ปฏิเสธไม่ได้ว่าตลาดของอุปกรณ์ชนิด Handheld หรือเครื่องเล่นเกมแบบพกพาคุณภาพสูงกำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดดทั้ง PlayStation หรือ Steam ต่างกระโดดลงมาเล่นคอนโซลประเภทนี้ ทาง ASUS ก็เช่นกันกับการสร้าง ROG Ally ซึ่งทางเราได้รับตัวเครื่องมารีวิวให้ชมกันในบทความนี้
ลักษณะการออกแบบคำนึงถึงหลักสรีระวิทยา
ROG Ally มาพร้อมกับดีไซน์ที่เฉพาะตัวแตกต่างจากเครื่องเกม Handheld อื่นโดยคำนึงถึงหลักสรีระวิทยา รวมทั้งสีที่ใช้เป็นสีขาวอีกด้วย
ซึ่งเราก็พอเข้าใจได้ว่าเหตุใดถึงเป็นสีขาวทั้งที่มันดูเปื้อนง่าย สิ่งสำคัญคือเวลาคุณจับตัวเครื่อง จะไม่มีรอยนิ้วมือปรากฎให้เห็นจนน่ารำคาญใจต่างกับสีอื่น แล้วไปเพิ่มเติมความสวยงามด้าน RGB ที่ตัวปุ่นและคันโยกแทน
ROG Ally มีน้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 608 กรัม เมื่อเทียบกับ Nintendo Switch OLED ที่ 422 กรัม แต่ว่าเมื่อลองได้ถือและเล่นจริง ก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัว ROG Ally หนักมากขนาดนั้น อาจจะเพราะด้วยรูปร่างที่มีส่วนโค้งเว้ากระชับมือมากกว่าตรงแท่นจับทำให้ไม่ค่อยเมื่อยนักเมื่อถือตัวเครื่องเป็นเวลานานเท่าที่เราทดสอบมา
นอกจากนี้ตรงตัวจับหากสังเกตจากรูปให้ดีจะมีพื้นผิวที่ไม่เรียบซึ่งทำให้กันลื่น รวมกับการออกแบบ ROG Ally โดยรวม ทำให้ตัวเครื่องลื่นตกออกจากมือได้ยากกว่า ในส่วนของจอก็มีการใช้ระบบ Touchscreen เข้ามาเพื่อเพิ่มความสะดวกในการใช้งานอีกด้วย
สำหรับ Port เชื่อมต่อมีทั้ง Type-C และ 3.5mm audio jack รวมทั้งยังมี I/O Port อยู่ด้านบนทั้งหมด เมื่อรวมกับจุดระบายความร้อนแล้วสำหรับรูปแบบนี้ของตัวผู้เขียน มองว่าเป็นการจัดเลย์เอาท์ที่มากองกันไปนิดนึง หากมีการเปลี่ยนบางส่วนไปข้างล่างอาจจะชินตามากกว่า
การวางปุ่มที่สะดวกต่อการกด
สำหรับการวางปุ่มด้าหน้าจะมีการใช้เลย์เอาท์ในรูปแบบจอย Xbox ซึ่งเป็นคันโยกพร้อม D-pad ที่เยื้องลงมาด้านล่าง ส่วนด้านขวาเป็นปุ่มกด ABXY และคันโยกอยู่บริเวณด้านล่าง
ในส่วนตรงกลางใกล้จอจะมีพวกปุ่มสำหรับเมนูต่างๆ อยู่ได้แก่ View, Command Center, Menu และ Armory Crate
นอกจากนี้ยังมีปุ่ม L1R1 อยู่ตามปกติที่มุมบนของเครื่อง แต่ที่แปลกตากว่าเครื่องอื่นคือการเพิ่มปุ่มไปที่ด้านหลังเครื่องซึ่งเป็นจุดที่นิ้วเอมถึงพอดีโดยไม่ต้องใช้ความพยายาม ทำให้การจัดวางมืออยู่ในท่าที่สบายไม่เมื่อยนัก
ส่วนของด้านหลังนอกจากปุ่มพิเศษแล้วยังมีท่อระบายอากาศ โดยตัวด้านหลังจะเป็นจุดดูดอากาศเย็นเพื่อไประบายความร้อนในตัวเครื่องแล้วปล่อยออกด้านบน
มาในส่วนของการตอบสนองของปุ่มกด ตอนเราทดสอบเล่นมันก็ไม่พบข้อเสียใดๆ ลื่นไหลตามใจสั่ง แต่อาจจะมีปัญหาสำหรับผู้ที่เคยชินกับจอย PlayStation เช่นเดียวกับผู้เขียน แต่ก็ใช้เวลาปรับตัวไม่นานมากเพื่อให้คล่องในการใช้งาน
นอกจากนี้ตัวเครื่องยังมีการใช้ระบบสั่นตอบสนองเข้ามา ซึ่งก็สามรถเปิดปิดได้แล้วแต่ความต้องการ อย่างผู้เขียนไม่ชอบระบบนี้เป็นทุนเดิมก็สามารถไปปรับแต่งได้ที่เมนู Armory Crate
หน้าจอ Full HD
ROG Ally มาพร้อมจอ Full HD โดยมีค่า resolution ที่ 1920 x 1080 ด้วยความเร็วรีเพรชเรตที่ 120Hz และ response time 7ms พร้อมกับ AMD FreeSync ซึ่งจอระดับนี้เรียกว่าไม่ต่างกับจอ PC ที่ใช้เล่นกันอยู่ทั่วไปเลยด้วยซ้ำ
นอกจากนี้จอยังเป็นรุ่น IPS ที่แสดงผลสี RGB ได้ถูกต้อง 100% แถมยังสามารถปรับฟังก์ชั่นหน้าจอเมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมต่างกันเช่น กลางแจ้งหรือที่มืด ให้เหมาะสมต่อเกมที่เล่นอยู่ได้
ในส่วนของหน้าจอ ROG Ally ได้ถูกปกป้องโดยชั้นของ Corning® Gorilla® Glass DXC ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยลดการสะท้อน เพิ่มความทนทานต่อรอยขูดขีด ด้วยคุณสมบัติดังกล่าวทำให้สามารถเห็นจอเมื่อแสงแดดจัดได้ชัดเจนมากขึ้น
ในความเห็นของผู้เขียน ปัญหาอย่างหนึ่งคือจอ Handheld ก็ยังเล็กเกินไปอยู่ดี อย่างเมื่อเทียบกับ Ipad ที่ใช้เป็นประจำส่งผลให้การกดหน้าจอบางที ไปลั่นกดสิ่งที่ไม่ต้องการได้หรือพิมพ์พลาดไปได้ในบางครั้ง ซึ่งน่าจะดีขึ้นหากมีความเคยชินที่เพิ่มมากขึ้น
สเปคระดับ PC
ROG Ally ใช้ระบบประมวลผล AMD Ryzen Z1 Extreme processor ที่มาด้วยการออกแบบของ Zen 4 พร้อมกราฟฟิค RDNA 3 แต่นอกจากนี้ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อกับ XG Mobile (ผ่านพอร์ต I/O ที่เกริ่นไปก่อนหน้า) ซึ่งเป็น GPU แยกของ ROG ซึ่งสามารถดันตัวสเปคเครื่องไปถึงระดับ RTX 4090 mobile
ในส่วนหน่วยความจำของเครื่อง ROG Ally อยู่ที่ 512 GB ซึ่งก็ยังอยู่ในระดับเพียงพอต่อเกมส่วนมากในสมัยนี้โดยตัวหน่วยความจำใช้เทคโนโลยี PCIe 4.0 NVMe ทำให้โหลดสิ่งต่างๆ ได้ลื่นไหล ในส่วนของ RAM ก็ใส่มาถึง 16 GB DDR5 และถึงแม้จะมีความจุอยู่ที่ 512GB แต่ขาเกมตัวยงที่มีเกมมากกว่านั้นก็สามารถเพิ่มความจุได้ด้วย MicroSD
ด้วยความที่ออกแบบระบบปฏิบัติการทุกอย่างเฉกเช่นเดียวกับ PC ทำให้เราสามารถเล่นเกมได้ทุกประเภทเหมือนเครื่องคอมพิวเตอร์ไม่ว่าจะผ่าน Steam, Epic Games หรือแพลตฟอร์มอื่นๆ ซึ่งด้วย UI ของ Windows 11 ก็ถือว่าสะดวกในการใช้งานรวมถึงความเคยชินของผู้ใช้ PC อยู่แล้ว
และอย่างที่เคยบ่นไปเล็กน้อยก่อนหน้าเรื่องหน้าจอ พอใช้ระบบปฏิบัติการณ์รวมถึง UI ทั้งหมดของ Windows 11 ทำให้ไอคอนหรือรูปที่แสดงออกมาบางทีเล็กเกินไปที่จะใช้มือกด หรือถ้าจะใช้คันโยกในการเลื่อนเมาส์ก็ไม่สะดวกเหมือนในคอมพิวเตอร์ที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้
ความสามารถเครื่องในการเล่นเกม
ข้ามประเด็นทั้งหมด จุดสำคัญของเครื่องเล่นเกม Handheld คือมันดีพอไหมที่จะมาทดแทน PC ได้ เราเลยลองกับเกมหลายๆ ประเภทที่กินสเปคต่างกัน รวมทั้งใช้ระบบพิเศษของตัว ROG Ally ที่สามารถปรับระดับการาแสดงผลให้เหมาะสมในเกมต่างๆ ได้
มาดูตัวอย่างเกมที่ลองเล่นดูได้แก่ Cyberpunk 2077, Honkai Star Rail, Elden Ring และ Street Fighter 6 โดยนี่คือผลลัพธ์ทั้งหมด
- Cyberpunk 2077 : 1080p – Low – 40 FPS
- Elden Ring : 1080p – Low – 50 FPS
- Street Fighter 6: – 1080p – Low – 60 FPS
- Honkai Star Rail: – 1080p – High – 60 FPS
อย่าง Cyberpunk 2077 ถ้าเล่นด้วยกราฟฟิค low-medium คือลื่นมาก แต่ถ้าปรับขึ้นไป high ถึงแม้จะเล่นได้โอเคแต่จะมีช่วงที่ framerate ร่วงซึ่งบางทีก็ลงไปต่ำกว่า 30 FPS ก็มี ซึ่งใกล้เคียงกับเกมระดับ AAA อย่าง Elden Ring ที่ตัวเครื่องสามารถเล่นในระดับกราฟฟิคใกล้เคียงกัน
มาลองเกมเปิดใหม่ที่โดนล้อว่าไม่ใช่เกมมือถือบ้างอย่าง Honkai: Star Rail ซึ่งตัวเกมมี FPS ล็อคไว้ที่ 60 และเมื่อลองเล่นดูก็พบว่าตัวเครื่องสามารถดันไปสุดค่าได้โดยที่ปรับกราฟฟิคทุกอย่างในตัวเกมสูงสุดด้วยซ้ำ (เทียบกับ Ipad gen10 ของผู้เขียนที่ต้องปรับ low ถึงจะเล่นได้ลื่น)
ในความเห็นของผู้เขียนบอกได้เลยว่า ROG Ally คือเครื่องเกมที่มีพลังการประมวลผลในระดับ PC เอาจริงๆ คือแรงเทียบเท่าหรือมากกว่าเครื่อง PC ที่ผู้เขียนใช้อยู่ในปัจจุบันเสียด้วยซ้ำ (GTX 1060TI + RAM 16 GB) แต่อาจจะเทียบพวกเครื่อง PC สเปคระดับเทพไม่ไหว แต่ก็เพียงพอในการเป็นเครื่องเกมพกพาแบบสบายๆ
ระบบเสียงแน่นๆ
ROG Ally มาพร้อมกับลำโพงที่ใช้เทคโนโลยี Smart Amp ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ออกมาต้องยอมรับว่าออกมาดีมาก ไม่มีเสียงแตกแม้จะเปิดลำโพงจนสด
พร้อมกับระบบเสียงแบบ Dolby Atmos ทำให้ได้ยิงเสียงเวลาเล่นเกมได้อย่างชัดเจน รวมถึงตำแหน่งของลฎโพงที่อยู่ด้านหน้าก็ไม่ต้องทำให้ไปปรับเสียงให้ดังมากก็ได้ยินชัดเจนแล้ว
นอกจากนี้ ROG Ally ยังมีระบบ Two-Way AI Noise Cancellation ทำให้การพูดสื่อสารผ่านตัวเครื่องชัดเจน ไม่ตกหล่นในระหว่างเล่นแม้จะเปิดเสียงลำโพงอยู่ก็ตาม
มีปัญหาเรื่องแบตหมดไว
ROG Ally มาพร้อมกับ 40Wh battery และ 65W PD charger ซึ่งต้องพูดตามตรงว่าไม่เยอะ เพราะการเล่นเกมสเปคด้านบนนั้นใช้เวลา 1 ชั่วโมงจากแบตเต็มก็หมดลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งไวไปสำหรับเครื่องเล่นเกมพกพา
ข้อเสียอีกอย่างหนึ่งคือความเร็วในการชาร์จ ลองคิดว่าใช้เวลาเล่นเกม 1 ชั่วโมงแบตหมด แต่ต้องใช้เวลาชาร์จนานกว่านั้น แสดงว่าต่อให้เสียบอยู่อัตราการผลาญแบตก็รวดเร็วอยู่ดี (ในที่นี้ผู้เขียนใช้ Turbo mode ซึ่งจะกินแบตมากกว่าปกติ เพื่อให้เกมออกมาลื่นไหลมากขึ้น)
ตัวอย่างที่เล่นคือเมื่อเล่น Honkai Star Rail ที่ปรับสุดตามตัวอย่างด้านบนเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง ตัวแบตจากเต็ม 100% ก็ร่วงไปเหลือ 15% แล้วเมื่อเปิดเสียงสุด 100% + Turbo mode ซึ่งจากที่เราสัมภาษณ์กับผู้ออกแบบ เขาก็บอกชัดเจนอยู่พอสมควรว่าถ้าจะเล่นให้นาน ต้องไปปรับปรุงที่ตัว mode ที่ใช้รวมถึงการตั้งค่าต่างๆ ด้วย
ดังนั้นโดยสรุปเรื่องแบตเตอรี่จากผู้เขียนออกจะไปทางเฉยๆ ถึงไม่ประทับใจอยู่พอตัว อย่างการชาร์จจาก 20% ให้เต็มก็ใช้เวลาไปประมาณชั่วโมงครึ่ง ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดสำคัญคือเครื่อง handheld ต้องพกไปเล่นที่ไหนก็ได้นานๆ โดยไม่ต้องชาร์จซึ่งจุดนี้ไม่ตอบโจทย์เท่าไหร่ ยกเว้นจะยอมปรับระดับกราฟฟิคลง
ระบบระบายความร้อนที่เย็น และเงียบสนิท
สำหรับระบบทำความเย็น อันนี้ต้องยกนิ้วให้ เพราะความร้อนแทบไม่มีผลกระทบเลยไม่ว่าจะเปิดเล่นนานเท่าไหร่ กราฟฟิคแรงขนาดไหน หรือในท่าไหนก็ตาม ซึ่งมาจากที่ภายใน ROG Ally ได้ติดตั้งพัดลมระบาย 2 ตัว รวมถึงการออกแบบท่อลมระบายความร้อนที่ยอดเยี่ยม
อีกสิ่งที่สำคัญคือนอกจากไม่ร้อนแล้ว ยังเงียบด้วย ในตอนที่ทดสอบผู้เขียนก็สามารถเล่นได้โดยที่ไม่เสียงพัดลมจากภายในมารบกวนซึ่งอันนี้ดูดีกว่าเครื่องเกมอื่นๆ ที่เคยสัมผัสมาที่พอเวลาผ่านไปสักพักจะมีเสียงพัดลมระบายความร้อนออกมาอย่างชัดเจน
ระบบตั้งค่า Armory Crate SE
Armory Crate ใน ROG Ally มีข้อแตกต่างจากเวอร์ชั่น PC อยู่เล็กน้อยดซึ่งสามารถกดได้ผ่านปุ่มที่อยู่บนหน้าจอ หรือเลือกผ่าน setting ซึ่งนี่น่าจะเป็นจุดสำคัญของเครื่องนี้ในการปรับโหมดการแสดงผล ที่จะดันกราฟฟิคไปให้สุด หรือจะเลือกดรอปการประมวลผลลงเพื่อยืดอายุแบตเตอรี่ให้เล่นได้นานขึ้น นอกจากนี้ยังมีการปรับปุ่มระบบควบคุมอีกมากมายที่เราสามารถดีไซน์ได้เองตามที่เราถนัด
สรุป
สรุปรวมแล้ว เรื่องคุณภาพและความสามารถของ ROG Ally ถือเป็นเครื่อง Handheld พกพาที่มีระดับเทียบเท่ากับ PC ได้ตามที่ทาง ASUS ได้คุยไว้ก่อนหน้าเลย สามารถเล่นเกมกราฟฟิคระดับโหดๆ ได้แบบสบายๆ ไม่ติดขัดแต่อย่างใด รวมถึงยังมีดีไซน์ที่สบายมือ เล่นได้เป็นเวลานานโดยไม่เมื่อย เช็ดทำความสะอาดง่าย ไม่มีเสียงรบกวนหรือความร้อนส่งผ่านมาถึงนิ้วมือ
แต่อย่างไรก็ดีปัญหาสำคัญคือตัวแบตเตอรี่ที่หมดไวมากถ้าต้องการปรับคุณภาพของเกมให้สูงขึ้นไป ซึ่งถ้าอนาคตมีตัว Fast charger น่าจะดีกว่านี้ขึ้นพอสมควร แต่ถึงแม้ตัวแบตอาจจะหมดไวไปเสียนิด ก็ต้องพูดตามตรงว่ามันแค่น่ารำคาญที่ต้องชาร์จบ่อยหน่อยเท่านั้น แต่ไม่ส่งผลต่อคุณภาพเวลาเล่นเกมแต่อย่างใด
นอกจากที่เรารีวิว เราได้รับเกียรติจาก Wong Ding Chuen ผู้ออกแบบ ROG Ally สามารถอ่านบทสัมภาษณ์ได้ที่นี่
ROG Ally ประกาศราคากลางมาอยู่ที่ 699 ดอลล่าร์สหรัฐ แต่ราคาในไทยยังไม่มีการประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ ซึ่งทุกคนสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่
Discussion about this post