Clair Obscur: Expedition 33 เป็นหนึ่งในเกมที่ดึงดูดความสนใจของผู้เล่นตั้งแต่การประกาศในงาน Xbox Game Showcase เมื่อปีที่แล้ว และตอนนี้เรากำลังเข้าใกล้วันวางจำหน่ายของเกมนี้แล้ว ทีมงานของเราเองก็มีโอกาสได้ทดลองเล่นเกมนี้ก่อนจากการเข้าถึงที่จัดให้โดย Bandai Namco แต่ต้องบอกก่อนว่า พรีวิวรอบนี้แทบจะไม่ค่อยได้สัมผัสเกมเต็มเสียเท่าไหร่ ดังนั้นประสบการณ์การเล่นและขอบเขตของเนื้อหาที่จะได้รับในเวอร์ชั่นสุดท้ายอาจแตกต่างออกไปอย่างมาก
แล้วเกมนี้ที่มีลักษณะเหมือนกับเกม JRPG AAA คลาสสิก จะสามารถตามที่คาดหวังและกลายเป็นหนึ่งในเกมยอดฮิตของปีนี้ได้หรือไม่? มาดูได้ใน พรีวิว Clair Obscur: Expedition 33 นี้ได้เลย
เนื้อเรื่อง
เวอร์ชั่นพรีวิวที่เราเล่นไม่ได้เริ่มเกมจากจุดเริ่มต้น แต่เริ่มที่จุดที่ห่างไกลไปหลังจากที่ตัวเอกหนีออกมาจากเหตุการณ์อันโหดร้ายที่ทำให้ลูกเรือเกือบทั้งหมดเสียชีวิต ก่อนถึงจุดนี้เราได้ดูการสรุปเนื้อหาหลักแบบย่อๆ ที่ยังค่อนข้างงงและยากที่จะเข้าใจในช่วงแรก แม้หลังจากการดูคลิปอีกครั้งก็ยังมีคำถามใหญ่ที่อาจจะได้รับคำตอบที่ชัดเจนเมื่อได้เล่นในเวอร์ชั่นเต็ม

จากสิ่งที่เราเข้าใจจนถึงตอนนี้ Clair Obscur: Expedition 33 เกิดขึ้นในโลกแฟนตาซี ในเมือง Lumière ซึ่งอนาคตของเมืองนี้ถูกคุกคามโดยตัวละครลึกลับที่มีชื่อว่า “Paintress” เมื่อเวลาผ่านไป Paintress จะค่อยๆ ลบตัวเลขจากอนุสาวรีย์หินชนิดหนึ่งเพื่อสื่อถึงการสิ้นสุดของ “รอบการหมุนเวียน” เกมจะเริ่มต้นเมื่อรอบการหมุนเวียนที่ 34 ใกล้จะสิ้นสุด และประชากรที่มีอายุ 34 ปีจะต้องเผชิญกับการจบชีวิตของพวกเขาทันที
เมื่อเริ่มต้นรอบที่ 33 ตัวเอก Gustave และเพื่อนๆ ของเขาต้องออกเดินทางในการสำรวจที่อันตรายเพื่อไปยังดินแดนของ Paintress เพื่อปราบเธอและทำลายวงจรอันไม่สิ้นสุดนี้ การสำรวจนี้ได้ดำเนินมาเป็นเวลานานแล้วและเมื่อจบวงจรหนึ่ง ความรับผิดชอบของทีมสำรวจต่อไปก็จะเพิ่มมากขึ้น เพราะพวกเขาต้องแข่งกับเวลาในขณะที่ชีวิตของพวกเขาและประชากรของเมืองอยู่ในความเสี่ยง

หลังจากที่เราได้รู้จักกับพื้นฐานของเรื่องราวแล้ว ถือว่าตัวเกมมีความน่าสนใจมากขึ้น เพราะเนื้อหามีความลึกซึ้งและสร้างอารมณ์ที่หนักหน่วง แม้ว่าหลายคนอาจจะมองว่าเกมนี้เป็นเกม RPG แฟนตาซีที่สวยงาม แต่ความขัดแย้งภายในและชะตากรรมของตัวละครนั้นแสนเศร้า เมื่อพวกเขาต้องทำภารกิจที่เป็นแทบจะไม่มีโอกาสสำเร็จ และพวกเขาน่าจะต้องเสียชีวิตในที่สุด ท่ามกลางภาระอันหนักหน่วงจากการเปลี่ยนผ่านของรอบการหมุนเวียนที่โหดร้าย
ตัวอย่างเช่น ถ้ารอบการหมุนเวียนยังดำเนินต่อไปจนถึงรอบที่ 20 หรือแม้กระทั่งรอบที่ 10 ก็อาจจะทำให้ชีวิตในเมือง Lumière สูญสิ้นไปทั้งหมด เพราะในเวลานั้นจะเหลือแค่เด็กๆ ที่จะยากต่อการมีชีวิตรอดหากไม่ได้รับการดูแลจากผู้ใหญ่

การต่อสู้เชิงกลยุทธ์และการตอบสนองที่รวดเร็ว
จุดขายหลักของ Clair Obscur: Expedition 33 คือระบบการต่อสู้ที่ทำออกมาได้ดีจริงๆ ในด้านการออกแบบมันแทบไม่แตกต่างจาก JRPG คลาสสิกส่วนใหญ่ในตลาด คุณสามารถเลือกคำสั่งต่างๆ เช่น การโจมตีปกติ, ทักษะหลัก, การใช้ไอเท็ม, และอื่นๆ นอกจากนี้ยังมีตัวบ่งชี้ลำดับการโจมตีที่อยู่ทางด้านซ้ายของหน้าจอพร้อมกับหน้าของตัวละครที่แสดงผลให้เห็น ช่วงนี้ถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่สิ่งที่ทำให้การต่อสู้ในเกมนี้พิเศษคือการผสมผสานกับองค์ประกอบของเวลาเรียลไทม์ที่ถูกนำมาใช้อย่างลงตัว

เกมเพลย์แบบนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ Clair Obscur: Expedition 33 สามารถนำเสนอให้เป็นจุดเด่นหลักแทนที่จะเป็นเพียงแค่ลูกเล่นที่ดูน่าสนใจ ซึ่งคุณต้องสามารถควบคุมองค์ประกอบเวลาจริงให้ได้แทนที่จะเพียงแค่ใช้คำสั่งให้สำเร็จ ตัวอย่างเช่น เมื่อคุณออกการโจมตี คุณสามารถคาดการณ์การโจมตีของศัตรูได้โดยการใช้ฟังก์ชัน Dodge หรือ Parry โดยฟังก์ชัน Dodge จะใช้สำหรับหลบการโจมตี แต่ด้วยฟังก์ชัน Parry คุณสามารถโต้ตอบกลับไปด้วยการโจมตีที่มีความเสียหายสูงได้ แม้ว่าฟังก์ชัน Parry จะให้ผลตอบแทนที่สูงกว่า แต่การใช้มันจะยากกว่า Dodge เพราะมันต้องการเวลาที่เหมาะสมในการป้องกัน ดังนั้นคุณต้องปรับตัวตามสถานการณ์ เช่น การเผชิญหน้ากับศัตรูที่มีลวดลายการโจมตีที่เร็วหรือคาดเดาได้ยาก

ไม่เพียงแค่การคาดการณ์การโจมตีและการตอบโต้เท่านั้น แต่ยังมีองค์ประกอบเรียลไทม์เมื่อคุณใช้สกิล ซึ่งมักประกอบด้วยหลายลำดับการแสดงผลที่มีสัญลักษณ์จังหวะกำกับ การใช้สกิลในจังหวะที่สมบูรณ์แบบจะให้ความเสียหายโบนัสและผลการฟื้นฟูสูงสุด ดังนั้นการที่คุณจะสามารถทำการใช้ทักษะ “Perfect” ได้มากที่สุดจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด นอกจากนี้แต่ละตัวละครยังมาพร้อมกับอาวุธระยะไกล เช่น ไรเฟิลหรือเวทมนตร์ยิงที่ต้องการการเล็งด้วยมือ ในเกมนี้คุณจะพบกับมอนสเตอร์ที่มีชื่อว่า Nevron ซึ่งมักจะมีจุดอ่อนพิเศษ ดังนั้นคุณจะต้องทำลายจุดอ่อนนั้นด้วยอาวุธระยะไกลเพื่อให้ได้ความเสียหายเพิ่ม (บางครั้งอาจลด HP ของศัตรูได้ถึง 50%)

ดังนั้นนอกจากการโจมตีปกติและการใช้ไอเทมแล้ว การต่อสู้ใน Clair Obscur: Expedition 33 ก็เน้นที่การกระทำเรียลไทม์ที่ต้องอาศัยการจับจังหวะ ซึ่งทำให้การต่อสู้มีความรู้สึกเชิงตอบสนองที่ต้องระมัดระวังอยู่ตลอดเวลาโดยเฉพาะเมื่อคุณอยู่นอกเทิร์นตัวเอง การใช้ Dodge หรือ Parry ที่ล้มเหลวอาจทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ร้ายแรง เนื่องจากความเสียหายจากศัตรูในเวอร์ชันพรีวิวที่เราเล่นนั้นทำให้ตัวละครร่วงได้อย่างรวดเร็ว หากคุณไม่มีทรัพยากรเพียงพอในการฟื้นฟู HP ก็จะยิ่งทำให้คุณต้องปรับตัวเข้ากับการต่อสู้ได้มากขึ้น การหาสมดุลที่ถูกต้องอาจเป็นงานที่สำคัญของผู้พัฒนา แต่เกมนี้ก็มีตัวเลือกระดับความยากหลายระดับสำหรับผู้ที่ต้องการเพลิดเพลินกับเนื้อเรื่องหลักโดยไม่พบอุปสรรคมากนัก
อีกส่วนหนึ่งที่เราชอบเกี่ยวกับการต่อสู้ในเกมนี้คือการที่ไม่มีระบบ Mana โดยใช้ AP bar แทนซึ่งสามารถเติมได้จากการโจมตีปกติ, การหลบหลีก (Dodge) หรือการป้องกัน (Parry) ดังนั้นเมื่อเริ่มการต่อสู้ในแต่ละรอบ คุณจะไม่สามารถใช้สกิลที่แรงที่สุดได้ทันทีหากยังไม่มี AP เพียงพอ ปกติแล้วเราจะใช้เทิร์นแรกในการทำลายการป้องกันของศัตรูด้วยการโจมตีระยะไกลและการโจมตีปกติ ก่อนที่จะสามารถใช้สกิลเมื่อ AP เพิ่มขึ้น

การพัฒนาและการสำรวจ
การพัฒนาอัพเลเวลในเกมนี้ค่อนข้างรวดเร็วในช่วงแรก โดยทุกการต่อสู้รู้สึกคุ้มค่าและไม่ใช้เวลานานในการเลื่อนระดับ แต่แน่นอนว่าพอคุณเล่นไปไกลขึ้น ความเร็วในการพัฒนาจะช้าลง การต่อสู้ทุกครั้งในเกมนี้อาจจะอันตรายมากเพราะระบบการต่อสู้ที่ตอบสนองตัวเอง ดังนั้นหากคุณขาดไอเทมฟื้นฟูหรือสกิลการรักษาก่อนที่จะที่จะใช้การหลบหลีกหรือการป้องกันได้อย่างชำนาญ ศัตรูอาจทำลายกลุ่มของคุณได้อย่างง่ายดาย

หลังจากที่เลเวลอัพแล้ว คุณสามารถไปที่ Rest Point เพื่ออัปเกรด stat ของตัวละครตามคะแนนที่คุณได้รับทุกครั้งที่เลเวลอัพ stat หลักในเกมนี้ได้แก่ Vitality, Might, Agility, Defense, และ Luck คุณยังสามารถเพิ่มค่าความสามารถของตัวละครได้ด้วยอุปกรณ์ที่เรียกว่า Pictos ซึ่งมีสามช่องหลัก นอกจากนี้ยังมี Lumina ซึ่งเป็นเอฟเฟกต์พิเศษที่เกี่ยวข้องกับ Pictos แต่ความแตกต่างคือลูมินาสามารถตั้งค่าสำหรับทั้งทีมได้ ไม่จำกัดเฉพาะตัวละครหนึ่งตัว Pictos และ Lumina สามารถเสริมกันได้ แต่การอธิบายระบบนี้โดยเฉพาะสำหรับ Lumina อาจทำให้สับสนมากกว่าการนำไปใช้จริง
ด้านการสำรวจ เราคิดว่านี่อาจจะเป็นจุดอ่อนที่สุดของ Clair Obscur: Expedition 33 จนถึงตอนนี้ เนื่องตัวเกมขายเนื้อเรื่องที่เน้นการสำรวจเป็นธีมหลัก แต่เรารู้สึกว่าอารมณ์การสำรวจในเกมนี้กลับมุ่งเน้นไปที่ความรู้สึกทึ่งเมื่อเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามของโลกมากกว่า อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากนั้น การสำรวจในเกมนี้ค่อนข้างรู้สึกจืดชืด เพราะคุณจะเคลื่อนที่ไปในแผนที่ที่มีโครงสร้างเรียบง่ายและเป็นเส้นตรง นอกจากนี้ เนื่องจากพื้นหลังหลักของเกมจะพาผู้เล่นไปยังพื้นที่ที่อันตราย เราคาดว่าอาจจะไม่มีช่วงเวลาผ่อนคลายมากนัก หรือการโต้ตอบกับพื้นที่ที่อยู่อาศัยหรือเมืองใหญ่ๆ นอกจากในส่วนต้นของเนื้อเรื่อง ทำให้คาดว่าช่วงหลังคงจะแบนราบ ซึ่งก็ต้องดูว่าเราจะคิดผิดหรือไม่

สรุป พรีวิว Clair Obscur: Expedition 33
ตัวเวอร์ชันพรีวิวนี้ทำให้เรามั่นใจมากขึ้นว่า Clair Obscur: Expedition 33 มีความสามารถมากพอที่จะกลายเป็นหนึ่งในเกมที่ดีที่สุดของปี 2025 ได้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะเรื่องของพล็อตที่มีอารมณ์ลึกซึ้งและทำให้คุณอยากติดตามการต่อสู้ของตัวละครหลัก นอกจากนี้ ระบบการต่อสู้ก็ถูกออกแบบมาได้อย่างดี และการเน้นการเล่นที่ตอบสนองเร็วก็ทำให้ได้สัมผัสประสบการณ์แบบเทิร์นเบสที่ให้ความตื่นเต้นที่แตกต่างออกไป ถ้าหากมองข้ามส่วนของการสำรวจโลกที่ยังเน้นที่การนำเสนอมากกว่าการโต้ตอบหรือความหลากหลายไปล่ะก็ ถือว่ามีภาพมากเลยทีเดียว

Clair Obscur: Expedition 33 ตั้งเป้าจะวางจำหน่ายในวันที่ 24 เมษายนนี้ บน PlayStation 5, Xbox Series และ PC สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ผ่านเว็บไซต์ทางการ
อย่าลืมติดตาม Gamer555 เพื่อไม่พลาดข่าวสารเพิ่มเติมที่น่าสนใจ
Discussion about this post