PS5 Pro ถูกออกแบบมาสำหรับผู้เล่นและนักพัฒนาที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพภาพและความลื่นไหลของเกม โดยมาพร้อมกับการอัพเกรดประสิทธิภาพที่สำคัญในคราวนี้เรามาดูแต่ละจุดว่าจะคุ้มค่าหรือไม่กับการซื้อ PlayStation 5 Pro เข้ามาที่บ้านของเหล่าเกมเมอร์
การปรับปรุงด้านฮาร์ดแวร์และประสบการณ์การเล่น
- GPU มีจำนวน Compute Units เพิ่มขึ้น 67% และหน่วยความจำเร็วขึ้น 28% ประสิทธิภาพการเรนเดอร์เร็วขึ้นถึง 45% ความสามารถด้าน Ray Tracing ดีขึ้น 2-3 เท่า ทำให้แสงและเงาสมจริงมากขึ้น
- เครื่องบูตเร็วกว่า PS5 ประมาณ 2 วินาที
- ความเร็วในการดาวน์โหลดเกมเร็วกว่า 3-4 เท่าภายใต้สภาพ Wi-Fi เดียวกัน
การทดสอบเกม
*PS5 ด้านซ้าย PS5 Pro ด้านขวา
F1 24
- บน PS5 Pro ฝั่ง Performance mode มีกราฟฟิกโดยรวมที่ดูดีขึ้นส่วน Quality mode นั้นมีความแตกต่างด้าน FPS เล็กน้อย
- เมื่อเทียบกับ PS5 พบว่า PS5 Pro แสดงแสงสะท้อนที่เป็นธรรมชาติและสมจริงกว่า จากพลังของ Ray Tracing
Horizon Zero Dawn Remastered
- แทบไม่มีความแตกต่างระหว่างโหมด Performance และ Resolution โหมด Resolution ล็อกที่ 30FPS และมีอาการกระตุก ส่วน Performance mode ลื่นกว่า
- เมื่อเทียบกับ PS5 พบว่ามีความแตกต่างน้อยมาก เนื่องจากเป็นเวอร์ชันรีมาสเตอร์
Marvel’s Spider-Man 2
- ความแตกต่างระหว่างโหมดไม่มาก แต่โหมด Performance ให้ FPS ที่ลื่นกว่า ส่วนโหมด Quality ยังล็อกที่ 30FPS
- เมื่อเทียบกับ PS5 พบว่ารายละเอียดของตึกและวิวระยะไกลคมชัดกว่า
Demon’s Souls (ไม่ได้เทียบกับ PS5)
- มีโหมดกราฟฟิกพิเศษ “PS5 Pro” mode ที่หาจุดสมดุลระหว่าง กราฟฟิกและความลื่นไหล
- โหมด Cinematic เจอ FPS drops ชัดเจน ในขณะที่ Performance mode ทำผลงานได้ดีโดยแลกกับกราฟฟิกเพียงเล็กน้อย
สรุปความแตกต่างระหว่าง PS5 กับ PS5 Pro ในเกมที่ทำการทดสอบ
แต่ละเกมทดสอบทั้ง Performance Mode (60FPS) และ Resolution Mode (กราฟฟิก, 30FPS). ในขณะที่ PS5 Pro ไม่สามารถดันถึง 60FPS ได้เมื่อปรับโหมดเน้นกราฟฟิก แต่ Performance Mode เกมเพลย์นั้นลื่นไหลกว่าอย่างเห็นได้ชัด เรียกว่าน่าจะเหมาะกว่าหากต้องการซื้อ PS5 Pro มาแทนที่ ก็ควรเน้นเล่นในโหมดนี้(ได้ทั้งกราฟฟิก และเกมเพลย์)
การวิเคราะห์ประสิทธิภาพ
PS5 Pro รักษาระดับ 60FPS ได้ดีในโหมด Performance แต่อาจมี FPS Drrop ได้บ้างในฉากที่มีการต่อสู้หรือแสงซับซ้อน
แสดงรายละเอียดพื้นผิวและเอฟเฟกต์การสะท้อนได้ดีกว่า โดยเฉพาะในเกมที่มีฉากเมืองขนาดใหญ่
ระบบแสงและเงาถือเป็นจุดเด่นที่เห็นได้ชัดใน PS5 Pro
สรุปควรอัพเกรดจาก PS5 เป็น PS5 Pro หรือไม่
ภาพรวมสิ่งที่ได้เพิ่มมา
PS5 Pro มาพร้อมกับการปรับปรุงที่เห็นได้ชัดในด้านคุณภาพของภาพและความรู้สึกเหมือนจริง โดยเฉพาะในด้านเทคโนโลยี Ray Tracing ความคมชัดของพื้นผิว และความเสถียรของเฟรมเรต อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการปรับปรุงด้านกราฟฟิกเหล่านี้ ความแตกต่างอาจไม่ชัดเจนมากนัก แม้แต่การเปรียบเทียบภาพถ่ายหน้าจอจากโหมดต่างๆ ผู้เล่นจำเป็นต้องมองอย่างละเอียดถี่ถ้วนจึงจะสังเกตเห็นความแตกต่างได้
ส่วนการเพิ่มประสิทธิภาพในด้านความเร็วในการโหลดและการประมวลผลโดยรวมนั้น เรีรยกว่าน้อยจนผู้เล่นส่วนมากอาจไม่รู้สึกด้วยซ้ำ
ควรอัพเกรดจาก PS5 เป็น PS5 Pro หรือไม่?
เหมาะสำหรับ:
- ผู้ที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพภาพระดับสูงทั้งเำกมเพลย์และ performance พร้อมทั้งมีงบประมาณเพียงพอ (ในส่วนของ performance ไม่ไดต่างกันมากนัก เน้นสายกราฟฟิกมากกว่า)
- ผู้ที่ต้องการอัพเกรดจาก PS4 และมีงบประมาณเพียงพอ
ไม่จำเป็นสำหรับ:
- ผู้ใช้ PS5 ที่เน้นการเล่นเกมที่ลื่นไหลมากกว่าภาพที่สวยงาม ซึ่งไม่มีปัญหากับเครื่องคอนโซลเดิมที่ตนเองมีอยู่
- ผู้ที่มีงบประมาณจำกัด (แนะนำ PS5 Slim ที่คุ้มค่ากว่า)
โดยสรุป PS5 Pro มีการปรับปรุงด้านภาพที่เห็นได้ชัด แต่อาจต้องสังเกตอย่างละเอียดจึงจะเห็นความแตกต่าง ส่วนการปรับปรุงด้านความเร็วในการโหลดและประมวลผลนั้นอาจไม่ส่งผลกระทบมากนักสำหรับผู้เล่นส่วนใหญ่ และสุดท้ายเงินในกระเป๋าเป็นของเกมเมอร์แต่ละคน ดังนั้นใครจะซื้อหรือไม่ซื้อก็ไม่มีคำตอบที่ถูกต้องนั่นเอง
อย่าลืมติดตาม Gamer555 เพื่อไม่พลาดข่าวสารเพิ่มเติมที่น่าสนใจ
Discussion about this post