อีกหนึ่งเกมที่ได้เล่นในงานTokyo Game Show 2023 ก็คือ Dragon’s Dogma 2 เกมที่รอคอยกันมานานกับ open-world action RPG ที่หลายคนพูดถึง
สำหรับ Dragon’s Dogma ก็นับเป็นเวลานับทศวรรษตั้งแต่ภาคแรกจนมาถึงภาค 2 ในที่สุด Capcom ก็เปิดโอกาสให้ได้เล่นเป็นตัวเอกในภาคนี้อย่าง Arisens พร้อมตามล่าหัวใจคืนจากมังกรที่ช่วงชิงมันไป
ระบบอาชีพ
ตามสไตล์ของ Dragon’s Dogma เมื่อเริ่มเกมเราต้องเลือก Vocations หรือศัพท์ที่เกมอื่นใช้ก็คือเลือกอาชีพ และเช่นเดียวกับเกมภาคแรกแต่ละ Vocation มีจุดเด่นของมันและจะทำให้เกมเพลย์ตัวเอกของเราเปลี่ยนไป
จากที่ได้ไปเล่นมาในเดโม ผู้เขียนได้เลือกเล่นเป็น Fighter นักรบสายตีใกล้ที่เชี่ยวชาญการรุกและรับในเวลาเดียวกัน ซึ่งตัวเกมในภาคนี้ทำออกมาให้อารมณ์แบบภาคแรกโดยที่อัปเกรดกราฟฟิคให้ดีขึ้นอีกหลายเท่า แต่ด้วยสไตล์ของ Fighter เกมเพลย์อาจจะเชื่องช้าอืดอาดกว่า Vocations อื่น ทำให้เป็นเกมเน้นจังหวะไปแทนเพื่อแลกกับพลังโจมตีมหาศาลที่ได้มา
ในขณะที่อยู่ในการต่อสู้ ตัวเราก็จะมีท่าทางจู่โ๗มให้เลือกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็ฯการโจมตีปกติหรือสกิลเพิ่มเติมอีก 4 สกิล ซึ่งแต่ละ Vocation ก็จะมีไม่เหมือนกัน ก็จะเป็นจุดเด่นจุดด้อยต่างกันไป
จากที่เล่นมาใน Vocation Fighter พอเป็นสายตีใกล้แบบเต็มตัวการสู้กับศัตรูที่บินได้อย่างฮาร์ปี้จะน่ารำคาญเป็นอย่างมาก แต่ถ้าใช้ Vocation อื่นอย่าง Strider หรือ Ranger คงเอาชนะได้แบบสบายๆ กลับกันกับศัตรูที่ยืนพื้นหนักหน่วง Fighter ก็จะมีข้อได้เปรียบสูงจากท่าป้องกันต่างๆ แทน
และด้วยความเป็น Capcom ต้องมีคนเอาไปเปรียบเทียบกับสุดยอดเกมลูกรักอย่าง Monster Hunter ซึ่งมันก็มีความคล้ายคลึงจริงๆ เกมเพลย์ไม่ได้วูบวาบรวดเร็ว แต่หนักหน่วงและถึงใจ โดยเฉพาะกับศัตรูตัวใหญ่ ซึ่งถือว่าทำออกมาไม่น้อยหน้า Monster Hunter แต่อย่างใด
เพื่อนร่วมทาง
ในช่วงเดโมจะมีเนื้อเรื่องเล็กๆ ที่การผจญภัยของเรามีคนมาร่วมทางของเราได้แก่ Pawns ซึ่งไม่รู้ที่มาที่ไปว่าเป็นใครกันแน่ แต่ว่า Pawns ก็ช่วย Arisens ในเรื่องต่างๆ เหมือนปาร์ตี้ในนทีมสำหรับเกม RPG สามารถเลือกให้ช่วยไม่ว่าจะฮีล แทงค์ หรือช่วยยิงจากระยะไกล
และรอบนี้ในภาค 2 ทีมงานไๆด้กลบจุดด้อยของภาคแรกที่ถึงแม้จะเป็น Open world แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรกับพื้นที่ต่างๆ ได้มากนัก แต่ในภาคนี้ได้ซ่อนสิ่งต่างๆ ไว้ในแผนที่ให้เราค้นหากันอย่างเต็มที่สมเป็นเกม Open World จริงๆ
หรือแม้กระทั่งเหล่า NPC ในเกมที่มีนิสัยแตกต่าง กันไปตามแต่ลักษณะของแต่ละตัว บางคนอาจจะเป็นกลุ่มพ่อค้าที่เป็นมิตรกับเรา หรือบางคนก็เป็นนักเดินทางที่ไม่ไว้เนื้อเชื่อใจคนแปลกหน้า ทำให้รู้สึกเกมมีชีวิตชีวาขึ้นมามากโข
ด้วยเวลาจำกัด (แน่นอนคิวยาวขนาดนี้) Dragon’s Dogma 2 ถือว่าเป็นภาคต่อที่คาดหวังได้ ทั้งการปิดจุดอ่อนที่มีในภาคต้นฉบับ ขัดเกลากราฟฟิคให้สมกับเทคโนโลยีในยุคนี้ พร้อมธีมเรื่องที่ยังอัดแน่นอยู่เช่นเดิม เหมาะสมที่จะเป็นการขยายจักรวาลของ Dragon’s Dogma ให้กว้างใหญ่ยิ่งขึ้น
และสิ่งที่เป็นจุดเด่นของภาคแรกอย่างระบบต่อสู้ในภาคนี้ก็ยังทำได้ยอดเยี่ยมดังนั้นถือว่าเกมนี้น่าจะชูโรง Capcom ได้ดีอย่างแน่นอน
Dragon’s Dogma 2 มีแผนที่จะวางจำหน่ายบน PlayStation 5, Xbox Series X|S และ PC ส่วนวันที่วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการต้องรอการประกาศอีกครั้ง
อย่าลืมติดตาม Gamer555 เพื่อไม่พลาดข่าวสารเพิ่มเติมที่น่าสนใจ
Discussion about this post