ก่อนจะถึงงาน Tokyo Game Show 2024 ทางเราได้โอกาสทดลองเกม Romancing SaGa 2: Revenge of the Seven ของทาง Square Enix มาดูกันว่าตัวเกมจะเป็นอย่างไรใน คุยหลังเล่น Romancing SaGa 2: Revenge of the Seven
สำหรับเกม Romancing SaGa 2: Revenge of the Seven ที่ได้เล่นนั้นจะแบ่งออกเป็นสองช่วงด้วยกัน ช่วงแรกจะอยู่ในเนื้อเรื่อง Goblin Invasion ที่ใช้เวลาเล่นประมาณ 1-2 ชั่วโมง โดยเราจะได้เล่นเป็น Gerard ที่ต้องรับมือการบุกของก็อบลินตั้งแต่ต้น ส่วนที่สองคือ Sunken Ship ที่ใช้เวลาเล่นประมาณ 20-30 นาที โดยในส่วนหลังนี้จะเน้นเกมเพลย์ด้านต่อสู้มากกว่าเนื้อเรื่องที่พบได้ในส่วนแรก
เกม Turn-Based ที่มีเอกลักษณ์
แน่นอนว่าเราคงสปอยล์เนื้อเรื่องไม่ได้ ดังนั้นในบทความนี้เราจะเน้นไปที่ส่วนของเกมเพลย์เป็นหลัก โดยผู้เล่นจะต้องสร้างปาร์ตี้ที่มีสมาชิกทั้งหมด 5 คนรวมตัวละครหลักด้วย หลังจากนั้นจึงวางทั้ง 5 ตัวละครในตำแหน่งต่างๆ จัดเป็นขบวนรบ ซึ่งอาจจะคล้ายคลึงกับเกม turn base ทั่วไป โดยเฉพาะเกม turn base ในยุคโบราณที่มีการจัดวางตำแหน่งตัวละคร แต่ว่าทางทีมงานก็ได้ใส่ระบบเพิ่มเติมอย่าง Act List ที่เป็นการแทรกแซงสั่งการปาร์ตี้ได้ เพื่อหลบการโจมตีพิเศษของเหล่าบอส ซึ่งการสั่งการนี้เพิ่มความลุ่มลึกในด้านเกมเพลย์การต่อสู้ ให้ผู้เล่นได้ตอบโต้และทำให้เกมมีความเป็น real-time strategy มากขึ้น
อีกส่วนเล็กๆ ที่อยากพูดถึงคือความแปลกในการลำดับการต่อสู้ ปกติแล้วเราจะเลือกท่าโจมตีเสร็จแล้วค่อยเลือกศัตรูที่จะตี แต่เกมนี้กลับกันเลือกศัตรูก่อนค่อยเลือกท่า ทำให้สาวกเกม turn base อาจจะงงๆ อยู่เล็กน้อย และใช้เวลาสักพักเพื่อให้ชินกับมัน(ผู้เขียนก็คนนึงล่ะ)
ระบบที่แปลกใหม่
สำหรับเอกลักษณ์อย่างต่อมาในเกมนี้ก็คือตัวละครจะไม่ได้เรียนสกิลใหม่ๆ ผ่านการเพิ่มเลเวลแบบเกม RPG ทั่วไป แต่จะเรียนผ่านวิธีที่เรียกว่า Glimmering Techniques ซึ่งวิธีนี้จะทำให้ตัวละครในการต่อสู้นั้นเมื่อสู้ไปจะมีโอกาสได้ปลดล็อคสกิลใหม่ๆ ขึ้นกับอาวุธที่ใช้งาน โดยถ้าหากมีสัญลักษณ์หลอดไฟขึ้นก็แสดงว่ามีโอกาสเรียนสกิลใหม่ได้สูงขึ้นตามความสว่างของหลอดไฟ
This means that characters must participate in battles to unlock more skills. I also played the same game mode, Goblin Invasion, twice and found that skill unlocks were random each time, meaning players could end up with very powerful skills early on.
ในส่วนของเนื้อเรื่อง Sunken Ship จะอยู่ประมาณช่วงกลางเกม ทำให้เราได้ทดลองเล่นตัวละครที่มีความแข็งแกร่งมากขึ้น ทำให้ได้เรียนรู้ระบบต่างๆ อย่างเช่นการแพ้ทาง ศัตรูแต่ละตัวจะมีการแพ้ทางต่างกันออกไป หากเราเจอศัตรูตัวนั้นเป็นครั้งแรกก็ต้องลองวนสกิลดูว่ามันมีจุดอ่อนอะไร ทำให้เราได้เปรียบขึ้นอย่างมากในการต่อสู้ ซึ่งจุดอ่อนการแพ้ทางในเกมนี้มีได้ทั้งธาตุหรืออาวุธก็ได้
ท้ายที่สุดคือระบบที่เรียกว่า Overdrive system ที่หากเทียบกับเกมอื่นก็คือท่าไม้ตายประสาน ที่เราสามารถรวมสกิลของตัวละคร 2 หรือ 3 ตัวเข้าไว้ด้วยกันต่อคอมโบเพื่อได้ความเสียหายที่มากขึ้นแลกกับการดึง Act List ของตัวละครนั้นออกไปทั้งหมด
สรุป คุยหลังเล่น Romancing SaGa 2: Revenge of the Seven
โดยรวมแล้ว Romancing SaGa 2: Revenge of the Seven ถือเป็นเกมที่มีความพิเศษภายในตัวมันเอง ผู้เล่นสายวางแผนสามารถกำหนดทิศทางของเกมได้อย่างชัดเจน ไม่ใช่แค่ในการต่อสู้ แต่เป็นเกมเพลย์โดยรวม เราสามารถฟาร์มวนเรื่อยๆ เพื่อให้มีสกิลมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ก็ทำได้ อีกทั้งยังมีส่วนการประยุกต์ใช้ Act List ทำให้เกมมีความหลากหลายเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้การออกแบบตัวละคร งานภาพกราฟฟิค และเพลงประกอบยังทำออกมาได้อย่างดี เรียกว่าสามารถเป็ฯอีกหนึ่งจุดขายที่สำคัญของเกมนี้ได้เลย
หากใครสนใจ Romancing SaGa 2: Revenge of the Seven เปิดให้เล่นเดโมฟรีแล้ววันนี้ ส่วนเกมเต็มนั้นจะวางจำหน่ายในวันที่ 24 ตุลาคมนี้ บน PlayStation 4, PlayStation 5, Nintendo Switch และ PC ใครที่สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ทางการ
อย่าลืมติดตาม Gamer555 เพื่อไม่พลาดข่าวสารเพิ่มเติมที่น่าสนใจ
Discussion about this post