ด้วยความเป็นแฟรนไชส์ในตำนานอย่างไดตะลุยแดนเวทมตร์ รวมพลังกับ Dragon Quest แน่นอนว่าหลายคนก็สนใจเกม Infinity Strash: Dragon Quest The Adventure of Dai เป็นอย่างมากว่าจะทำออกมาได้ดีแค่ไหน ซึ่งทางเราก็ได้รับเกมจากทางผู้จัดจำหน่ายให้โค้ดมารีวิวกันในวันนี้
*ภายในรีวิวเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เล่นอาจจะเปลี่ยนแปลงได้ตามแต่บุคคล
เนื้อเรื่องแบบตรงตามต้นฉบับ
ในเกมนี้เนื้อเรื่องเรียกว่าทำออกมาได้เคารพต้นฉบับทั้งฉบับการ์ตูนและอนิเมะ แต่ก็ตรงตัวมากเกินไปอยู่พอควร ด้วยเนื้อเรื่องของไดที่ต้องบอกว่าอาจจะไม่ดึงดูดกับเด็กรุ่นใหม่ในสมัยนี้ และแฟนเก่าๆ อย่างผู้เขียนก็รู้สึกว่ามันเหมือนเดิมแทบจะทุกอย่างทำให้คาดเดาทั้งหมดได้ตั้งแต่เริ่มเกมเลยทีเดียว ทั้งที่อย่างน้อยอยากให้มีการใส่อะไรเพิ่มเติมมาโดยที่ยังไม่ไปทำลายแกนหลักของเนื้อเรื่องน่าจะเป็นทิศทางที่ดีกว่า
ความหนักที่สุดของเกมก็คือฉากคัทซีนเล่าเนื้อเรื่องที่น่าจะเป็นจุดดึงดูดของเกม เพราะเหล่าแฟนยุคเก่าจะได้เห็นการ์ตูนที่รักกลับมาโลดแล่นอีกครั้งในกราฟฟิคสมัยใหม่ แต่ฉากส่วนมากดันเป็นแค่รูปนิ่งที่เอามาจากอนิเมะปี 2020 แบบทั้งดุ้นแล้วใส่ซับเอาแทน จะมีแค่ฉากสำคัญแบบพิเศษใส่ไข่เท่านั้นจึงจะได้ 3D คัทซีน(ซึ่งบอกตรงๆ ว่ามันดีมาก แต่ทำมาน้อยเหลือเกิน) คือถ้าส่วนมากทำมาเป็น 3D ตคัทซีนเกมนี้จะดึงดูดจุดสนใจของแฟนยุคเก่าได้เป็นอย่างมากแน่นอน
ความวอดวายอีกอย่างหนึ่งก็คือเนื้อเรื่องมันไม่จบ อย่างที่มีการสัมภาษณ์ของทีมพัฒนาก่อนหน้าทางทีมทำเนื้อเรื่องถึงแค่กึ่งกลางเท่านั้นเอง นั่นทำให้เนื้อเรื่องส่วนมากไม่ได้รับการเติมเต็มแล้วก็ค้างอยู่กลางอากาศ แถมยังไม่มีแผนที่จะทำ DLC หรือภาคต่อแต่อย่างใดในปัจจุบัน ผลสุดท้ายเล่นเสร็จกลับไปเปิดหนังสือการ์ตูนเก่าเก็บที่บ้านมาอ่านต่อให้หายอยากเลยทีเดียว 555
โครงสร้างเกมและระบบพัฒนาตัวละครน่าเบื่อ
ขยี้กันเรื่องเนื้อเรื่องกันเยอะแล้วในฐานะแฟนบอยเก่าๆ แต่ต่อให้ที่ขยี้ด้านบนมาไม่โอเค ถ้าเกมเพลย์นั้นสนุกก็สามารถชดเชยได้ ผลปรากฎว่าภายในเกมทำมาเป็นเส้นตรงแบบตรงกว่านี้ไม่มีอีกแล้วต่างจากเกม JRPG อื่นๆ ที่มักเปิดโอกาสให้มีพื้นที่สำรวจหลากหลาย แต่ในนี้กลับตั้งให้ทุกอย่างอิงกับเนื้อเรื่องแบบเป๊ะๆ นอกลู่นอกทางไม่ได้เลยแม้แต่น้อยทำให้มีความรู้สึกสงสัยตอนเล่นอยู่เหมือนกันว่าทำระบบ minimap มาทำไมในเมื่อมันเดินยังไงก็ไม่หลง
อีกหนึ่งจุดที่แย่นอกจากจะไม่มีอะไรให้ตื่นเต้นระหว่างสำรวจแล้ว ปัญหาอีกอย่างก็คือในเนื้อเรื่องหนึ่งบทนั้นจะมีหลายแผนที่ แต่ทุกแผนที่ดันใช้ layout เหมือนเดิมเกือบทั้งหมด อาจจะเปลี่ยนนิดหน่อยเพราะตัวภารกิจต่างกันทำให้การทำภารกิจครั้งหลังๆ รู้สึกน่าเบื่อเป็นอย่างมาก
ระบบการต่อสู้ที่ไม่สามารถเป็นจุดขายได้
มาถึงเรื่องระบบการต่อสู้ การที่ทางทีมงานเลือกที่จะทำไดตะลุยแดนเวทมนตร์ในภาค Infinity Strash ทำให้เราคาดหวังกับระบบการต่อสู้เป็นพิเศษ ผลปรากฎว่ามันก็ยังน่าผิดหวังอยู่ดี แต่ละตัวละครมีแพทเทิร์นก็คือ ท่าโจมตีธรรมดา ช่องสำหรับใส่สกิล 2 สกิล ช่องสำหรับเวทมนตร์อีก 1 ช่อง และท่าไม้ตายหรือท่าพิเศษอื่นๆ ทุกตัวอยู่แยกกันแบบตัวใครตัวมันแยกระดับที่แยกกับตัวเอง ไม่มีคอมโบของตัวเอง ไม่มีท่าประสาน ทั้งที่เป็นเกมสายแอคชั่นแต่พอกดท่าจะมีจังหวะหน่วงซึ่งทำให้รู้สึกระหว่างต่อสู้อืดอาดยืดยาดเป็นอย่างมาก (ถ้าเป็น Turn base จะไม่ว่าอะไรเลย)
และพอทุกการกระทำมันมีจังหวะหน่วงไม่ลื่นไหลแบบเกมแอคชั่นยุคใหม่ แต่เมคคานิคของบอสต่างๆ ถูกใส่มาเป็นยุคใหม่ ทั้งรูปแบบการโจมตีที่เปลี่ยนไปตามเวลา มีหลายร่างๆ มีคัทซีนดีๆ แต่ผลก็คือกลายเป็นทำให้ยิ่งเล่นยิ่งหงุดหงิดเพราะเหมือนเราต้องนั่งอ่านอนาคตเพราะการใช้ท่าหลบ หรือ block นั้นยากมากๆ เวลาที่บวกจังหวะหน่วงเข้ามาเกี่ยวข้อง
แต่อย่างที่บอกว่าตัวระบบการต่อสู้มันไม่ได้แย่มาก แค่มันเอามาเป็นจุดขายดึงส่วนอื่นไม่ไหว เพราะนอกจากบอสที่ทำออกมาได้ดีแล้ว ตัวละครแต่ละตัวถึงจะมีแพทเทิร์นเดียวกัน แต่ก็มีเอกลักษณ์ในการเล่นชัดเจน ระบบการสลับตัวละครระหว่างต่อสู้ก็ทำออกมาได้ดี
ระบบการปรับแต่งตัวละครและ Temple of Recollection
Infinity Strash: Dragon Quest The Adventure of Dai คือเกม RPG จ๋าๆ อย่างไม่ต้องสงสัย ดังนั้นการปรับแต่งตัวละคร การเพิ่มความแข็งแกร่งการเลือกเส้นทางจึงเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งในเกมก็นำเสนอรูปแบบหลากหลายในการพัฒนาปาร์ตี้ ซึ่งจุดนี้ไม่มีอะไรให้ติและทำออกมาได้ดีกับระบบอัปเกรด พัฒนาต่างๆ
และอีกหนึ่งระบบที่ทีมงานขายมามากอย่าง Temple of Recollection ที่ถือว่าเป็นอีกหนึ่งโหมดของเกมที่แยกออกมาแต่ยังส่งผลต่อการอัปเกรดตัวละคร โดยตัวดันเจี้ยนจะเป็นแบบ Rougelike แต่ผลที่ปรากฎก็คือการเล่นแต่ละครั้งมันจำเจมากๆ เกินไปถึงแม้จะมีอะไรมาเปลี่ยนก็เถอะ เพราะตัวรูปแบบดันเจี้ยนเหมือนเดิมแทบไม่เปลี่ยนแปลง แถมช่วงเวลาการลงดันก็น้อยไปมากทั้งๆ ที่เวลาเล่น Rougelike ปกติสิ่งที่อยากได้ก็คือการตายเกิดวนเวียนลองผิดลองถูกไปเรื่อยๆ แต่เข้าใจได้ว่าทีมงานอยากทำโหมดนี้ให้เป็นมิตรเพราะตัวโหมดนี้ทำให้ผ่านเนื้อเรื่องง่ายกว่าเดิมด้วยจากไอเทมที่ดรอปมา
สรุป
สำหรับใครที่ไม่ได้เป็นแฟนไดตะลุยแดนเวทมนตร์ เกมนี้ถือว่าน่าผิดหวังเป็นอย่างมากกับระบบต่างๆ ที่ทำมาภายในเกมเพราะยิ่งไม่มีความผูกพันธ์หรือรู้จักเป้นทุนเดิมทำให้เกมนี้น่าเบื่อมากแบบรวดเร็วจากเกมเพลย์ภายใน หรือกลับกันถ้าเป็นแฟนตัวแฟรนไชส์นี้อยู่แล้ว ก็จะรู้สึกแย่ที่ว่าตัวเกมไม่ได้ขยายจักรวาลหรือพัฒนาอะไรให้เนื้อเรื่องเลยแม้แต่น้อย ซ้ำร้ายยังดึงของเก่ามาใช้แบบดื้อๆ อาจจะมีส่วนที่น่าดีใจอยู่บ้างตรงคัทซีน 3D ซึ่งทำออกมาได้โอเคเลยทีเดียว
อีกหนึ่งสิ่งที่ยังไม่ได้พูดถึงก็คือ performance ในการเล่นในเครื่องต่างๆ อันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งข้อดีตรงที่ว่าตัวเกมทำออกมาได้อย่างหมดจดไม่มี FPS drop เกมระเบิด บัค หรืออะไรที่ผิดพลาดทางเทคนิคซึ่งพัฒนามาอย่างมากจากช่วงเดโม (ลองเล่นใน Nintendo Switch) ที่ตอนนั้น FPS กระตุกแบบต่อเนื่อง แต่ในรอบนี้ไม่ได้มีปัญหาแต่อย่างใด
ข้อดี
- ฉากคัทซีน 3D ในเนื้อเรื่องทำออกมาได้เยี่ยมมาก
- optimized มาดีเกมไม่มีปัญหาทางเทคนิคในการเล่น
ข้อเสีย
- ระบบความก้าวหน้าในเกมซ้ำซากและน่าเบื่อ
- แม้ฉากคัทซีนจะดีแต่ดันมีน้อยแล้วที่เหลือเป็นแค่ screenshot จากอนิเมะ
- ไม่มีการออกแบบแผนที่ และมีการใช้ซ้ำเยอะเกินไป
- ระบบการต่อสู้ติดขัด เชื่องช้าไม่เป็นสไตล์แอคชั่นเท่าไหร่
5/10 คะแนน
Infinity Strash: Dragon Quest The Adventure of Dai วางจำหน่ายแล้ววันนี้บน PlayStation 5, Xbox Series, PlayStation 4, Switch และ PC
อย่าลืมติดตาม Gamer555 เพื่อไม่พลาดข่าวสารเพิ่มเติมที่น่าสนใจ
Discussion about this post