เจิมตั้งแต่ชื่อบทความเลยสำหรับว่าที่เกมเข้าชิง GOTY เพื่อไม่เป็นการยืดยาวและโชว์ให้เห็นว่า ASTRO BOT นั้นคู่ควรกับการเป็นผู้ท้าชิง ไปอ่านกันได้เลยในบทความ รีวิว ASTRO BOT นี้
เกริ่นเล็กน้อยสำหรับแนวเกม ASTRO BOT โดยจะเป็นเกมสไตล์ platformer ที่ใส่การผสมผสานเทคโนโลยีของ PlayStation 5 เข้าไปอย่างเต็มที่
เนื้อเรื่อง
เนื้อเรื่องของเกมเริ่มที่ยาน PS5 เมื่อ Astro และเหล่าหุ่นของเขาถูกโจมตีด้วยเอเลี่ยนที่จะขโมยตัวประมวลผลไปจากยาน ซึ่งส่งผลให้ยาน PS5 เสียพลังขับเคลื่อนและตกลงสู่โลกที่ไม่คุ้นเคย ซึ่ง Astro ต้องซ่อมยานของเขา ปกป้องเหล่าหุ่น และใช้อุปกรณ์ที่หามาได้ในการผจญภัยในดาวต่างๆ ทั่วกาแล็กซี่
อย่างที่บอกว่าทั่วกาแล็กซี่ ตัวเกมก็จะแบ่งแผนที่ออกเป็นหลายๆ กาแล็กซี่ โดยแต่ละพื้นที่ใหญ่ก็จะมีดาวอยู่ 6-8 ดวง โดยส่วนมากแล้วจะมีดาวทั่วไป 4 ดวง ดาวที่ไว้สู้กับบอส 1 ดวง ดาวลับ 2 ดวง และ ดาวที่ใช้ดำเนินเนื้อเรื่องเพราะเราจะเจอชิ้นส่วนของยาน PS5 อีก 1 ดวง(หรือเราสามารถเรียกดาวนี้ว่าดาวคอลแลป เพราะจะมีการล้อเกมอื่นๆ เพียบ) นอกจากนี้ยังมีกาแล็กซี่พิเศษ Lost Galaxy ที่ต้องปลดล็อคก่อนถึงจะเข้าได้อีกด้วย
ดาวแต่ละดวงนั้นมีการออกแบบที่แตกต่างกันออกไปแม้จะอยู่ในพื้นที่เดียวกัน แต่จะมีธีมหลักตามกาแล็กซี่ที่อยู่ อย่างดาวสวนน้ำ, หิมะ, ทะเลทรายอียิปต์ หรือแม้กระทั่งธีมวัฒนธรรมญี่ปุ่นโบราณก็มี ซึ่งการออกแบบให้มีะ๊มหลากหลายนั้นทำให้ตัวเกมมีจุดให้เล่นเยอะมาก ทั้งสภาพพื้นที่ หรือเหล่าศัตรูที่มีเมคคานิคการเล่นที่แตกต่างกันออกไป เรียกว่าถึงแม้จะเป็นเกมเดียวกัน แต่เมื่อเปลี่ยนดาวแล้วก็จะมีอะไรใหม่ๆ ให้เราเรียนรู้อยู่เสมอ
การออกแบบเกมเพลย์ และปริศนา
สกิลต่างๆ ของ Astro ถือเป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญในการผ่านแต่ละดาว ซึ่งแต่ละสกิลก็จะมีประโยชน์ในพื้นที่แตกต่างกัน แต่หลายๆ สกิลก็สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ในหลายๆ ด่าน อย่างเช่นท่า frog gloves ซึ่งเป็นท่าต่อยใส่ศัตรู ก็สามารถนำไปใช้ในการยืดมือไปจับในพื้นที่ที่โดดไม่ถึง rocket dog ที่เป็นกระเป๋าสะพายที่ทำให้ร่อนได้และยังทะลุกำแพงได้ เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดนั้นทำให้เรามีทางเลือกเล่นที่หลากหลายมากนั่นเอง
ในความเป็นเกม platformer ส่วนของปริศนาการผ่านด่านคือจุดสำคัญ ซึ่งนอกจากพื้นที่ปกติแล้ว ยังมีด่านลับที่ใส่ปริศนามาแบบเต็มสูบ(ส่วนมากจะอยู่ที่ดาวลับตามที่เราเกริ่นไว้ก่อนหน้า) ถึงแม้ว่าในเกมนี้ปริศนาจะไม่ใช่องค์ประกอบหลักที่ผู้เล่นจะเจอในทุกๆ จุด แต่ความท้าทายในการเล่น และความใส่ใจในการออกแบบปริศนานั้นทำให้เราไม่สามารถข้ามผ่าน และต้องยอมเสียเวลาให้กับปริศนารายทางอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยทีเดียว
การสร้าง Crash Site
Crash Site จะเป็นชื่อเรียกของดาวที่ยานแม่ PS5 ตกลงมาในตอนเริ่มเกม ซึ่งในอนาคตสามารถสลับสับเปลี่ยนได้ โดยหุ่นต่างๆ ที่เราไปช่วยเมื่อเจอบนดาวอื่น ก็จะถูกส่งกลับไปที่ฐานบนดาวนี้ และยิ่งเราสำรวจดาวดวงอื่นมากเท่าไหร่ เราก็จะได้ไอเทมไปอัปเกรดฐาน เพิ่มฟีเจอร์ต่างๆ มากขึ้นเท่านั้น (นอกจากนี้ยังมีกิมมิคการเรียนรู้เครื่อง PS5 ในส่วนต่างๆ ตอนยาน PS5 ได้รับการซ่อมแซมด้วยนะ)
ฟีเจอร์แรกๆ ที่เราจะได้สัมผัสก็คือ Gatcha Lab ซึ่งเป็นจุดที่เราจะผลาญเงินที่ได้รับมาในเกม(ส่วนมันทำอะไรได้เดี๋ยวขออธิบายทีหลัง), Dual Speeder Paint Shop ซึ่งเป็นการเปลี่ยนสีของยานจอย DualSense, Costume shop ที่เอาไว้เปลี่ยนสกิน Astro และยังมีฟีเจอร์อื่นๆ ที่เราแนะนำให้ไปลองสัมผัสกันในตัวเกม
ดาวคอลแลปที่ต้องตามเก็บ
ความบันเทิงหลักของ ASTRO BOT คือการคอลแลปนำเกมอื่นๆ ที่เคยลงให้กับ PlayStation มาใส่แบบเต็มสูบ อย่างที่เราบอกว่าจะมีดาวคอลแลปซึ่งในดาวนั้นเราจะเจอหุ่นลักษณะพิเศษที่เห็นปุ๊บรู้เลยว่ามาจากเกมไหน อย่างหุ่น Kratos ที่มาพร้อม boy ของเขา, Snake จาก Metal Gear, Joker จาก Persona 5 และอื่นๆ อีกหลายเกมซึ่งหากเราเป็นเด็กหนวดเล่นเกมมาตั้งแต่วัยเยาว์ก็จะเห็นหลายๆ เกมในอดีตเข้ามาเป้นกิมมิคในส่วนนี้อย่างแน่นอน
ย้อนกลับไปสู่ฟีเจอร์ Gacha Lab โดยจะเป็นฟีเจอร์ที่ทำให้เราได้ไอเทมสำหรับหุ่นพิเศษ VIP และเมื่อพวกเขาได้ไอเทมซึ่งตรงกับเกมไปแล้ว ก็จะมีท่าพิเศษตามขึ้นมาด้วย
นอกจากเหล่าหุ่น VIP แล้วในดาวคอลแลปนั้นยังมีการออกแบบธีมที่หลุดออกมาจากดาวอื่นในกาแล็กซี่เดียวกัน เหตุผลก็เพราะว่าสภาพแวดล้อมนั้นออกแบบให้ตรงตามเกมที่หุ่น VIP ตัวนั้นๆ อยู่ แถม Astro จะได้สกิลและชุดที่ตรงตามเกมนั้นๆ อยู่ด้วย อย่างดาวของ God of War ตัว Astro ก็จะได้ใช้ Leviathan Axe ของ Kratos ไปด้วย ดังนั้นทำให้เราตื่นเต้นอยู่เสมอเวลาลงไปในดาวคอลแลปว่าจะได้เจอกับอะไรในนั้น
การใช้เทคโนโลยีจอย DualSense
ในฐานะสตูดิโอลูกโดยตรงของ Sony Interactive Entertainment Team Asobi ได้แสดงให้เห็นถึงการใช้เทคโนโลยีของจอย DualSense แบบเต็มสูบมากกว่าทุกเกมที่เคยลงมาใน PS5 ทั้งหมด เพราะนอกจากปุ่มปกติ หรือแกนโยกแล้ว ยังมีการควบคุมผ่าน DualSense motion sensor เพิ่มเติมตอนใช้เครื่องบินจอย DualSense อีกด้วย
ฟังก์ชั่น Adaptive triggers ก็ยังคงใส่มาร่วมกับ Haptic feedback ซึ่งไม่ได้ช่วยแค่เรื่องความสมจริงจากการสั่นเมื่อเราควบคุมเท่านั้น ยังใช้เป็นกิมมิคในการแก้ไขปริศนาในบางจุด แถมลักษณะการสั่นยังละเอียดมากกว่าปกติ ทำเอาสงสัยว่า แล้วเกมอื่นทำไมไม่เคยทำแบบนี้ได้มาก่อนนะ
สรุป รีวิว ASTRO BOT
เพียงแค่ตัวเกมอย่างเดียว ASTRO BOT ถือเป็นเกม 3D platformer ที่ยอดเยี่ยมด้วยตัวมันเองอยู่แล้ว ทั้งในด้านเกมเพลย์ ในด้านความหลากหลาย รวมถึงการออกแบบพื้นที่ต่างๆ ให้เราได้สัมผัสในทุกๆ ดาว เพิ่มเติมไปอีกคือการใส่กิมมิคคอลแลปเข้าไปในดาวพิเศษที่ทำให้เหล่าเกมเมอร์ในอดีตระลึกถึงเหล่าเกมที่เคยได้สัมผัสมาก่อน ทำให้เราอยากหาดาวพวกนี้มากขึ้นไปเรื่อยๆ
จากที่ได้เล่นมาพวกเราสัมผัสได้ถึงความตั้งใจของทางทีมพัฒนาที่ต้องการทำให้ทุกช่วงเวลาในเกมนั้นออกมายอดเยี่ยมมากที่สุด และผลลัพธ์ที่ออกมานั้นทำให้ ASTRO BOT เป็นอีกหนึ่งเกมยอดเยี่ยมที่ออกมาในปีนี้ และไม่แปลกใจเลยว่าจะได้เข้าชิงเกมแห่งปีอย่างแน่นอน
ข้อดี
- แต่ละด่านและดาวออกแบบมาได้เป็นเอกลักษณ์และทำให้เกิดเกมเพลย์ที่หลากหลาย
- ดาวคอลแลปที่ทำรายละเอียดออกมาได้ยอดเยี่ยม collaborations
- การออกแบบด่านทำออกมาได้ท้าทายการเล่นทั้งเกมเพลย์หลักและส่วนปริศนา
- ดึงประสิทธิภาพของจอย DualSense ออกมาได้ดีที่สุดเท่าที่จอยนี้เคยกำเนิดมา
ข้อเสีย
- ด่านลับ กับปริศนาบางด่านออกแบบมาซ้ำเดิมแค่เปลี่ยนสี
คะแนน: 9.5/10
ASTRO BOT วางจำหน่ายแล้ววันนี้ แน่นอนบน PlayStation 5 เท่านั้น ใครที่มีเครื่องติดไว้อยู่ที่บ้านห้ามพลาดที่จะซื้อเกมเข้ามาเก็บในคอลเล็กชั่น
อย่าลืมติดตาม Gamer555 เพื่อไม่พลาดข่าวสารเพิ่มเติมที่น่าสนใจ
Discussion about this post