ทางเราได้รับเกม Assassin’s Creed Mirage และแน่นอนว่าไม่พลาดที่จะมารีวิวให้ฟังหลังจากเล่นมาไปดูกันว่า Assassin’s Creed ในภาคนี้ที่กลับไปสู่รากเหง้าของการลอบสังหารจะเป็นอย่างไรบ้าง
สำหรับใครที่ยังไม่รู้เนื้อเรื่องคร่าวๆ ภาค Mirage จะเป็นการขยายเนื้อเรื่องของตัวละครอย่าง Basim ที่เคยปรากฎตัวใน AC: Valhalla แต่เป็นช่วงเวลาที่ตัวเขายังเยาว์วัยอยู่
สำหรับเนื้อเรื่องในภาคนี้นั้นตรงไปตรงมาด้วยความที่มีเนื้อหาในภาค Valhalla เป็นตัวกำหนดความเป็นไปของ Basim ดังนั้นหากเล่นแบบไม่เถลไถลมากก็จะสามารถจบเกมได้ในเวลาประมาณ 20 ชั่วโมง
Stealth & Assassination
Assassin’s Creed Mirage คือเกมที่กลับสู่รากดั้งเดิมของ AC ที่เน้น parkour การลอบเร้น การลอบสังหาร แต่ก็ยังสามารถต่อสู้โดยตรงได้แต่ไม่ได้ง่ายแบบภาคอื่นๆ ช่วงหลัง ดังนั้นตัวเกมก็จะบีบให้เน้นการเล่นแบบลอบฆ่าแทนเพื่อที่จะสามารถผ่านภารกิจอย่างง่ายดาย เท่าที่ผู้เขียนเล่นมาถ้าโดนจับได้โดยที่ศัตรูยังอยู่กันเป็นกลุ่มมีแค่สองทางเลือกคือ วิ่ง หรือไม่ก็ลงไปนอนจมกองเลือด ไม่คุ้มค่าที่จะสู้เลยแม้แต่น้อย
เพื่อเพิ่มความสามารถในการฆ่าแบบลอบเร้นเกมได้ให้อุปกรณ์มาเพิ่มอีก 5 ชนิด ไม่ว่าจะเป็นลูกดอกยาสลบ มีดบิน ระเบิดควัน ตัวล่อเสียง และกับดักอื่นๆ เพื่อให้มีความหลากหลายในการเล่นและสามารถเลือกใช้ได้ตามสถานการณ์
พูดถึงระบบ stealth Basim ถือเป็นตัวละครที่ออกแบบมาในด้านนี้โดยเฉพาะ คือไม่ต้องสนใจว่าถ้าสู้กันตรงๆ ศัตรูจะโหดขนาดไหนถ้าสามารถโจมตีโดยที่อีกฝั่งไม่รู้ตัวก็ร่วงได้ในทีเดียว หรือแม้กระทั่งมีสกิลที่สามารถสังหารศัตรูแบบต่อเนื่องได้ถ้าอยู่ในระยะ
สิ่งหนึ่งที่ชอบเลยคือการใส่สกิลที่เรียกว่า Assassin’s Focus ซึ่งเป็นสกิลที่ทำให้ฆ่าศัตรูได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่า Basim ถนัดการลอบสังหารขนาดไหน และยังทำให้เล่นเกมได้อย่างราบรื่นเพราะสามารถฆ่าศัตรูได้รวดเดียว 4 คน ซึ่งเอฟเฟคมันดูเท่โคตรๆ
อีกหนึ่งสกิลคือสกิลล้วงกระเป๋า ที่เป็นวิธีการหาเงินซึ่งก็ไม่ได้ง่ายแต่ว่าปล้นใครทีก็คุ้ม แถมเป็นเหมือนอีกดั่งมินิเกมให้เล่นอีกด้วย
ส่วนภารกิจก็ทำให้ผู้เล่นม่เบื่อถึงแม้จะใกล้เคียงกันเพราะเปิดให้มีโอกาสหลากหลายที่จะทำภารกิจให้สำเร็จ ไม่ว่าจะบุกเข้าไปตรงๆ(ใครทำแล้วรอดก็บอกเลยโคตรเก่ง) แอบปีนเข้าไป หรือเดินไปโต้งๆ เพราะว่าติดสินบนการ์ดหน้าประตู ทำให้สายวางแผนรู้สึกสนุกมากขึ้นที่จะค้นหาแต่ละวิธีในการทำภารกิจ
Parkour
ระบบที่ภาคนี้บิวต์มาอย่างมากก็คือ Parkour โดย Basim ถือเป็นหนึ่งในตัวเอกที่ว่องไวมากที่สุดในแฟรนไชส์ ซึ่งก็เหมาะสมในการวิ่งในแบกแดด ซึ่งรวดเร็วกว่าเกมภาคก่อนๆ เป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ยังมีการนำระบบ corner swing กลับมา ซึ่งเป็นการหมุนในมุมขอบที่ปกติจะทำไม่ได้ ทำให้การปีนพริ้วไหวเป็นอย่างมาก เมื่อรวมกับผังเมืองที่สร้างเพื่อให้คนมา Parkour โดยเฉพาะ เพราะว่ามีทั้งเสา บ้านติดกัน เชือก แง่งให้ปีนป่าย สร้างมาเพื่อให้เกิดการลอบสังหารโดยเฉพาะ
Notoriety System
ระบบ notoriety คือระบบที่จะดันให้ผู้เล่นไปเล่นสาย stealth มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้เพราะว่า การขโมย ต่อยคน หรือฆ่าคนแบบโจ่งแจ้งจะทำให้ Basim ถูกมองเป็นจุดสนใจมากขึ้น ซึ่งหากเราไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหมแล้วมีค่านี้สูงมากๆ แค่เดินไปเจอใครในเมืองก็เตรียมโดนรวบได้เลย สำหรับรายละเอียดของระบบนี้มีดังนี้
- Level 1: Guards และ NPCs จะระวังตัวมากขึ้น ถ้าเราไปในที่ที่ห้ามเข้า หรือทำตัวน่าสงสัยเหล่า NPC จะจัดการทันที
- Level 2: เหล่านักธนูจะเกิดบนหลังคามากขึ้น ในเมื่อพื้นที่บนหลังคามันง่ายต่อการวิ่งของเรา ทีมงานเลยแก้เกมโดยใส่ศัตรูบนหลังคามันเสียเลย
- Level 3: Mercenaries จะไล่ล่าคุณ โดยถือเป็นระดับสุดท้าย ถ้าศัตรูคนไหนมีอาวุธ แค่เราเฉี่ยวไปให้เห็น พวกนั้นจะวิ่งไล่กระทืบทันที หรือหากไม่มีอาวุธพวกนั้นก็จะตะโกนเรียกคนมากระทืบเราเช่นกัน แล้วก็ถ้าคิดว่าแค่ศัตรูวิ่งมากระทืบยังยากไม่พอ ศัตรูทั้งหมดจะรีเลือดตลอดเวลาในระดับนี้
สำหรับคนที่พลาดไปแล้วเกมก็ไม่ได้ใจร้ายโดยมีการสร้างระบบเพื่อลด notoriety อย่างแรกก็คือยัดเงิน NPC Mudani (แต่โคตรแพง) ดังนั้นไม่ต้องไปไล่ปาดใครในที่แจ้งให้โดนตั้งค่าหัวดีกว่า
สรุปรวมในระบบนี้ก็เป็นเรื่องที่ดีว่าทำให้ผู้เล่นโฟกัสกับการสังหารเป้าหมายในภารกิจให้สมกับเป็น Assassin จริงๆ ไม่ใช่โดดเข้าไปไล่ปาดทุกคนกลางวง พอมองอีกมุมก็อาจจะเป็นความท้าทายของผู้เล่นอีกแบบที่อยากให้มีค่าหัวแล้วเล่นเกมแบบ hard mode
ระบบความคืบหน้า & กิจกรรมอื่นในเกม
ความคืบหน้าใน AC Mirage ไม่ได้ผ่านการเพิ่ม XP อย่างเดียว แต่จะพัฒนาเป็นเส้นตรงตามเนื้อเรื่องที่คืบหน้าไป ยิ่งถ้า Basim เพิ่มแรงค์มือสังหารได้มากขึ้นเท่าไหร่ เขาก็จะเก่งขึ้นเท่านั้น เปรียบเมือนว่าคนในกลุ่มยอมรับว่าคนที่เก่งระดับนี้ต้องมีความสามารถนี้เป็นต้น
และอย่างที่บอกไปว่าถึงแม้เกมอยากให้ stealth ขนาดไหนแต่คนเราก็ต้องพลาดกันบ้าง และกลายเป็นการต่อสู้ซึ่งหน้า โดยเกมก็ได้สนับสนุนการต่อสู้ตรงนี้โดยการเพิ่มอุปกรณ์ต่างๆ เข้ามาทั้ง เกราะ ชุด อาวุธ ที่สามารถอัปเกรดได้เพื่อทำให้อึดขึ้นหรือโจมตีแรงขึ้น ซึ่งองเหล่านี้ก็พบได้อยู่ตามซอกมุมต่างๆ ดังนั้นใครที่เป็นสายเก็บ 100% เกมมีอะไรให้ปลดล็อคอยู่อีกมากเลยทีเดียว
เมื่อผ่านเนื้อเรื่องและได้สกิลมาแล้วจะยังไม่ได้ลงไปที่ตัวสกิลตรงๆ แต่เราสามารถเลือกสายที่อยากให้ตัว Basim แข็งแกร่งได้ไม่ว่าจะเป็นเน้นลอบฆ่า เน้นการใช้อุปกรณ์ หรือเน้นการต่อสู้ซึ่งหน้า โดยนอกจากเนื้อเรื่องหลักแล้วยังมีภารกิจเสริมหรือการปลดล็อคสิ่งของบางอย่างที่จะทำให้ได้แต้มสกิลมาด้วย
สำหรับผู้เขียนพอไม่มีระบบ XP ก็เท่ากับว่าไม่ต้องไล่ปาศัตรูเยอะๆ รีบทำภารกิจให้เสร็จเดี๋ยวก็ได้สกิลเอง ซึ่งตัดช่วงการฟาร์มอันแสนน่าเบื่อออกไปได้เลย
งานภาพและเสียงในเกม
หากใครยังไม่ได้อ่านพรีวิว (อ่านได้ที่นี่) ในแง่สิ่งแวดล้อมภายในเกมทำออกมาได้ยอดเยี่ยม ตัวเกมจำลองเมืองแบกแดดอันเป็นศูนย์กลางของโลกออกมาได้ดี แน่นขนัด รวมทั้งงานเสียงเพลงประกอบที่ทำออกมาได้เข้ากัน ถ้าคุณไม่ได้แอนตี้อะไรจากตะวันออกกลาง งานภาพและเสียงก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่คุณจะเอนจอยไปกับมัน
ถึงแม้ผู้เขียนจะไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับอิสลามมาก แต่เท่าที่ถามจากเพื่อนมาต้องบอกว่าทีมงานได้ค้นคว้ามาอย่างมากในการทำสิ่งต่างๆ ให้ตรงตามประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมจริงๆ ทั้งภาษา ท่าทาง การแต่งกาย การใช้ชีวิตที่ตรงรีตแบบเป๊ะๆ
ต้องบอกเลยว่าขอบคุณทีมงานที่ใส่ใจขนาดนี้ เพราะนี่นอกจากจะเพลิดเพลินไปกับเกมแล้วยังเหมือนการได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่เราไม่เคยรู้อีกด้วย
Performance ของเกม
เหมือนกับภาคก่อนหน้า AC Mirage มีการปรับกราฟฟิคออกเป็น 2 แบบคือ High Framerate ที่จะทำให้เล่นได้แบบ 60 FPS กับแบบที่เน้นงานภาพแน่นๆ แต่เล่นได้ที่ 30 FPS แทน ซึ่งบน PlayStation 5 ที่ได้ทดลองเล่นมาทั้งสองโหมดไม่มีปัญหาด้าน performance แต่อย่างใด
แต่ก็ไม่ใช่ว่าไร้ที่ติ ตอนที่เล่นผู้เขียนยังได้เจอบัคอยู่บ้าง อย่างบทพูดที่โผล่ออกมาซ้ำทั้งที่ไม่มีใครพูดอยู่ กลายเป็นว่าต้องรอให้บทพูดจบเราถึงจะเล่นต่อได้ กับอีกส่วนหนึ่งก็คือทีมงานไม่ค่อยได้ใส่ใจ UI เท่าไหร่นักเพราะว่าเอา Valhalla กับ Odyssey มาเปลี่ยนสกินเฉยๆ
สรุป
Assassin’s Creed Mirage ตอบสนองกับแฟนเกมที่อยากให้เห็นแฟรนไชส์นักฆ่านี้กลับไปเป็นนักฆ่าสายลอบเร้นอีกครั้ง ืททั้งระบบลอบสังหาร Parkour เกมเพลย์ที่สนับสนุนให้เกิดการลอบฆ่ามากกว่าสู้ซึ่งหน้า ซึ่งสามารถตอบสนองผู้เล่นเก่าที่โหยหา แต่ก็ท้าทายผู้เล่นใหม่สายบู๊เช่นกัน ทั้งเกมยังมีความหลากหลาย มีระบบ RPG หน่อยๆ ให้ปรับเปลี่ยนสำหรับตัว Basim
แต่ในขณะเดียวกันพอเกมไปเล่นสายลอบฆ่าแบบสุดทาง ผู้เล่นใหม่อาจจะไม่ชินและกลายเป็นว่าต้องเล่นเกมที่ยากกว่าปกติ เลยกลายเป็นว่าคนที่ชอบแอคชั่นสุดทางไม่อยากเล่นลอบฆ่าอะไรเลยคงไม่ชอบเกมนี้อย่างแน่นอน
ข้อดี
- การกลับไปสู่รากเหง้าเดิม เน้นลอบฆ่า Parkour
- ระบบต่างๆ ในเกมสนับสนุนการลอบเร้นมากขึ้น
- งานภาพและเสียงยอดเยี่ยม
- เนื้อหาถูกต้องตามประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม
ข้อเสีย
- เกมเพลย์อาจจะยากไปสำหรับผู้ที่ไม่เคยเล่นเกมสายลอบเร้นมาก่อน
- ยังมีบัคที่ควรออกแพทช์แก้ในภายหลัง
- เกมไม่เหมาะแก่ผู้เล่นทุกคน จะมีคนที่ชอบมากเป็นพิเศษ กับไม่ชอบเกมนี้เลย
คะแนน: 9/10
Assassin’s Creed Mirage จะวางจำหน่ายในวันที่ 5 ตุลาคมนี้บน PlayStation 5, PlayStation 4, Xbox Series X|S, Xbox One และ PC
อย่าลืมติดตาม Gamer555 เพื่อไม่พลาดข่าวสารเพิ่มเติมที่น่าสนใจ
Discussion about this post