ไม่นานมานี้ ทางทีมของเราได้รับคำเชิญจากทาง Konami ไปที่โตเกียว โดยทีมของเราได้สัมผัสพรีวิวเดโมของเกมที่หลายคนรอคอยอย่าง Silent Hill 2 Remake ที่มีความยาวประมาณ 3-4 ชั่วโมง วันนี้ทางเรามาเล่าให้ฟังว่าตัวเกมนั้นคุ้มค่าแก่การรอคอยหรือไม่ สามารถติดตามได้ในบทความ รีวิว เดโม Silent Hill 2 Remake นี้
การนำปริศนาเป็นตัวชูโรง
Silent Hill 2 Remake ยังคงรากฐานมาจากเกมต้นฉบับ ด้วยการเป็นเกมสยองขวัญที่มีเกมเพลย์หลักคือการแก้ไขปริศนา ซึ่งความเจ๋งอย่างหนึ่งของตัวเกมคือ การปรับระดับความยากปริศนาไปตามระดับความยากที่เราเลือกเมื่อเริ่มเกม (ซึ่งทำให้เราสามารถวนเล่นหลายรอบได้เพราะว่าปริศนาจะแตกต่างกันไปตลอด) ในระดับความยากมากที่สทีมงานมีการสปอยล์มาว่ากระดาษทุกแผ่น ทุกมุมมืดต้องสำรวจให้ครบเลยทีเดียว
และสำหรับผู้เล่นวัยเก๋าที่ผ่านความยากมาตั้งแต่กำเนิดในวัยเด็ก ตัวเกมก็ตอบสนองด้วยการที่ไอเทมที่ต้องเก็บไม่ได้มีการเรืองแสงหรือกระพริบออกมาให้เห็น ดังนั้นสกิลของผุ้เล่นล้วนๆ ที่จะใช้ไขปริศนาที่อยู่ตรงหน้าได้ ทำให้ตัวเกมมีความสมจริงมากขึ้นไปอีก
บาปริศนาก็จะมีเนื้อเรื่องเล็กๆ ของมันเองเป็นกิมมิคใน Silent Hill อย่างที่รู้ๆ กันว่าตัวเอกของเรา Jame นั้นอยู่ในภาวะสับสนระหว่างความจริงกับจินตนาการของเขา ทำให้เกมนำส่วนนี้มาขยายปมและเล่าเรื่องเพิ่มเติมผ่านปริศนาต่างๆ นั่นเอง
ในด้านความหลากหลายของปริศนานั้น เท่าที่เราสัมผัสมาต้องบอกว่ามีเยอะจนน่าประทับใจ ทั้งการแก้รหัสโค้ดเพื่อหาข้อความ การเก้บรายละเอียดในพื้นที่ที่เดินผ่าน การปรับแก้กลไกทางวิศวกรรม และอื่นๆ อีกมากมาย ทั้งหมดนั้นมีความท้าทายเป็นเอกลักษณ์อีกทั้งยังเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมที่เกิดขึ้นภายในเกมและจุดเล็กๆ เหล่านี้ทำให้เราไม่สามารถละสายตาไปจากเกมได้เลย
การสำรวจที่มิอาจละสายตา
ในด้านความสยองขวัญนอกจากบรรยากาศภายในเกมแล้ว การสุ่มเกิดเหล่ามอนสเตอร์ของภาค remake นี้ก็ทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมเพราะการสุ่มที่ว่ามันสุ่มจริงๆ จนบางครั้งเราคิดว่าพื้นที่ตรงหน้านั้นปลอดภัย แต่แค่เลี้ยวหัวมุมไปเท่านั้นจากกำลังชิลๆ อยู่ก็เจอเซอไพรส์เช้าแบบเต็มๆ ดังนั้นนอกจากเหล่าปริศนาที่ทำให้เราจดจ่ออยู่กับเกมแล้ว พวกมอนสเตอร์ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยเช่นกัน
สำหรับตัวเมืองนั้นในภาคนี้มันดูมีชีวิตชีวาขึ้น (ไม่ใช่มีคนพลุกพล่านนะ แต่มีชีวิตชีวาในแบบนิยามเกมสยองขวัญ) อย่างถนนที่ดูเป็นทางไปต่อมันกลายเป็นทางตัน พื้นที่ที่เดินผ่านก่อนหน้าก็กลายเป็นคีย์สำคัญในการผ่านด่าน เรียกว่าต่อให้เล่นภาคต้นฉบับมาก่อนหน้า ผู้เล่นก็ยังรู้สึกว่าสัมผัสประสบการณ์ใหม่อยู่เสมอดึงความเป็น Silent Hill ออกมาได้อย่างเต็มที่ในทุกองค์ประกอบที่ทีมพัฒนาได้ใส่เข้ามาเพิ่มเติม
การเล่าเรื่องและระบบการต่อสู้
สำหรับเกมเพลย์ที่เราได้สัมผัสมานั้นยังไม่มีส่วนของการสู้กับบอส แต่อย่างน้อยเราก็ได้สัมผัสระบบการต่อสู้ ซึ่งมีการปรับสมดุลได้ออกมาดีทีเดียว เพราะว่ามันยังอยู่ในคอนเซปต์ของเกมสยองขวัญที่เราควรหนีมากกว่าสู้ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ตัวละครของเรานั้นอ่อนแอเกินควร ซึ่งหากเป็นศัตรูที่มาเดี่ยวๆ นั้นคงไม่มีปัญหาแต่อย่างใด แต่ถ้ามาเป็นฝูงล่ะก็การโกยก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ควรทำเลยล่ะ
พูดถึงระบบการต่อสู้แบบละเอียด ทีมงานได้ปรับแต่งให้เปลี่ยนแปลงจากภาคต้นฉบับอย่างชัดเจน อาวุธระยะใกล้มีประโยชน์ขึ้นอย่างมาก ด้านอาวุธปืนก็มีความแม่นยำเพิ่มขึ้นกว่าแต่ก่อน พร้อมกับการมาของระบบสภาพจิตใจตัว Jame ที่ส่งผลต่อเกมเพลย์การต่อสู้ ทำให้องค์ประกอบโดยรวมนั้นกลมกลืนไม่โดดเด่นจนบดบังกันและกัน
ในส่วนของเนื้อเรื่องที่เป็นจุดเด่นของเกมนั้น ทีมงานได้นำเทคโนโลยีในปัจจุบันมาใช้อย่างเต็มที่ให้สมเป็นเกม remake การแสดงออกสีหน้าตัวละครใส่มาอย่างเต็มที่ สภาพแวดล้อมบรรยากาศในเกมส่งผลอย่างชัดเจนให้เรารู้สึกอินมากขึ้นอย่างมาก จนในหลายๆ ฉาก ไม่ต้องมีบทพูดของตัวละครเรากรับรู้ได้ว่าอารมณ์ความรู้สึกและสิ่งที่ตัวละครคิดอยู่นั้นเป็นอย่างไร
ภาพและเสียงเร่งเร้าความกลัว
ในด้านงานภาพ ภาค remake นี้ทำให้ Silent Hill นั้นมีชีวิตขึ้นมาจริงๆ บ้านเมืองไม่ใช่แค่ถุกทิ้งร้าง แต่มันบ่งบอกว่าผ่านอะไรที่เลวร้ายมาก่อนหน้า การสับเปลี่ยนเมืองระหว่างสถานะปกติกับส่วนนรกนั้นทำออกมาได้ลื่นไหลและยอดเยี่ยม รายละเอียดในส่วนต่างๆ อย่างที่เกริ่นไปนั้นทำมาละเอียดทุกดีเทล ผนังที่ถูกขูดขีด เหล็กขึ้นสนิม พื้นแตกหัก หมอกควัน สายฝนทุกอย่างส่งเสริมองค์ประกอบภายในเกมโดยเฉพาะความสยองขวัญออกมาได้สมจริง
นอกจากภาพแล้ว จะไม่พูดเรื่องเสียงไม่ได้ เสียงประกอบจากคุณ Akira Yamaoka ยังคงทำผลงานได้อย่างโดดเด่น ด้วยความปราถนาดีโปรดเล่นด้วยหูฟังคุณภาพดีเพราะมันทำให้ความสยองขวัญนั้นออกมาเต็มที่มากขึ้น
สรุป รีวิว เดโม Silent Hill 2 Remake
การทำเกม remake นั้นผู้พัฒนาต้องหาจุดสมดุลระหว่างความเคารพในเกมต้นฉบับ กับการใส่สิ่งใหม่ๆ ให้เหมาะสมกับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป สำหรับ Silent Hill 2 นั้นเกมได้นำเสนอองค์ประกอบของ psychological horror การผสมผสานกับปริศนาที่ผสมความจริงกับโลกที่บิดเบี้ยว ซึ่งทั้งหมดนั้นยังแสดงให้เห็นในเกมภาค remake นี้ ในขณะเดียวกันส่วนที่เปลี่ยนแปลงทั้ง กราฟฟิค เสียงประกอบ เกมเพลย์ที่เพิ่มเข้ามาใหม่ ก็ทำให้เกมนั้นเหมาะสมที่จะอยู่ในยุคสมัยปัจจุบัน
ถึงแม้ว่าตัวเกมที่ทีมของเราได้เล่น 3-4 ชั่วโมงนั้นอาจจะเป็นแค่ส่วนผิวของเกม แต่เท่าที่สัมผัสมาก็สามารถบอกได้เลยว่าตัวเกมนั้นตอบสนองเหล่าแฟนคลับที่เฝ้ารอ รวมถึงยังสามารถดึงดูดผู้เล่นใหม่ที่สนใจ เพียงแต่ต้องจำไว้อย่างหนึ่งว่าตัวเกมนั้นนำปริศนาเป็นส่วนหลักไม่ใช่แอคชั่นไล่ยิงผี หากตั้งความหวังได้ถูกต้องว่าเมื่อเข้ามาในเกมแล้วจะพบกับสิ่งใด ตัวเกมภาค remake นี้ก็ทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมเลยทีเดียว
Silent Hill 2 Remake เตรียมวางจำหน่ายในวันที่ 8 ตุลาคมนี้บน PlayStation 5 และ PC สำหรับผู้เล่นในโซนเอเชียจะมีแพคเกจโบนัสให้พิเศษเมื่อซื้อเกมผ่านร้าน retail นั่นคือ “Silent Hill 2 The Great Knife style Ball Pen” ปากกาในรูปลักษณ์มีดที่เป็นอาวุธของ Pyramid Head ในตัวเกมนั่นเอง
อย่าลืมติดตาม Gamer555 เพื่อไม่พลาดข่าวสารเพิ่มเติมที่น่าสนใจ
Discussion about this post