Gamer555
  • หน้าแรก
  • เกี่ยวกับเรา
  • เว็บไซต์อื่นของเรา
    • GamerBraves
    • Wanuxi
    • Gamer Santai
    • GamerWK
No Result
View All Result
  • หน้าแรก
  • เกี่ยวกับเรา
  • เว็บไซต์อื่นของเรา
    • GamerBraves
    • Wanuxi
    • Gamer Santai
    • GamerWK
No Result
View All Result
Gamer555
No Result
View All Result

คุยหลังเล่น Dragon Ball: Sparking! Zero โหมดต่างๆ สนุกทุกโหมด

Norrachai Anansakdakul by Norrachai Anansakdakul
8 months ago
in Playstation, Xbox, ทั้งหมด, รีวิว, รีวิวเกม, เกมคอนโซล, เกมพีซี
Reading Time: 2 mins read
0 0
คุยหลังเล่น Dragon Ball: Sparking! Zero โหมดต่างๆ สนุกทุกโหมด
Share on FacebookShare on Twitter

Dragon Ball เป็นแฟรนไชส์หนึ่งที่ไม่มีวันตาย นอกจากมังงะและอนิเมะแล้ว การดัดแปลงเกมยังคงมีอยอย่างต่อเนื่องและได้รับความสนใจจากแฟน ๆ และผู้เล่นใหม่เสมอ และภาคล่าสุดกับ Dragon Ball: Sparking! Zero ซึ่งจะวางจำหน่ายในปีนี้ ซึ่งเราได้ลองเล่นตัวเกมในเซสชั่นตัวอย่างที่ Bandai Namco มอบให้ ในเซสชั่นตัวอย่างนี้ เราได้เล่นโหมดหลักทั้งสามโหมดที่นำเสนอ: Episode Battle, Custom Battle และ Split-Screen Battle มาดูกันว่าเป็นอย่างไรบ้างใน พรีวิว Dragon Ball: Sparking! Zero

Episode Battle สัมผัสเรื่องราว Dragon Ball ในมุมมองใหม่

Episode Battle เป็นโหมดเล่นคนเดียวที่คุณสามารถเล่นเป็นหนึ่งในแปดตัวละครและสัมผัสเรื่องราวชุดหนึ่งและย้อนรำลึกการต่อสจากมุมมองของตัวละครที่คุณเลือก – ตั้งแต่ภาคแรกของ DRAGON BALL Z ไปจนถึง Tournament of Power arc ของ DRAGON BALL SUPER

Related Posts

Tokyo Game Show 2025 กับข้อมูลการเปลี่ยนธีมใหม่ครั้งใหญ่

รีวิว Capcom Fighting Collection 2 รำลึกยุคทองเกมต่อสู้ กับการกลับมาของตำนาน

สิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้น คือผู้เล่นสามารถเปลี่ยนวิธีที่เรื่องราวดำเนินไปได้ ขึ้นอยู่กับการต่อสู้และการเลือกตอบ ซึ่งตัวละครที่เราได้ลองเล่นในเซสชั่นตัวอย่างนี้คือ โกคู, โกคูแบล็ก และ ฟรีเซอร์ แต่จะมีตัวละครที่เล่นได้ทั้งหมดแปดตัวในเกมเต็ม ตอนของ โกคู เริ่มต้นด้วยการเผชิญหน้ากับ ราดิซ ซึ่งได้ลักพาตัว โกฮัง และบอกให้ โกคู ฆ่ามนุษย์โลกหนึ่งร้อยคนภายในยี่สิบสี่ชั่วโมง

และนี่คือจุดที่ Episode Battle นำเสนอทางเลือกให้ผู้เล่นได้ตัดสินใจครั้งแรก ซึ่งคุณสามารถเลือกที่จะร่วมทีมกับ Piccolo หรือไปคนเดียวก็ได้ หากเราไปด้วยกันก็จะเป็นไปตามเนื้อเรื่องเดิมแต่หากเราไปคนเดียวก็จะเกิดทางเดินใหม่ซึ่งจะไม่ขอสปอยล์ในตอนนี้

ตอนของ โกคูแบล็ก เริ่มต้นด้วยการที่เขาและ ซามัส พยายามทำลายมนุษย์ทุกคนซึ่งท้ายที่สุดจะได้ต่อสู้กับ ทรังค์ส, โกคู และ เวจิต้า ที่ถูกนำมาจากอดีตในโลกที่แตกต่างกัน

ตอนของ ฟรีเซอร์ เริ่มต้นด้วยการที่ ฟรีเซอร์ และทหารของเขามาถึงดาว นาเม็ก เพื่อค้นหา Dragon Balls เพื่อความเป็นอมตะที่พวกเขาสามารถมอบให้ได้ แต่เราจะได้เห็นมุมมองที่ เบจิต้า กำลังเอาชนะทหารของเขาหลายคน จนสุดท้ายเรื่องดำเนินไปถึง หน่วยรบกีนิว ที่ทำให้ ฟรีเซอร์ สามารถครอง Dragon Balls ทั้ง 7 ได้

หนึ่งในฟีเจอร์เจ๋ง ๆ ที่ต้องพูดคือถึงคือฟีเจอร์กล้องบุคคลที่หนึ่งในบางคัทซีน ทำให้เราได้เห็นฉากต่างๆ ผ่านตาของตัวละครที่อยู่ในเรื่อง ช่วยให้เราอินกับเนื้อเรื่องที่อยู่ตรงหน้ามากขึ้น

ถึงแม้จะมีเนื้อหาต่างๆ ที่ยอดเยี่ยม แต่บางคัทซีนจะรู้สึกไม่มีอารมณ์จากการที่ขาดแอนิเมชันนอกจากใบหน้าตัวละครและผมที่ปลิวไปตามลม โดยทีมงานได้ใช้การพากย์เสียงในการกลบจุดอ่อนนี้และทำให้เรามองข้ามจุดเล็กๆ ได้ และดื่มด่ำไปกับ Dragon Ball ที่เคยรู้จักหรือเรื่องราวทางเลือกใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น

Custom Battle Mode: สร้างสรรค์ฉากต่อสู้ตามใจชอบ

Custom Battle เป็นเรียกว่าจินตนาการสำคัญกว่าความรู้ เราสามารถใช้ความสร้างสรรค เนรมิตฉากต่อสู้ตามกำหนดเองและเล่นผ่านฉากเหล่านั้น หรือจะปล่อยรันตามที่เราต้องการ เอาเป็นว่าเราสามารถสร้างการต่อสู้สุด Epic ได้ หรือจะสร้างฉากฮาเป็นมีมก็ยังได้

ปัญหาในการเล่นช่วงพรีวิวคือเรามีเวลาน้อยเกินไป จนได้ลองเล่นแค่เบื้องต้นไม่ได้สร้างฉากสุดอลังการขึ้นมา แต่ว่าเมื่อเกมเต็มออกมาแล้วเชื่อได้เลยว่าโหมดนี้จะผลาญเวลาของผู้เล่นแลกกับความบันเทิงอย่างมากแน่นอน

สำหรับรายละเอียดของโหมดนี้คร่าวๆ ก่อนจะได้ไปสัมผัสกันจริงๆ นั้น Custom Battle เราสามารถกำหนดเงื่อนไขและการกระทำต่างๆ ได้อย่างละเอียด เช่น บังคับให้ตัวละครทำ Super Attack เมื่อ HP ต่ำกว่า 5% ให้ตัวละครตัวหนึ่งส่งข้อความบทสนทนาเมื่อเวลาผ่านไปหนึ่งนาทีของการต่อสู้ หรือแม้แต่ให้คัทซีนที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับผู้ชนะ

นอกจากนี้เราสามารถคุมช็อตกล้อง ท่าทาง การแสดงสีหน้า เอฟเฟกต์ ข้อความ เพลงประกอบ แม้แต่หน้าจอชื่อเรื่อง และสิ่งที่ดีที่สุดคืแในเมื่อเราอุตส่าห์สร้างฉากที่ทุ่มเวลาไปไม่รู้เท่าไหร่เราก็ต้องแชร์ให้โลกได้เห็น เราสามารถอัปโหลดการต่อสู้แบบกำหนดเองให้ผู้เล่นคนอื่นเอาไปเล่นได้เช่นเดียวกัน

โหมด Split-Screen: สนุกกับการต่อสู้แบบ 1v1

อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่แฟนเก๋า ๆ ต่างรอคอยคือโหมดเล่นหลายคนแบบแบ่งหน้าจอ (Split-Screen) คุณสามารถสนุกกับโหมดนี้ในการต่อสู้แบบ 1v1 ได้ อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์นี้มีให้ใช้เฉพาะในฉาก Hyperbolic Time Chamber เท่านั้นซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายอยู่พอตัว

ตามที่ผู้พัฒนาได้กล่าวไว้ พวกเขาต้องการเน้นการแสดงเอฟเฟกต์พลัง (Ki effects) การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ สภาพแวดล้อมที่ทำลายได้ และการใช้ประโยชน์จากคอนโซลรุ่นใหม่ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากความต้องการของแฟน ๆ พวกเขาจึงต้องเสียสละองค์ประกอบหลักบางอย่างเพื่อนำโหมดเล่นหลายคนแบบแบ่งหน้าจอมาใช้ และหลังจากพิจารณาอย่างรอบคอบ พวกเขาจึงนำมาใช้ แต่เฉพาะในฉาก “Hyperbolic Time Chamber” ซึ่งเป็นฉากที่ไม่มีสภาพแวดล้อมที่ทำลายได้ (สรุปก็คือต้องเลือกระหว่างแบ่งหน้าจอหรือใส่องค์ประกอบอื่น

บทสรุป พรีวิว Dragon Ball: Sparking! Zero

จากการได้ลองเล่น Dragon Ball: Sparking! Zero ครั้งที่สอง เราพบว่าเกมนี้มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้นสำหรับทั้งผู้เล่นเก่าและผู้เล่นใหม่ ผู้เล่นเก่าจะสามารถสัมผัสเรื่องราวที่คุ้นเคยจากมุมมองใหม่ได้ ขณะที่ผู้เล่นใหม่จะได้สัมผัสว่าทำไม Dragon Ball ถึงเป็นตำนาน และอีกส่วนที่อยากเห็นเมื่อเกมวางจำหน่ายคือเรื่องราวสุดสร้างสรรค์ซึ่งผู้เล่นจะคิดขึ้นมาสำหรับโหมด Custom Battle

Dragon Ball Sparking! ZERO จะวางจำหน่ายสำหรับ PlayStation 5, Xbox Series และ PC ในวันที่ 11 ตุลาคม สำหรับการพัฒนาข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับเกม รวมถึงการซื้อเข้าถึง สามารถอ่านเพิ่มเติมได้โดยตรงบนเว็บไซต์ทางการ


อย่าลืมติดตาม Gamer555 เพื่อไม่พลาดข่าวสารเพิ่มเติมที่น่าสนใจ

Tags: BANDAI NAMCODragon Ball: Sparking! ZeroReview
ShareTweetPin
Previous Post

รวมรายละเอียด คอนเสิร์ต YOASOBI ASIA TOUR 2024-2025 ที่ประเทศสิงคโปร์

Next Post

บทสัมภาษณ์ Dragon Age: The Veilguard การก้าวสู่ยุคใหม่ของแฟรนไชส์

Norrachai Anansakdakul

Norrachai Anansakdakul

Book - เภสัชกรผู้เสพติดเกม รวมถึงชอบงานเขียน สามารถหายไปเป็นวัน เพราะการเล่นเกม Turn Base Strategy ได้

Related Posts

Tokyo Game Show 2025 กับข้อมูลการเปลี่ยนธีมใหม่ครั้งใหญ่
ข่าว

Tokyo Game Show 2025 กับข้อมูลการเปลี่ยนธีมใหม่ครั้งใหญ่

May 15, 2025
รีวิว Capcom Fighting Collection 2 รำลึกยุคทองเกมต่อสู้ กับการกลับมาของตำนาน
Nintendo Switch

รีวิว Capcom Fighting Collection 2 รำลึกยุคทองเกมต่อสู้ กับการกลับมาของตำนาน

May 15, 2025
รีวิว DOOM: The Dark Ages – การเล่าเรื่องในยุคกลางที่เกมเพลย์ซับซ้อนกว่า sci-fi
Playstation

รีวิว DOOM: The Dark Ages – การเล่าเรื่องในยุคกลางที่เกมเพลย์ซับซ้อนกว่า sci-fi

May 9, 2025
Next Post
บทสัมภาษณ์ Dragon Age: The Veilguard การก้าวสู่ยุคใหม่ของแฟรนไชส์

บทสัมภาษณ์ Dragon Age: The Veilguard การก้าวสู่ยุคใหม่ของแฟรนไชส์

Discussion about this post

ติดตามเราได้ที่ Facebook

รีวิว

รีวิว Clair Obscur: Expedition 33 เกมระดับ AAA แรกของค่ายที่เปิดตัวได้อย่างยอดเยี่ยม
Playstation

รีวิว Clair Obscur: Expedition 33 เกมระดับ AAA แรกของค่ายที่เปิดตัวได้อย่างยอดเยี่ยม

April 23, 2025
รีวิว Venus Vacation PRISM : DEAD OR ALIVE Xtreme – เกมจีบสาวที่มีทุกสิ่งที่ควรมี
ทั้งหมด

รีวิว Venus Vacation PRISM : DEAD OR ALIVE Xtreme – เกมจีบสาวที่มีทุกสิ่งที่ควรมี

April 16, 2025
รีวิว Xenoblade Chronicles X: Definitive Edition แม้จะเกมเก่า แต่ยังเก๋าอยู่
Nintendo Switch

รีวิว Xenoblade Chronicles X: Definitive Edition แม้จะเกมเก่า แต่ยังเก๋าอยู่

April 8, 2025
พรีวิว Den of Wolves เอกลักษณ์การปล้นเป็นทีม ในโลกอนาคต
ทั้งหมด

พรีวิว Den of Wolves เอกลักษณ์การปล้นเป็นทีม ในโลกอนาคต

April 1, 2025
พรีวิว DOOM: The Dark Ages ความมันส์สุดเดือดในยุคกลาง
ทั้งหมด

พรีวิว DOOM: The Dark Ages ความมันส์สุดเดือดในยุคกลาง

March 31, 2025
พรีวิว Clair Obscur: Expedition 33 หนึ่งในที่มีโอกาสเป็นเกมยอดเยี่ยมของปี 2025
Playstation

พรีวิว Clair Obscur: Expedition 33 หนึ่งในที่มีโอกาสเป็นเกมยอดเยี่ยมของปี 2025

March 4, 2025 - Updated on March 7, 2025
  • ติดต่อเรา
  • สำหรับนโยบายความเป็นส่วนตัว

© 2023 - 2025 Digital Braves Media Group Sdn Bhd

No Result
View All Result
  • Home
  • ติดต่อเรา
  • สำหรับนโยบายความเป็นส่วนตัว
  • เกี่ยวกับเรา

© 2023 - 2025 Digital Braves Media Group Sdn Bhd

Welcome Back!

Login to your account below

Forgotten Password?

Retrieve your password

Please enter your username or email address to reset your password.

Log In