ก่อนการวางจำหน่ายของ Persona 3 Reload ทางทีมของเราได้รับโอกาสจากทาง SEGA ให้ได้ทดลองเล่นเกมก่อนการวางจำหน่าย แน่นอนว่ามันมีเนื้อหาให้เล่นมากมายและทางเราเตรียมทำรีวิวของเกมนี้อย่างแน่นอน แต่ก่อนอื่นมาดูกันใน พรีวิว Persona 3 Reload นี้ว่าประสบการณ์การเล่นในช่วงชั่วโมงแรกๆ ของเกมเป็นอย่างไร
หนึ่งในสุดยอดเกม JRPGs จากยุค PlayStation 2 Persona 3 ถือว่าเป็นเกมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสูงและต้องยอมรับว่าไม่ได้เข้าถึงผู้คนแบบกว้างขวางโดยเฉพาะเกมเมอร์หน้าใหม่ จนกระทั่งแฟรนไชส์ประสบความสำเร็จในการเข้ามาอยู่ในกระแสหลักจากภาค 5 ที่ผ่านมา และในที่สุด Atlus ก็ได้ทำการรีเมคว่าจุดดั้งเดิมของ Persona นั้นมีอะไรที่เป็นจุดดึงดูด
ก่อนที่จะอธิบายเกมเพลย์และรายละเอียดภายในเกม ยังคงมีหลายคนว่า Persona 3 Reload นี้ทำไมถึงถูกนำมารีเมค แล้วมันต่างจากเวอร์ชั่นก่อนๆ อย่างไรบ้าง แน่นอนว่าการรีเมคนี้ก็ได้มีการปรับเปลี่ยนจากเกมภาคต้นฉบับทั้งเพิ่ม QoL ทำให้เล่นได้ง่ายและสะดวกสบายมากขึ้น อีกส่วนหนึ่งก็คือการรีเมคนี้มาแค่เฉพาะภาคหลัก ดังนั้นจะไม่มีเนื้อหาของ Persona 3 FES และ Persona 3 Portable อย่างฉาก Prologue หรือตัวละครเอกหญิงก็จะถูกตัดออกไป
เนื้อด้วยการตัดเนื้อหาใหญ่สองส่วนดังกล่าวทำให้ผู้เล่นหลายคนอาจจะมองว่ารีเมคนี้ยังไม่ใช่เวอร์ชั่นสุดท้ายของเกม ซึ่งจากบทสัมภาษณ์ที่เราเคยพูดคุยกับทางทีมพัฒนาพวกเขาก็ยืนยันว่าเหตุผลที่ทำแบบนี้เพราะพวกเขาเลือกที่จะเน้นไปที่เกมภาคต้นฉบับเดี่ยวๆ ดังนั้นนอกจากเนื้อหาที่ถูกเพิ่มขึ้นมาในภาคเสริม ทีมงานยังคงเก็บเอาไว้หมด และผู้เล่นสามารถคาดหวังได้ว่านี่คือเกมที่สมบูรณ์แล้วจริงๆ (แถมยังมีระบบที่เพิ่มมาอย่าง Aigis social link ด้วยนะ)
ก้าวเข้าสู่ Tatsumi Port Island
การผจญภัยภาคนี้เริ่มต้นที่ Tatsumi Port Island ซึ่งตัวเอกของเราเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนมาอยู่ในโรงเรียน Gekkoukan High ซึ่งนอกจากชีวิตการเรียนตามปกติแล้วยังมีเหตุการณ์ประหลาดที่เรียกว่า Dark Hour เกิดขึ้น ผลสุดท้ายตัวเอกเราก็ได้รู้ความจริงของปรากฎการณ์นี้และได้เข้าร่วมกับหน่วย S.E.E.S. (Specialized Extracurricular Execution Squad) หรือที่จริงคือชมรมที่มีเป้าหมายในการกำจัดสัตว์ประหลาด Shadows และควบคุมเหตุการณ์ Dark Hour
ซึ่งถ้าหากใครเคยเล่นเกมภาคอื่นๆ เช่นภาค 4 หรือ 5 โครงสร้างเนื้อเรื่องของเกมจะมีความคล้ายคลึงกันซึ่งทั้งหมดก็มาจากการพัฒนาของ Persona 3 ที่ก้าวกระโดดจากภาคก่อนๆ ด้วยการผสมชีวิตประจำวัน การมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนหรือคนรู้จัก ซึ่งทำให้เกมเพลย์นั้นยาวขึ้นและไม่น่าเบื่อตามไปด้วยเพราะจะมีทั้งช่วงที่เราได้เรียนรู้วิถีชีวิตของตัวละคร ก่อนที่จะเข้าไปสู่เกมเพลย์การต่อสู้อย่างภาคนี้ก็คือการต่อสู้ของทีม S.E.E.S. ในตอนกลางคืน
สำหรับความรวดเร็วของการดำเนินเรื่อง Persona 3 Reload ยังมีความเร็วในการคืบหน้าที่ดึงมาจากเกมต้นฉบับ เรียกว่าทีมงานทำฉากทุกฉากที่เคยมีใหม่แบบครบถ้วน เพิ่มเติมคือความสมเหตุสมผล ความนุ่มลึกของการเล่าเรื่องเพื่อทำให้เราอินกับบทสนทนาระหว่างตัวละคร ซึ่งต้องชมเหล่านักพากย์ที่ทำงานในส่วนนี้ออกมาได้ยอดเยี่ยมโดยเฉพาะเวอร์ชั่นญี่ปุ่น ซึ่งส่วนมากใช้นักพากย์ชุดเดิมเกือบทั้งหมด(เรียกว่าได้ความรู้สึกกลับไปวัยเด็กอีกครั้งจริงๆ)
งานภาพที่พัฒนาขึ้นอย่างมาก
หากเป็นภาครีเมค สิ่งที่ทุกคนถามถึงก็คืองานภาพ ซึ่งหลายคนอาจจะได้ไปสัมผัสมากับตัวแล้วในงาน Thailand Game Show 2023 ที่ผ่านมา ซึ่งนอกจากฉากเกมเพลย์แอคชั่นต่อสู้แล้ว ฉากดำเนินเนื้อเรื่องระหว่างวันก็ทำได้ดี บางคนอาจจะเอาไปเปรียบเทียบว่ายังไงมันก็ต้องดีกว่าภาคต้นฉบับอยู่แล้ว ให้เทียบกับ Persona 5 ที่เป็นเกมภาคล่าสุดดู แต่ถึงจะเอาไปเปรียบเทียบกับ Persona 5 แล้ว Persona 3 Reload ก็ยังแสดงให้เห็นถึงการอัปเกรดของกราฟฟิคภายในเกมทั้งความสมจริงของตัวละคร 3D ภายในเกม ดีเทลย่อยที่อยู่ตามฉากตามตัวละคร แสงและสภาพแวดล้อมที่เกิดขึ้น สีหน้าของตัวละครที่ตรงตามงานภาพที่แสดงขึ้นในกรอบคำพูด เรียกว่านี่คือที่สุดของ Atlus กับแฟรนไชส์ Persona ในตอนนี้
ในแง่ของส่วน animation หรือคัทซีนซึ่งทำออกมาได้อย่างน่าประทับใจเช่นกัน เหมือนเราได้ดูอนิเมะดีๆ เรื่องหนึ่ง ทั้งความลื่นไหลของ motion capture การให้เสียงของเหล่านักพากย์ หรืออีกส่วนที่ไม่ได้เกี่ยวกับกราฟฟิคภายในเกมมากอย่าง UI ที่ไม่ได้พูดถึงการใช้งานแต่พูดถึงองค์ประกอบศิลป์ล้วนๆ ก็บ่งบอกได้ว่านี่คือการตั้งมาตรฐานสำหรับเกมในอนาคตของ Atlus อย่างชัดเจน แต่ทั้งหมดก็ยังไม่หลุดออกจากความเป็น Persona หรือหลุดออกจากการเป็นภาคต้นฉบับ
เกมเพลย์
อันที่จริงส่วนนี้ผู้เขียนเคยกล่าวถึงแล้วตอนพรีวิวเดโมที่ได้เล่นมาไม่ว่าจะที่ Tokyo Game Show หรือ Thailand Game Show แต่ถ้าให้เทียบสิ่งที่ได้สัมผัสมาเมื่อเล่นเกมเต็มแล้วต้องบอกว่า Persona 3 Reload คือเกมที่ทำให้ติดหนึบเลย(ต้องบอกว่าตัวเกมเป็นสไตล์ที่ผู้เขียนชอบด้วยส่วนหนึ่ง) ตอนที่เล่นเดโมนั้นมีเวลาจำกัดทำให้เราอยากรู้ว่ามันมีอะไรบ้างภายในเดโมทั้งสองส่วน แต่พอได้มีเวลาเล่นจริงๆ ทำให้เราค่อยๆ สำรวจภายในเกม การต่อสู้แบบ classic turn-based ที่ทำให้มีเวลาคิดกับข้อมูลที่เราเก็บรวบรวมมา รวมถึงระบบการต่อสู้ใหม่ๆ ที่ทำให้เกมดูตื่นเต้นขึ้นอย่าง Shift system(Baton Pass จาก Persona 5) การที่แต่ละตัวละครมีจุดเด่นแตกต่างกันทำให้เราต้องคิดในการเลือกใช้นั่นเอง
และต้องเทียบกับ Persona 5 อีกครั้ง(ระบบมันคล้ายกันเยอะ) สิ่งที่ทำให้แตกต่างด้านเกมเพลย์ต่อสู้ก็คือความลื่นไหล ไม่ว่าจะเป็นการวิ่งในฉาก หรือในช่วงระหว่างการต่อสู้ เนื่องด้วยกราฟฟิคและการควบคุมที่พัฒนามากขึ้น UI ที่รวดเร็วถึงแม้จะเป็นจุดเล็กๆ ที่หากเล่นไปแล้วอาจจะไม่ได้ทันสังเกตแต่ว่ามันทำให้ภาพรวมของเกมดีขึ้นตามไปด้วย
นอกจากนี้ผู้เขียนรวมกับเพื่อนๆ ภายในทีมได้ลองทำการเปรียบเทียบให้เห็นชัดๆ ด้วยการขุดเซฟเก่าที่เคยเล่น Persona 3 FES และ Persona 3 Portable แน่นอนว่าของเก่าคือความรู้สึกดีๆ ในวัยเด็ก แต่ Persona 3 Reload คือสิ่งที่มากับยุคสมัยใหม่และต้องยอมรับว่ามันดีกว่าจริงๆ
ความรู้สึกโดยรวม
ในฐานะแฟนตัวยงของ Persona และเริ่มต้นรู้จักครั้งแรกจาก Persona 3 (และนี่คือสุดยอดเกม RPG ที่ครั้งหนึ่งในชีวิตคุณควรได้ลองเล่น) Persona 3 reload คือการรีเมคแบบจริงจังครั้งแรกในแฟรนไชส์นี้ มีการปรับปรุงที่ทีมงานเคารพว่ารากฐานของเกมและสิ่งที่ควรมีภายในเกมเป็นอย่างไร ถึงแม้จะไม่ได้มีสิ่งใหม่ที่แหวกแตกต่าง แต่แน่นอนหากมีของใหม่ออกมาแล้วมันเป็นสิ่งที่ทำให้เกมโดยรวมแย่ลงหรือแสดงถึงความไม่เคารพในเกมภาคต้นฉบับก็คงโดนสับเละอยู่ไม่น้อย ดังนั้นคนที่เล่น Persona 3 reload สามารภคาดหวังได้ว่านี่คือภาครีเมคที่ยอดเยี่ยมของ Persona 3 และสำหรับผู้เล่นใหม่การเริ่มเล่นภาคนี้เป็นภาคแรกก็ไม่ทำให้ผิดหวังเช่นเดียวกัน นี่คือคำสรุปของ พรีวิว Persona 3 reload นี้
Persona 3 Reload เตรียมวางจำหน่ายในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2024 บน Xbox Series X|S, Xbox One, PlayStation 4, PlayStation 5 และ PC รายละเอียดเพิ่มเติมในแต่ละเวอร์ชั่นสามารถอ่านได้ที่นี่
อย่าลืมติดตาม Gamer555 เพื่อไม่พลาดข่าวสารเพิ่มเติมที่น่าสนใจ
Discussion about this post