หลังจากที่ถูกผูกไว้กับเครื่อง Wii U มานานเกือบสิบปี Nintendo ก็ได้นำ Xenoblade Chronicles X มาลงให้กับ Nintendo Switch ทันเวลารับยุคของเครื่องเกมเจเนอเรชันใหม่ แม้แฟน ๆ จะต้องรอนานกว่าที่คาดไว้ แต่ในที่สุดก็สามารถเล่นเกมในซีรีส์ Xenoblade ครบทุกภาคบน Switch ได้แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเวอร์ชันอัปเกรดของสองภาคแรกได้รับการปรับปรุงให้ดูสวยงามยิ่งขึ้น และยังมาพร้อมกับการปรับปรุงอื่น ๆ อีกมากมาย รวมถึงคอนเทนต์ใหม่
ในโอกาสนี้ เราได้ รีวิว Xenoblade Chronicles X: Definitive Edition หลังจากที่ได้ลองเล่นจริงมาหลายสัปดาห์ เกมนี้เปิดตัวครั้งแรกในปี 2015 บน Wii U และถึงแม้ยอดขายจะไม่สูงนักเพราะฐานผู้เล่นของ Wii U มีจำกัด แต่ก็ได้รับเสียงชื่นชมอย่างมาก และในตอนนี้ Monolith Soft ก็ได้นำเกมนี้กลับมาให้เฉิดฉายอีกครั้งบน Nintendo Switch ที่มีผู้เล่นจำนวนมาก
ตั้งแต่การเล่าเรื่องที่แตกต่าง การสร้างโลกที่แปลกใหม่ ระบบการต่อสู้ที่ซับซ้อน ไปจนถึงการสำรวจที่ดื่มด่ำ—เราจะพาคุณไปดูว่าอะไรทำให้เวอร์ชันรีมาสเตอร์นี้คือวิธีที่ดีที่สุดในการสัมผัสหนึ่งในเกมระดับไอคอนของซีรีส์ Xenoblade Chronicles
เนื้อเรื่อง
ต่างจากโครงสร้างเนื้อเรื่องแบบเส้นตรงของเกมอื่นในซีรีส์ Xenoblade ภาค Chronicles X มาในแนวการเล่าเรื่องแบบเปิดกว้างและสดใหม่ เน้นไปที่การเล่าเรื่องผ่านสิ่งแวดล้อม (environmental storytelling) และการสำรวจที่ขับเคลื่อนด้วยตัวผู้เล่น
เรื่องราวเริ่มต้นจากโลกถูกทำลายลงด้วยสงครามระหว่างกาแล็กซี มนุษยชาติจึงต้องหนีออกจากโลกด้วยยานสำรวจขนาดยักษ์ชื่อว่า White Whale ก่อนที่ยานจะตกลงบนดาวต่างดาวที่ไม่รู้จักมาก่อนชื่อว่า Mira เหล่าผู้รอดชีวิตต้องปรับตัวให้เข้ากับดาวดวงใหม่ พร้อมกับค้นหาความลับที่ซ่อนอยู่

ผู้เล่นจะได้รับบทเป็นตัวเอกที่สามารถปรับแต่งได้ตามใจ ซึ่งได้เข้าร่วมองค์กรชื่อว่า BLADE ที่มีหน้าที่ดูแลการอยู่รอดของมนุษยชาติ แต่แทนที่จะเป็นเรื่องราวของ “ตัวเอกฮีโร่” แบบดั้งเดิม เกมกลับเปิดโอกาสให้ผู้เล่นเลือกวิธีการค้นพบความลับของดาว Mira ได้ตามจังหวะของตัวเอง
เกมให้ความสำคัญกับ ภารกิจเสริม (side missions) และ การสร้างโลก (world building) อย่างมาก ทำให้รู้สึกเหมือนคุณคือ “นักสำรวจตัวจริง” ในระบบนิเวศที่ซับซ้อนและลึกลับ

แม้ว่าเนื้อเรื่องหลักจะน่าสนใจ แต่การที่ตัวเอกเป็น “ตัวละครใบ้” (mute protagonist) และความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครที่ยังพัฒนาได้ไม่สุด นับว่าเป็นจุดที่พลาดโอกาสในการสร้างความผูกพันทางอารมณ์กับผู้เล่น อย่างไรก็ตามใน Definitive Edition ก็ได้มีการเพิ่มฉากและบทสนทนาใหม่ ๆ ที่ช่วยเสริมบุคลิกของตัวละคร ทำให้พวกเขามีชีวิตชีวามากขึ้น และเพิ่มน้ำหนักทางอารมณ์ให้กับเรื่องราว
ถึงแม้เกมจะยังขาดความลึกซึ้งทางอารมณ์แบบเกม Xenoblade ภาคอื่น ๆ แต่ Chronicles X ก็ชดเชยด้วยการทำให้การสำรวจโลกเต็มไปด้วยความหมาย ทุกการค้นพบจะค่อย ๆ เปิดเผยความลับของโลกต่างดาวอันกว้างใหญ่ สร้างทั้งความตื่นตา ความสงสัย และความตึงเครียดได้อย่างยอดเยี่ยม จนบางครั้งกลบช่วงเวลาทางอารมณ์ของตัวละครไปเลยด้วยซ้ำ

ระบบการเล่นที่ซับซ้อน และอิสระแบบไร้ขีดจำกัด
Xenoblade Chronicles X มาพร้อมระบบการเล่นที่ดื่มด่ำลึกซึ้ง ตอบแทนผู้เล่นที่วางแผนอย่างมีกลยุทธ์ รู้จักการใช้ประโยชน์จากทีม และสำรวจโลกในเกมอย่างทั่วถึง ระบบการต่อสู้นั้นพัฒนาต่อจากระบบ real-time combat ที่เป็นเอกลักษณ์ของซีรีส์ Xenoblade ผสมผสานการโจมตีอัตโนมัติ (auto-attacks) เข้ากับการใช้สกิล Arts แบบกดใช้เอง พร้อมกับการบริหารทรัพยากรที่ซับซ้อน ส่งเสริมให้ผู้เล่นตัดสินใจอย่างมีชั้นเชิงในระหว่างการต่อสู้

หัวใจของระบบการต่อสู้อยู่ที่ การวางตำแหน่ง (positioning), สถานะบัฟและดีบัฟ, และ การจัดการเวลาคูลดาวน์ของ Arts ผู้เล่นจะควบคุมตัวเอกที่ปรับแต่งได้อย่างอิสระ ขณะที่สมาชิกคนอื่นในทีมจะถูกควบคุมด้วย AI แต่ละตัวละครจะมีคลาสเฉพาะที่กำหนดบทบาทของพวกเขาในสนามรบ—ไม่ว่าจะเป็นสายโจมตี (attacker), ป้องกัน (protector) หรือสนับสนุน (support)—รวมถึงสกิล Arts ที่สามารถใช้ได้ ความสามารถในการเปลี่ยนคลาส และทดลองจัดค่าตัวละครในรูปแบบต่าง ๆ ทำให้ผู้เล่นสามารถปรับแต่งสไตล์การเล่นได้อย่างอิสระและหลากหลาย
หนึ่งในระบบเด่นคือ Soul Voice system ซึ่งเพิ่มชั้นเชิงใหม่ให้กับการต่อสู้ โดยระหว่างต่อสู้ สมาชิกในทีมจะตะโกนสั่งการพิเศษบางอย่างออกมา ทำให้ผู้เล่นสามารถกดใช้ Arts บางประเภทตามคำแนะนำ เพื่อเรียกเอฟเฟกต์พิเศษ เช่น การฮีลหรือเพิ่มบัฟ สิ่งนี้สร้างจังหวะและไดนามิกในระบบการต่อสู้ที่ต้องอาศัยทั้งความใส่ใจและการตอบสนองอย่างรวดเร็วเพื่อให้ได้ผลสูงสุด

เกมเพลย์จะเปลี่ยนโฉมไปอย่างสิ้นเชิงเมื่อผู้เล่นได้รับ Skell หุ่นยนต์ขนาดยักษ์ที่สามารถขับได้ ซึ่งเปลี่ยนทั้งรูปแบบการต่อสู้และการสำรวจอย่างมาก Skell มอบทั้งทางเลือกเชิงกลยุทธ์ใหม่และการเคลื่อนไหวที่หลากหลาย ทำให้การเดินทางบนดาว Mira กลายเป็นประสบการณ์ที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
Xenoblade Chronicles X ให้อิสระในการสำรวจโลกเปิดที่ยิ่งใหญ่ของมันอย่างแท้จริง ตั้งแต่ก้าวแรกบนดาว Mira ผู้เล่นจะสามารถสำรวจภูมิประเทศที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นป่าทึบ ทะเลทรายโล่ง หรือหน้าผาสูงตระหง่าน ความสามารถในการปีนแทบทุกพื้นผิว รวมถึงการบินด้วย Skell (ที่จะได้ใช้งานในช่วงหลังของเกม) สร้างความรู้สึกถึงมิติความสูงและขนาดของโลกได้อย่างน่าทึ่ง

การสำรวจยังมีมิติเพิ่มขึ้นผ่านระบบ Affinity ซึ่งการพูดคุยกับ NPC, ทำภารกิจ, และค้นพบสถานที่ลับ ๆ จะช่วยให้ผู้เล่นรู้สึกเชื่อมโยงกับโลกในเกมมากขึ้น ภารกิจเสริมหลายภารกิจมีเนื้อเรื่องและ lore ที่น่าสนใจ ทำให้พวกมันไม่ใช่แค่คอนเทนต์เติมเต็ม แต่เป็นประสบการณ์ที่มีความหมาย
แม้ระบบการต่อสู้จะมีช่วงเริ่มต้นที่ค่อนข้างยากในการเรียนรู้ แต่ผู้ที่อดทนเรียนรู้จะพบว่ามันคุ้มค่าอย่างมหาศาล Definitive Edition ได้ช่วยลดความยากในการเข้าถึงด้วยอินเทอร์เฟซที่ดีขึ้น, ระบบแนะนำที่ชัดเจนกว่าเดิม, และระบบเศรษฐกิจในเกมที่สมดุลยิ่งขึ้น ทำให้เกม RPG ที่มีความทะเยอทะยานนี้เปิดรับผู้เล่นใหม่ได้ง่ายขึ้น โดยไม่ลดทอนความลึกของระบบเดิมลง
มีอะไรใหม่ใน Definitive Edition?
- นอกจากเนื้อหาใหม่หลากหลายที่เพิ่มเข้ามาแล้ว Definitive Edition ยังมาพร้อมการปรับปรุงครั้งใหญ่หลายจุดที่ช่วยยกระดับประสบการณ์ในการเล่นอย่างเห็นได้ชัด:
- เท็กซ์เจอร์ความละเอียดสูงขึ้น, แสงเงาที่ได้รับการปรับปรุง, และ โมเดลตัวละครที่ละเอียดมากขึ้น ทำให้โลกบนดาว Mira ดูสวยงามกว่าที่เคย
- การเพิ่มประสิทธิภาพของระบบช่วยให้เฟรมเรตมีความเสถียรมากขึ้น เพิ่มความไหลลื่นและความดื่มด่ำตลอดทั้งการเล่น
- UI และเมนู ถูกออกแบบใหม่ให้นำทางได้ง่ายขึ้น ทำให้ระบบต่าง ๆ ที่ซับซ้อนเข้าใจง่ายขึ้นอย่างมาก
- ระบบ Tutorial ที่อัปเดตแล้วสามารถอธิบายระบบเกมที่ซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยเฉพาะสำหรับผู้เล่นใหม่
- เวลาในการโหลดที่สั้นลงช่วยลดช่วงรอยต่อระหว่างการต่อสู้กับการสำรวจ
- ฉากเพิ่มเติม ที่ใส่เข้ามาให้พื้นหลังของตัวละครหลักลึกซึ้งยิ่งขึ้น และเสริมบริบทให้เนื้อเรื่องหลัก
- ภารกิจเสริมใหม่ เพิ่มมิติให้กับบทบาทขององค์กร BLADE และบุคลากรภายใน
- ผู้เล่นสามารถเลือกได้ระหว่าง เพลงประกอบต้นฉบับ หรือ เวอร์ชันรีมาสเตอร์ ที่มีการปรับปรุงด้านเสียง ซึ่งเป็นการตอบสนองต่อเสียงวิจารณ์เกี่ยวกับเพลงประกอบฉากต่อสู้ที่เน้นเสียงร้องมากเกินไปในเวอร์ชันดั้งเดิม
การปรับปรุงเหล่านี้แก้ไขหลายสิ่งที่เคยสร้างความหงุดหงิดในเวอร์ชันดั้งเดิม และยกระดับ Xenoblade Chronicles X ให้กลายเป็นประสบการณ์ที่กลมกล่อมและเป็นผู้ใหญ่มากยิ่งขึ้น UI ที่เรียบง่ายขึ้น, เนื้อหาเสริมด้านเนื้อเรื่อง, และการปรับสมดุล Skell ทำให้ตัวเกมรู้สึก “ทันสมัย” ขึ้นโดยไม่สูญเสียความลึกของระบบเดิม แม้ว่าจะยังไม่สามารถแก้จุดอ่อนในเชิงการเล่าเรื่องได้ทั้งหมด แต่เนื้อหาเสริมเหล่านี้ก็ช่วยเพิ่มน้ำหนักให้กับความสัมพันธ์ระหว่างตัวละคร และทำให้เวอร์ชันนี้กลายเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการสัมผัสกับ RPG ที่ทะเยอทะยานเกมนี้

สรุป รีวิว Xenoblade Chronicles X: Definitive Edition
Xenoblade Chronicles X: Definitive Edition ประสบความสำเร็จในการนำหนึ่งในเกม RPG โลกเปิดที่ทะเยอทะยานที่สุดมาสู่ผู้เล่นในวงกว้างขึ้น แม้ว่ารูปแบบการเล่าเรื่องอาจจะไม่สามารถแตะอารมณ์ลึกเท่ากับภาคอื่น ๆ ในซีรีส์ Xenoblade ได้ แต่ก็ชดเชยด้วยการสำรวจโลกที่ไร้ขอบเขต ระบบเกมที่ลึกซึ้ง และโลกต่างดาวที่มีชีวิตชีวาอย่างแท้จริง
การอัปเกรดต่าง ๆ ในเวอร์ชัน Definitive Edition แก้ไขข้อด้อยหลายประการจากต้นฉบับ ทำให้มันกลายเป็นโอกาสที่สมบูรณ์แบบทั้งสำหรับผู้เล่นหน้าใหม่และแฟนเดิมในการออกผจญภัยบนดาว Mira สำหรับผู้ที่พร้อมจะดำดิ่งสู่ระบบเกมอันซับซ้อนและโครงสร้างแบบเปิดกว้าง Xenoblade Chronicles X: Definitive Edition คือหนึ่งในประสบการณ์ RPG ที่ทั้งแตกต่างและน่าจดจำที่สุดบน Nintendo Switch

คะแนน 8.5/10
ข้อดี
- โลกเปิดที่สวยงามและกว้างใหญ่ สำรวจได้อย่างสนุกและเต็มไปด้วยความน่าค้นหา
- ระบบการต่อสู้ที่ซับซ้อน ปรับแต่งได้สูง และให้รางวัลกับผู้ที่เข้าใจกลไกต่าง ๆ อย่างลึกซึ้ง
- อัปเกรดด้านกราฟิก UI และประสิทธิภาพอย่างชัดเจน ทำให้ประสบการณ์ลื่นไหลขึ้นมาก
- มีการเพิ่มเนื้อเรื่องเสริมและภารกิจรองที่ช่วยขยายมิติของโลกและตัวละคร
- ปรับปรุงหลายจุดด้าน Quality of Life ให้ผู้เล่นเข้าถึงเกมได้ง่ายขึ้นและสะดวกมากกว่าเดิม
ข้อเสีย
- ผู้เล่นจำเป็นต้องเข้าใจระบบการต่อสู้และสายอาชีพของตัวละครให้ดี มิฉะนั้นอาจสับสน
- โครงสร้างภารกิจหลักยังมีจุดบกพร่อง และภารกิจย่อยบางส่วนค่อนข้างน่าเบื่อ
- ตัวเอกที่ไม่มีเสียงพูด (Mute Protagonist) ทำให้เรื่องราวโดยรวมขาดอารมณ์ร่วมเทียบกับภาคอื่นในซีรีส์
อย่าลืมติดตาม Gamer555 เพื่อไม่พลาดข่าวสารเพิ่มเติมที่น่าสนใจ
Discussion about this post