งติดสินบน การทำแบบนี้ทำให้ต่อให้เป็นพื้นที่ใกล้เคียงเดิม ปัญหาที่เกิดขึ้นก็จะต่างกันทำให้ผู้เล่นได้เผชิญปัญหาและหาทางแก้ไขเป็นรอบๆ ไป ทำให้มันไม่ซ้ำกับแบบเดิม
Q: สำหรับมุมเนื้อเรื่อง ปกติในเกมภาคก่อนจะมีตัวเลือกให้แต่ว่าสำหรับเนื้อเรื่องของ Basim นั้นตายตัว มีเหตุผลเบื้องหลังถึงการตัดสินใจแบบนี้ไหมว่ามันจะมีแค่เส้นเรื่องเดียวเท่านั้น
Justin: เราไม่อยากยืนยันอะไรทั้งนั้น ผมหมายถึงในมุมของเนื้องเรื่องทุกคนรู้ว่า Basim มาโผล่ใน Assassin’s Creed Valhalla ใช่ไหม ดังนั้นเราต้องพยายามเล่าทุกอย่างว่าก่อนที่เขาจะมา Valhalla เขาจะเป็นคนอย่างไร ต้องทำอะไรบ้าง นั่นคือเหตุผลสำหรับเนื้อเรื่องใน Mirage
Q: เมื่อดูจากองค์ประกอบทั้งหมดเกมนี้มันจะสั้นกว่าเกมอื่นใช่ไหม ใช้เวลาประมาณ 20-30 ชั่วโฒงสำหรับการจบเนื้อเรื่องหลัก พวกคุณได้มีแผนสำหรับ DLC ไว้บ้างไหม
Justin: ผมไม่สามารถพูดได้ตอนนี้ สำหรับช่วงเวลานี้เราแค่ตั้งเป้าสำหรับวันวางจำหน่ายและค่อยมาดูผลลัพธ์กัน
Q: คำถามสุดท้าย มีอะไรจะฝากถึงแฟนๆ ไหมครับ
Justin: ผมคงจะพูดว่าเราเป็นสตูดิโอทำเกม AAA ที่ใหญ่ที่สุดในโซนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เราใช้เวลา ลงแรงไปมากมาย และทีมงานที่มีความสามารถมากมายของเราร่วมลงมือในโปรเจคนี้ ผมหวังว่าผู้เล่นที่ได้เล่นเกมจะสนุกกับมัน และถ้าพวกคุณมีเสียงตอบรับอย่างไรและอย่างให้พวกเรารับรู้ พวกคุณสามารถติดต่อเราได้เสมอ เรามีชุมชนมากมายที่คอยรับฟังข้อเสนอแนะต่างๆ และผมจะรอวันที่เกมวางจำหน่าย
พวกเราขอขอบคุณ Ubisoft Singapore ที่ให้โอกาสเราได้สัมภาษณ์ในครั้งนี้รวมถึง คุณ Justin Ng ที่สละเวลามาตอบคำถามพวกเราในวันนี้ด้วยเช่นกัน
Assassin’s Creed Mirage จะวางจำหน่ายในวันที่ 5 ตุลาคมนี้บน PlayStation 5, PlayStation 4, Xbox Series X|S, Xbox One และ PC
*เนื้อหาบางส่วนของบทสัมภาษณ์ได้มีการแก้ไขเพื่อให้เข้ากับภาษาไทยมากขึ้น
อย่าลืมติดตาม Gamer555 เพื่อไม่พลาดข่าวสารเพิ่มเติมที่น่าสนใจ
Discussion about this post