หลังจากโดนถล่มกันมาอย่างยับเยินกับโหมด Campaign ในเกม Call of Duty: Modern Warfare 3 เนื่องจากทำผลงานได้ต่างจากที่แฟนๆ หวังไว้ วันนี้เรามาพิสูจน์กันอีกทีว่าจะแย่จริงไหมใน รีวิว Call of Duty: Modern Warfare 3 Campaign
เนื้อเรื่องเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือสั้นและแย่ลง
*เนื้อหามีการสปอยล์ Call of Duty: Modern Warfare 3 Campaign
เกมมันสั้นมากๆ เรียกว่าเหมือน DLC ก็ได้ ขนาดเล่นช้าๆ เนิบๆ ยังสามารถเคลียร์ภายใน 6 ชั่วโมง (คนในบริษัทคนอื่นทั่วไปเล่นจบ 4 ชั่วโมงด้วยซ้ำ) ตัวเนื้อเรื่องเชื่อมต่อจากภาค Call of Duty: Modern Warfare II ที่ยังคงเดิมกับตัวร้าย Vladimir Makarov ที่หลังจากภารกิจช่วยเหลือเจ้าตัวก็วางแผนที่จะสร้างสงครามโลกครั้งที่ 3
สำหรับในภารกิจที่สองเราได้ไปที่ Urzikstan ก่อนไปเล่นตัวละคร Farah Karim ซึ่งเคยปรากฎใน Call of Duty: Modern Warfare 2019 (ภาคแรก) และ Call of Duty: Modern Warfare II ซึ่งตัวละครของเราจะถูกโจมตีโดยกองทัพของ Makarov ซึ่งแม้ในเนื้อเรื่องภารกิจนั้นต้องลอบเร้นล้วนๆ แต่ในความจริงก็คืออยากจะบู๊ก็ทำได้เฉยเลย ผลสุดท้ายตัว Farah ก็จะติด GPS ตามมิสไซล์เพื่อหาที่กบดานของ Makarov ได้สำเร็จ พร้อมทั้งในเวลาเดียวกัน Team 141 ก็เจอฐานที่สร้างอาวุธเคมีของ Makarov เช่นเดียวกัน
Captain Price ได้เข้าไปทำภารกิจทำลายอาวุธเคมีและเกือบเสียชีวิต ทำให้เรารู้ถึงความสัมพันธ์ของทีม 141 และความอันตรายของภารกิจ (แต่เช่นเดิมเกมเพลย์ระเบิดทุกสิ่ง ไม่มีอะไรใกล้เคียงกับเนื้อเรื่อง) หลังจากนั้น Farah และ Price จึงร่วมมือกันไปที่ฐานยิงมิสไซล์ และถึงแม้จะหยุดได้หนึ่งลูก แต่ก็มารู้ว่าสายไปเสียแล้ว
ในเวลาเดียวกัน (ในเกมนับเป็นภารกิจต่อไป) Laswell ได้เข้าไปที่ฐาน Arklov และแน่นอนก็โดนยิงด้วยมิสไซล์ โชคดีที่รอดมาได้ แต่แน่นอนภารกิจเลื่องชื่อต่อไปก็คือ No Russian
ฉากในตำนานที่ติดตาคนเล่นมาตลอด ซึ่งใครที่เคยเล่นภาคเก่ามาก็รอรับแรงกระแทกของฉากนี้ได้เลย แต่อนิจจาไม่รู้ว่ามันแรงเกินไปหรืออะไร กลายเป็นทีมงานเปลี่ยนการเล่าเรื่องไปโฟกัสที่จุดทหารของ Farah แสร้งทำเป็นทหาร Urzikstan แล้วทำภารกิจระเบิดฆ่าตัวตายเครื่องบินโดยสารที่เต็มไปด้วยคนรัสเซีย แถมทั้งหมดก็มีแต่คัทซีน ความคาดหวังที่ตั้งไว้แหลกสลายเป็นจุล
สรุปเนื้อเรื่องก็คือภาคนี้ทั้งหมดเล่าเรื่องว่า Makarov หนียังไง ทีม 141 ตามจับยังไง วนไปเรื่อยๆ พร้อมกับการตามเก็บพรรคพวกเพื่อหยุดแผน Makarov
ในนี้เราได้เห็นการเสียชีวิตของตัวละครอย่าง General Shepherd หรือ Soap แต่กลายเป็นว่ามันไม่ติดตราตรึงใจอะไรทั้งสิ้น เพราะการเล่าเรื่องหลังจาก No Russian มันเร็วและน่าเบื่อเป็นอย่างมาก ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องรีบขนาดนั้น อีกทั้งการจบแบบรอภาคต่อ(ไม่รู้ว่า Makarov ตายหรือเปล่า) เหมือนการราดน้ำมันลงกองเพลิง ทำให้เล่นแล้วอยากจะโยนของแบบนี่ตูเล่นอะไรอยู่ฟะ ที่ทำมามันได้อะไรขึ้นมา
เกมเพลย์น่าเบื่อซ้ำจำเจ
สำหรับในด้านเกมเพลย์ มีภารกิจในเกมอยู่สองประเภท อย่างแรกจะเหมือนเกมภาคต้นฉบับ ทำตามคำแนะนำและทำภารกิจให้สำเร็จ ซึ่งแม้มันจะเข้าใจง่ายแต่เป็นผลดี เพราะทำให้เรารู้ได้ชัดเจนว่าตัวละครแต่ละตัวเป็นอย่างไร กำลังเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้าง
เกมเพลย์อีกแบบก็คือ open combat mission ซึ่งจะเหมือน Call of Duty: Warzone ก่อนเริ่มภารกิจเราสามารถปรับแต่งอาวุธที่จะขนไปในทีมก่อนจะไปยืนอยู่ในที่โล่งแล้วสาดกระสุนจนกว่าจะรอดชีวิตมาได้ ซึ่งเกมก็มี supply box ให้เติมอยู่เต็มไปหมด เรียกว่าเดินหน้าไล่ยิงแบบไม่ต้องคิด แถมยังมีรถไว้เหยียบศัตรูอีกด้วย
ฟังในกระดาษเหมือนจะดูดีแต่พอไปเล่นจริงแล้วเจอภารกิจแนวนี้ซ้ำๆ ก็จะพบว่ามันไม่มีอะไรใหม่เลย ทุกอย่างเหมือนเดิม อาวุธที่ดรอปมาก็เหมือนเดิม ศัตรูก็แบบเดิม แถมแผนที่ก็ลาก Call of Duty: Warzone มาทั้งดุ้นไม่เปลี่ยนอะไรเลย
แต่สิ่งที่ดีคือ UI และการควบคุม ซึ่งยังทำได้ดีเหมือน Call of Duty ภาคอื่น ลื่นไหลและเข้าใจง่าย แต่มันก็เหมือนสูตรสำเร็จที่ไม่สามารถปรับปรุงให้ดีขึ้นมากไปกว่าเดิม แต่ว่าถ้าทีมงานลองเสียงเพิ่มอะไรใหม่อาจจะเป็นสิ่งที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย
กราฟฟิคที่ยังดีอยู่
มาถึงข้อดีที่ยังหลงเหลืออยู่ในเกมนั่นคือกราฟฟิคที่ดูดีในแต่ละภารกิจ ทีมงานได้ปรับแต่งกราฟฟิคให้สมจริงและแสดงอารมณ์ของภารกิจนั้นผ่านงานภาพออกมาได้ชัดเจน แต่กราฟฟิคก็คือสิ่งเดียวที่เกมนี้สามารถภูมิใจได้จริงๆ
ในแต่ละพื้นที่ ทีมงานในใส่มาแบบจัดเต็ม ทั้งเอฟเฟคต์ฝน การอยู่ใต้น้ำ แสงสะท้อน เงา ฟองอากาศ ละเอียดยิบจนบางครั้งในระหว่างเล่นก็อยากจะหยุดเล่นแล้วเดินชิลๆ ในแผนที่แทนเสียอย่างงั้น (ก็ภารกิจมันไม่น่าทำน่ะ)
สำหรับคัทซีนก็ทำออกมาได้ดีเช่นกัน การออกแบบสีหน้าตัวละครผ่านคัทซีน การเคลื่อนไหวต่างๆ แต่ด้วยความที่เกมสั้นขนาดนี้ดังนั้นจำนวนคัทซีนแทบไม่ต้องพูดถึงกันเลย
สรุป รีวิว Call of Duty: Modern Warfare 3 Campaign
เมื่อพูดถึงการรีเมค Call of Duty Modern Warfare แน่นอนว่าทุกคนตั้งความคาดหวังไว้สูงเป็นธรรมดา แต่สำหรับ Call of Duty: Modern Warfare 3 Campaign ไม่เพียงแต่ตอบสนองความคาดหวังขั้นต่ำไม่ได้แล้ว ในส่วนอื่นยังทำให้แย่ลงไปกว่าเดิม ภารกิจ open combat ที่เล่นซ้ำแล้วน่าเบื่อ แผนที่ก็ดึงมาทั้งดุ้น ยิ่งเนื้อเรื่องที่สั้นแสนสั้นแถมเปลี่ยนจุดที่ดีออกไปอีกทำให้เกมลงเหวอย่างชัดเจน
ส่วนที่ดีที่สุดของเกมคือกราฟฟิคและงานภาพที่ดีสู้เกม AAA อื่นๆ ได้ แต่ว่าแค่งานภาพไม่สามารถแบกเกมได้ จนพอที่จะอนุมานได้ว่าใน Call of Duty: Modern Warfare 3 โหมด campaign คือส่วนเสริมส่วนเกมจริงนั้นอยู่ใน multiplayer ต่างหาก
ข้อดี
- คัทซีน และกราฟฟิคสวย ทำมาละเอียด
ข้อเสีย
- เกมสั้นมากๆ
- การเปลี่ยนเนื้อเรื่องในจุดที่ไม่ควรเปลี่ยน
- โหมด Open Combat น่าเบื่อซ้ำซาก แถมก็อปแผนที่เก่ามาทั้งหมด
คะแนน 5/10
*คะแนนนี้สำหรับโหมด Campaign เท่านั้นไม่รวม Multiplayer
อย่าลืมติดตาม Gamer555 เพื่อไม่พลาดข่าวสารเพิ่มเติมที่น่าสนใจ
Discussion about this post