หลังจาก SHIFT UP ประสบความสำเร็จกับเกมมือถืออย่าง Goddess of Victory: NIKKE ไปก่อนหน้า คราวนี้กับเกม AAA ครั้งแรกของค่ายที่จะวางจำหน่ายในสัปดาห์นี้อย่าง Stellar Blade มาดูกันใน รีวิว Stellar Blade ว่าจะพัฒนาจากเวอร์ชั่นเดโม่ก่อนหน้าไปมากขนาดไหน
สำหรับรีวิวนี้ต้องขอบคุณทาง Sony Interactive Entertainment Asia ซึ่งต้องบอกไว้ก่อนเลยว่าตามปกติหลังจากเล่นเวอร์ชั่นเดโม่ของเกมต่างๆ มา ตัวเกมเต็มมักจะไม่ได้ปรับปรุงพัฒนาอะไรมาก แต่สำหรับ Stellar Blade นั้นต้องขอพูดว่าทีมงานปั่นกันจนหยดสุดท้ายจริงๆ เพื่อให้เกมออกมาดูดีที่สุด
เนื้อเรื่อง
สำหรับเนื้อเรื่องคร่าวๆ ทุกคนน่าจะรู้กันแล้วกับอนาคตที่โลกถูกทำลายจากการรุกรานของเอเลี่ยนจนต้องใช้เหล่าหุ่นยนต์มากวาดล้างเพื่อทำให้โลกสามารถกลับมาอาศัยได้อีกครั้ง ซึ่งเราก็เล่นเป็น EVE หนึ่งในแอนดรอยด์ที่เข้ามาทำภารกิจนี้ก่อนทีมจะแตกพ่าย แต่ตัว EVE ก็รอดมาได้ด้วยการช่วยเหลือของ Adam
สำหรับหน้าที่ของ Adam ในเกมนี้ก็ชัดเจนในด้านการสนับสนุนอยู่แนวหลัง ซึ่งเป้าหมายของทั้งคู่ก็คือการสร้างเมือง Xiom ขึ้นมาอีกครั้ง และกำจัด Alpha Naytiba ที่อาจเชื่อมโยงกับ Elder ซึ่งเป็นหัวหน้าเผ่าพันธุ์ที่หากคำจัดได้ก็จะทำให้โลกกลับมาปลอดภัยไร้การรุกรานอีกครั้ง
ซึ่งอย่างที่เรารู้ๆ กัน Stellar Blade ได้อิทธิพลจาก NieR: Automata มาอย่างสูงในด้านเนื้อเรื่องไม่ว่าจะหุ่นแอนดรอยด์หญิง ฝ่ายสนับสนุนผ่านโดรนบินได้ โลกล่มสลายจากการรุกรานของเอเลี่ยน นั่นทำให้เนื้อเรื่องถือเป็นอีกหนึ่งจุดหล่มของตัวเกมพอตัว ด้วยความที่เนื้อเรื่องนั้นเล่าแบบแนวตรงดิ่งเดาจุดจบของเกมได้ตั้งแต่เริ่มเกม แต่อย่างน้อยยังมีข้อดีที่เหล่าตัวละครเสริมนั้นยังมีบทบาทให้ฉายจุดเด่นของตนเองออกมาได้ไม่จมหายไปกับเนื้อเรื่องโดยรวม
ลักษณะเกมแบบ Semi-Open World
ถึงแม้ตัวเกมจะไม่ได้ระบุไว้ แต่ด้วยความกว้างในพื้นที่ของเกมต้องเรียกว่านี่คือเกม Semi-Open World ด้วยความที่มีเกมเพลย์ด้านการสำรวจที่มีทางเลือกในด้านพื้นที่ จะเล่นตามเส้นของเกมที่วางไว้ หรือหาทางลัดเพื่อความรวดเร็วก็ทำได้เช่นกัน และยังมีพื้นที่กว้างขึ้นเมื่อเราได้ไปถึง Xion และ Wasteland ซึ่งมีขนาดใหญ่อยู่แล้วเป็นทุนเดิม
สำหรับพื้นที่สองส่วนดังกล่าวตัวเกมก็ไม่ได้ใจร้ายเพราะมีระบบนำทางให้ชัดเจน แต่ว่าต้องเปิดแยก(เหมือนเกมตระกูล RE) ซึ่งบางคนอาจจะลำคาญเพราะหลงลืมว่าต้องเดินไปทางไหนแล้วต้องวนมาเปิดซ้ำเรื่อยๆ แต่ก็เข้าใจในมุมมองทีมงานเพราะการไม่มี HUD แผนที่จะทำให้ตัวหน้าจอนั้นดูเป็นระเบียบมากกว่าแล้วไปเน้นในด้านความเป็นแอคชั่นของตัวเกม ส่วนวิธีแก้ของการหลงแผนที่ก็คือการออกแบบด่านให้เห็นแล้วเข้าใจได้ง่ายตั้งแต่ต้นแทน
ในด้านการสำรวจก็จะไม่ใช่การเข้าไปในพื้นที่ยากๆ ซ้อนกัน 3-4 ชั้นอะไรทำนองนี้ แต่เป็นการวางไอเทมไว้ในจุดต่างๆ (ซึ่งก็ไม่ได้หายากนัก) ทำให้เราอย่างจะแวะซ้าย แวะขวาเพื่อหาไอเทมอยู่ตลอดเวลา ยิ่งในพื้นที่ Xion ที่ไม่มีศัตรูอยู่แล้ว เลยไม่ต้องกังวลว่าหาของอยู่จะโดนทุบทีเผลอหรือไม่ นอกจากการสำรวจแล้ว Xion ยังเป็นส่วนหลักในการดำเนินเนื้อเรื่อง ทำภารกิจ ใช้งานพื้นที่สนับสนุน ยิ่งเมื่อเล่นผ่านภารกิจไปเรื่อยๆ ก็จะได้รับการสนับสนุนจากหลายภาคส่วนของ Xion เพิ่มตามไปด้วย(พวกชุดต่างๆ ก็ปลดล็อคด้วยค่าความสัมพันธ์กับพ่อค้าในเมือง)
นอกเหนือจากส่วนของเมือง พื้นที่ด้านนอกอย่าง Wasteland และ Great Desert ก็มีความลับให้เราค้นหาอยู่มากมาย ทั้งสมบัติ วัสดุอุปกรณ์ ในบางครั้งผู้เล่นอาจจะเสียเวลากับส่วนนี้จนลืมภารกิจหลักเลยก็ได้(เพราะฟาร์มของพวกนี้มันคุ้มพอตัวเลย) แต่มันก็มีส่วนที่น่ารำคาญอย่างศัตรูที่ไม่รู้ไปกินดีหมีหรืออะไร สายตาเฉียบคมและดุดันพร้อมซัดอยู่ตลอดเวลา แถมวิ่งไปเจ็ดป่าช้าก็ยังคงตามอย่างไม่ลดละ เอาเป็นว่าถ้าเราอยู่ในสถานะไม่พร้อมสู้บอกได้เลยว่าโกลาหลสุดๆ
อีกบางจุดที่รู้สึกว่า เอ๊ะ มันจะมีมาทำไมนะคือ puzzle จำพวก platforming ซึ่งไม่เข้ากับเกมแบบสุดๆ (ด้วยความที่การควบคุมไม่ลื่นไหลแบบเกม platforming เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว กว่าจะผ่านทำเอาอารมณ์เสีย หรือไม่ก็ไม่เข้าไปยุ่งเสียแต่แรก) แต่ก็ไม่ใช่ว่าพวกปริศนาจะมีแบบเดียว ยังมีแบบอื่นๆ อีกหลากหลายซึ่งหลายอันท้าทายและคุ้มค่าที่จะเข้าไปเล่นแม้กระทั่งคนที่ไม่ชอบแก้ปริศนาก็ตาม
การต่อสู้เร้าใจที่มีกลิ่นอาย Soulslike
สิ่งหนึ่งที่เราเคยพูดไปในพรีวิวเดโม่ก็คือการควบคุมซึ่งไม่ลื่นไหล ติดขัดเวลาต่อสู้ซึ่งเป็นจุดขายของเกม เมื่อเล่นเกมเต็มแล้วถือว่าเป็นข่าวดีเมื่อปัญหาในจุดนี้ได้รับการปรับปรุง การควบคุมเป็นไปตามที่ใจคิดมากขึ้น ทำให้เราได้โฟกัสกับเกมเพลย์การต่อสู้ การออกท่าสกิล การสวนกลับและหลบหลีกคล้ายคลึงกับสไตล์ Soulslike ถึงแม้จะยังไม่ได้ขัดเกลามาอย่างยอดเยี่ยม 100% (บางท่ายัง cancel animation อะไรทำนองนี้ไม่ได้) แต่ถือว่ามีการแก้ไขให้ดีขึ้นพอตัว
และในจุดที่ว่ามันยังไม่ 100% หมายความว่าในอนาคตอย่างใน New Game+ อาจจะมีสกิลซึ่งสามารถเพิ่มการเคลื่อนไหวของ EVE ให้รวดเร็วขึ้น ระยะหน่วงระหว่างท่าลดลง ทำให้สามารถต่อคอมโบหรือปิดจุดอ่อนได้ดีมากยิ่งขึ้น เรียกว่าเป็นจุดที่ทีมพัฒนาสามารถเอาไปปรับใช้ไม่ว่าจะในภาคนี้ ภาคต่อ หรือเกมใหม่อื่นๆ ได้
กลับเข้ามาสู่ส่วนเกมเพลย์การต่อสู้ EVE มีอาวุธหลักคือดาบยาวและถือเป็นหลักในการอัปเกรดสกิลไปในทิศทางต่างๆ ได้อย่างหลากหลาย ลักษณะการโจมตีมีทั้ง โจมตีปกติ โจมตีหนัก โจมตีต่อเนื่องแบบคอมโบ หรือการใช้สกิลเมื่อมีเกจพลังงานเพียงพอ รวมทั้งยังมีท่าพิเศษใช้เคลื่อนที่เข้าหาศัตรูเพื่อโจมตีต่อเนื่องอีกด้วย โดยพวกสกิลนี้ยิ่งเวลาผ่านไปแล้วได้เรียนรู้สกิลใหม่ๆ เข้ามาเพิ่ม เทคนิคการต่อสู้ก็จะยิ่งสูงขึ้นว่าจะออกท่าใด สกิลใดตอนไหน จังหวะแบบใด นอกจากดาบแล้วก็จะมีอาวุธเสริมโจมตีระยะไกลอย่าง โดรนของ Adam(ซึ่งหลายสถานการณ์ใช้ได้ดีเสียด้วย)
ในส่วนของการป้องกันอย่าง การบล็อคการโจมตี การกระโดดหลบ การ parry หรือการโจมตีสวนเมื่อมีกระพริบสีฟ้าและสีชมพูเป็ฯส่วนที่ทำให้เกมเพลย์มีความน่าสนใจมากกว่าไล่ฟันดะแบบไม่แคร์ใคร ทั้งหมดต้องอาศัยความชำนาญทั้ง perfect parries หรือการหลบแล้วสวนให้ถูกจังหวะ แต่หากทำจนคล่องแล้วจะทำให้การเล่นสนุกขึ้นจมเลยทีเดียว(แต่ก็ยังยากอยู่ดีนะ ตามที่บอกว่าการควบคุมตัวละครยังไม่ลื่นไหล 100%)
เราสามารถพูดได้ว่าเกมเพลย์การต่อสู้ของ Stellar Blade มีความเป็น souslike อยู่พอตัว ตัดตรงที่ความยากของศัตรูนั้นไม่ได้นรกแตก(พวกบอสก็ไม่ได้นรกขนาดนั้น) ทำให้ถึงแม้เราจะเล่นพลาดในบางจุด เราก็ยังสามารถเอาชนะศัตรูได้อยู่ดี หรือแม้กระทั่งหากเราพลาดหนักๆ จน EVE ร่วงลงไปกองก็จะมีไอเทมฟื้นคืนชีพเข้ามาสู้ต่อไม่ต้องไปวนสู้ใหม่ตั้งแต่เริ่มแบบ soulslike อื่นๆ
EVE just EVE
หลังจากเป็นประเด็นกันเต็มโลกโซเชียลกับการออกแบบของตัวละคร EVE ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งในจุดขายของเกม เราจะไม่พูดถึงดราม่าของฝั่งตะวันตก(แน่นอนเราคือเกมเมอร์ฝั่งตะวันออกและนี่คือเกมจากผู้พัฒนาฝั่งตะวันออก) ต้องบอกว่าตัวของ EVE นั้นทำหน้าที่เป็นหนึ่งในตัวเอกที่ดีเลย
ตัวของ EVE แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการของตัวละคร หลังจากหน่วยของเธอพ่ายแพ้ ความเข้าใจโลกที่ดูแบนราบ ตัวละครก็ค่อยๆ มีมิติมากขึ้น แข็งแกร่งขึ้น เข้าใจผู้อื่นและสร้างความสัมพันธ์กับผู้คนมากขึ้น อย่างในบางครั้งก็มีเหล่า NPC แซวตัว EVE ว่าไม่ลองเปลี่ยนทรงผมดูล่ะ ซึ่งก็ทำให้เราได้ไอเทมเปลี่ยนทรงมาแสดงให้เห็นว่าตัว EVE ไม่ได้หัวแข็งไม่สนใจคำพูดของผู้อื่น
แต่อย่างไรก็ตามก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า EVE ไม่ได้มีภูมิหลังละเอียดยิบย่อย ออกจากราบเรียบ แต่ก็มีหลายๆ มุมที่น่าสนใจ น่าคนหาเมื่อเราเล่นผ่านไปเรื่อยๆ ซึ่งการออกแบบภารกิจก็ทำให้เราสนใจในเนื้อเรื่องของตัวละครมากขึ้นไปอีก แวะสำหรับภารกิจสักครู่ ต้องบอกว่าการออกแบบภารกิจถือเป็นอีกหนึ่งจุดที่ต้องชมทีมพัฒนาเพราะรางวัลที่ให้ ความน่าสนใจ รวมถึงตัวเนื้อเรื่องแยกก็มีใส่มาอย่างครบครัน
กลับมาที่ EVE แน่นอนว่าจุดขายก็คือความเซ็กซี่ แต่ถ้าใครจะมาถล่มแถวนี้ว่ามันไม่มีจริงโว้ย หรือมันดูไม่สมจริง อาจจะต้องซัดกับต้นแบบตัวละครอย่างคุณ Shin Jae-eun และต้องชมว่าเธอทำได้ดีในการแสดงออกถึงท่วงท่าต่างๆ ในเกม หรือถ้าคุณไม่ชอบชุดหลักของ EVE เกมก็มีชุดให้เลือกอีกมากมายตามสไตล์ที่คุณอยากเล่นพอถมเถือซึ่งสามารถหาได้จากหลายๆ ที่และไม่ยากเย็นนักในการเก็บสะสมให้ครบ
Optimization บน PS5
ตัวเกมนั้นถูกพัฒนามาเพื่อเล่นบน PlayStation 5 โดยเฉพาะ การที่เกมลงแพลตฟอร์มเดียวนั้นทำให้ความคาดหวังเรื่อง optimized สูงตามไปด้วย ซึ่งจากการได้สัมผัสมาตัวเกมมีการปรับแต่งที่ยอดเยี่ยมทั้งตัวเลือกกราฟฟิคทั้ง 3 แบบได้แก่ Performance, Balanced และ Resolution โดยโหมดที่เล่นแล้วรู้สึกคล่องและภาพสวยมากสุดส่วนตัวจะเป็น Balanced o
ในส่วนฟีเจอร์อื่นของ PS5 ก็มาตามมาตรฐานทั้ง Adaptive Trigger และ Haptic Feedback ส่วนที่รู้สึกติดขัดคงเป็นเวลาโหลดฉากต่อฉากในการเปลี่ยนพื้นที่ แต่ถ้าอยู่ในเขตเดิมก็จะไม่พบปัญหาในส่วนนี้ ในส่วนของเพลงซึ่งทำโดย MONACA studio สรุปสั้นๆ คือยอดเยี่ยมแบบไร้ที่ติในทุกส่วน
แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่มีข้อเสียตัวเกมขาดฟีเจอร์สำคัญหลายๆ ตัวไป และส่วนที่น่าจะส่งผลมากที่สุดคือ Photo Mode ใช่ครับเห็นว่ารูปประกอบบทความเรามันเบลอๆ ไม่ค่อยชัด ก็เพราะแบบนี้ ซึ่งน่าเสียดายเพราะว่าเกมทำมาขายตัวละครขนาดนี้ดันไม่มี Photo Mode ไม่ใช่แค่ภาพจะเบลอไม่คมชัด ยังมีพวก HUD ที่เอาออกไม่ได้ สำหรับบางเกมฟีเจอร์นี้อาจจะไม่สำคัญเท่าไหร่ แต่มันขาดไม่ได้เลยสำหรับ Stellar Blade
สรุป รีวิว Stellar Blade
ต้องบอกว่าผลงานเกมระดับ AAA ของทีมที่ปกติทำแต่เกมมือถือนั้นไม่ได้มาแบบเล่นๆ เกมเหนือกว่ามาตรฐานในหลายจุด ไม่ได้มีจุดขายแค่ตัวละครเพียงอย่างเดียว แต่ระบบเกมเพลย์ การสำรวจ ระบบการพัฒนาตัวละครรวมถึงเพลงประกอบทำออกมาได้ดีทีเดียว (อาจจะมีติตรงการควบคุมซึ่งยังไม่เต็มที่)
ส่วนที่น่าผิดหวังของเราก็คือด้วยความที่เกมนั้นมีกลิ่นอายของความเป็น soulslike แต่เกมดันง่ายเกินไป อีกทั้งเกมดันล็อคโหมดยากไว้ในตอนเริ่มต้น ทั้งที่ควรปลดล็อคให้หมดแล้วไปเพิ่มความยากหรืออะไรก็ตามในส่วนของ New Game+ แทน อีกส่วนก็คือฟีเจอร์ถ่ายรูป อุตส่าห์ทำตัวละครมาสวยแล้วก็ต้องอยากถ่ายรูปให้ออกมาดีเป็นธรรมดา ในส่วนเนื้อเรื่องเควสเสริมนั้นทำได้ดีแต่ตรงข้ามกับเนื้อเรื่องหลักที่เป็นเส้นตรงราบเรียบ หากเล่นเพื่อเสพเนื้อเรื่องลึกๆ จำเป็นต้องเถลไถลออกนอกภารกิจหลักพอตัว
ในท้ายสุดนี้ SHIFT UP ได้ทำผลงานเกม AAA แรกออกมาได้เหนือกว่าความคาดหมายพอตัว และสามารถเป็นผลงานที่น่าภาคภูมิใจได้เลยทีเดียว
ข้อดี
- การออกแบบโลกพื้นหลัง แผนที่ทำออกมาได้ยอดเยี่ยม รวมถึงส่วนของความเป็น semi-open world
- Puzzles และ challenges ออกแบบมาได้สร้างสรรค์ ดีพอที่จะเสียเวลาออกจากเนื้อเรื่องหลัก
- เพลงประกอบยอดเยี่ยมแบบติดโผชิงเพลงประกอบยอดเยี่ยมแห่งปีได้เลย
- ระบบปรับแต่งตัวละครใส่มาแบบจุใจจัดเต็ม
ข้อเสีย
- เนื้อเรื่องหลักราบเรียบ ไม่ค่อยน่าสนใจ
- ระบบการควบคุมยังคงมีปัญหาแม้จะดีขึ้นมาจากช่วงเดโม่
- ไม่มี Photo Mode
คะแนน 8/10
Stellar Blade วางจำหน่ายแล้ววันนี้บน PlayStation สามารถติดตามข่าวสารเกี่ยวกับ Stellar Blade เพิ่มเติมผ่านเว็บไซต์ทางการได้
อย่าลืมติดตาม Gamer555 เพื่อไม่พลาดข่าวสารเพิ่มเติมที่น่าสนใจ
Discussion about this post