ทีมของเราได้รับเชิญจาก Bandai Namco Entertainment Singapore ให้เข้าร่วมพรีวิวเกม Elden Ring Nightreign ซึ่งทำให้เราได้เห็นภาพที่ชัดเจนขึ้นเกี่ยวกับแนวคิดของเกม และศักยภาพของมันในฐานะเกมแนว soulslike ที่มอบประสบการณ์ co-op ที่ดีที่สุด อยากรู้ว่าสิ่งที่สัมผัสมาเป็นอย่างไร สามารถอ่านได้ในบทความ พรีวิว Elden Ring Nightreign นี้
รูปแบบการเล่น
ในการทดลองเล่นทั้งหมด 9 รอบ เราพบว่ามีจุดเริ่มต้นให้เลือก 2 จุด ซึ่งในเดโมปัจจุบัน จุดเกิดของผู้เล่นจะเป็นตัวกำหนดว่าบอสตัวถัดไปที่ต้องเจอคืออะไร ตัวอย่างเช่น หากผู้เล่นเริ่มที่ Spawn Point 1 จะได้เผชิญหน้ากับ Centipede Demon และ Fell Omen ขณะที่ Spawn Point 2 จะนำไปสู่ชุดบอสที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ ลำดับของบอสตัวอื่นๆ จะถูกกำหนดแบบตายตัว ทำให้ผู้เล่นสามารถคาดการณ์ว่าจะมีอะไรรอเราอยู่ได้ตั้งแต่เลือกจุดเกิด (หมายเหตุ: นี่เป็นเพียงรูปแบบที่ใช้ในเวอร์ชันพรีวิวและ CBT เท่านั้น ตามที่โปรดิวเซอร์ให้สัมภาษณ์ เวอร์ชันเต็มจะมีระบบสุ่มจุดเกิดและบอส)
รูปแบบการเล่นมีช่วงที่ชัดเจน: บิน → ลงจอด → ฟาร์ม (กำจัดศัตรู ค้นหาหีบ ค้นหาโบสถ์ และหาอาวุธและบัฟที่ดีขึ้น) → Night’s Tide Zone (บริเวณศูนย์กลางของ Erdtree) → ต่อสู้กับมอนสเตอร์ใหญ่ → เผชิญหน้ากับ Nightlord → วันถัดไป → วนซ้ำ กลไกนี้จะดำเนินต่อไปทุกวันจนกว่าจะถึงการต่อสู้กับ Nightlord ครั้งถัดไป

หากเพื่อนร่วมทีมตายเพราะ HP หมด ผู้เล่นสามารถชุบชีวิตได้โดยโจมตีใกล้ตัวพวกเขา 3-4 ครั้ง แต่ยิ่งตายบ่อยเท่าไหร่ ยิ่งต้องโจมตีมากขึ้นเพื่อชุบชีวิต สำหรับสายเวทย์ก็สามารถใช้เวทมนตร์ในการชุบชีวิตได้เช่นกัน
ในช่วงเวลากลางวัน การฟาร์มและอัปเลเวลให้เร็วที่สุดเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้กับ Nightlord ในตอนกลางคืน เมื่อถึงเวลากลางคืน Erdtree จะปรากฏขึ้นบนแผนที่ และเขตเพลิงสีน้ำเงินที่หดตัวลง (Night Tide) จะบังคับให้ผู้เล่นต้องเข้าไปใกล้ หากอยู่ด้านนอกเขตจะเสีย HP อย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจึงจำเป็นต้องเข้าไปในเขตก่อนที่ HP จะหมด จากนั้นผู้เล่นควรหาจุดต่อสู้ดีๆ ใกล้กับ Erdtree เพื่อเผชิญหน้ากับ Nightlord อย่างมีประสิทธิภาพ

ระบบพัฒนาและความก้าวหน้าตัวละคร
การอัปเลเวลยังคงต้องใช้ runes โดยระดับที่สูงขึ้นต้องใช้ runes มากขึ้น อย่างไรก็ตามต่างจากเกมต้นฉบับ Nightreign ไม่อนุญาตให้ผู้เล่นเลือกอัปค่าสถานะด้วยตัวเอง ทุกครั้งที่เลเวลเพิ่มขึ้น สถานะจะถูกบูสต์แบบตายตัว runes สามารถได้รับจากการกำจัดศัตรู มอนสเตอร์ระดับสูง และบอส
ระบบช่องเก็บของได้รับการปรับใหม่ โดยตอนนี้ผู้เล่นสามารถพกอาวุธได้ 3 ชิ้นต่อมือหนึ่งข้าง ติดตั้ง talismans ได้ 2 ชิ้น และไอเทมกดใช้ได้ 4 ชิ้น
อาวุธในเกมมีค่าพลังและสกิลติดตัวแบบสุ่ม และเนื่องจากไม่มีระบบจัดสรรค่าสถานะ อาวุธทุกชิ้นจึงมีข้อกำหนดเพียงเลเวลตัวละครเท่านั้น ไม่มีระบบจำกัดน้ำหนัก ทำให้ตัวละครทั้ง 8 ตัวสามารถใช้อาวุธประเภทใดก็ได้ จุดน่าสนใจคือเอฟเฟกต์ติดตัวของอาวุธทั้งหมดจะทำงานอยู่เสมอ ไม่ว่าจะถืออาวุธนั้นอยู่หรือไม่ ทำให้บางอาวุธเน้นแค่ถือเอาบัฟอย่างเดียวก็ยังได้ ส่วนวิธีอัปเกรด สามารถอัปเกรดได้โดยใช้ smithing stones ซึ่งพบได้ใกล้ร้านค้า อาวุธระดับสูงจะต้องใช้ smithing stones หายากมากขึ้น โดยสามารถซื้อจากร้านค้า ค้นหาในหีบ ทำลายฉาก หรือดรอปจากศัตรู

เมื่อจบแต่ละรอบ ผู้เล่นจะได้รับ relics และ Marks (สกุลเงินในเกม) relics จะเพิ่มพลังให้ตัวละครแบบถาวร โดยมี 4 สี (แดง น้ำเงิน เหลือง เขียว) และ 3 ระดับความหายาก แต่ละ relic จะมีคุณสมบัติแบบสุ่ม 1-3 อย่าง ตัวละครแต่ละตัวมีช่อง relics เฉพาะที่แตกต่างกัน ทำให้สามารถปรับแต่งแนวทางการเล่นในแต่ละรอบได้ Marks ในเวอร์ชันพรีวิวยังไม่สามารถใช้ได้ แต่มีแนวโน้มว่าจะเป็นสกุลเงินสำหรับอัปเกรดหรือซื้อ relics ระดับสูงขึ้น หรือใช้แลกเปลี่ยน relics ที่ไม่ต้องการ

แผนที่และตัวละคร
พรีวิวนี้นำเสนอแผนที่รูปทรงสี่เหลี่ยมที่ให้ความรู้สึกคล้ายกับ Limgrave ในเกมต้นฉบับ พื้นที่เต็มไปด้วยทุ่งหญ้าและป่าไม้ รวมถึงจุดสังเกตที่คุ้นเคย เช่น Sites of Grace ซากปรักหักพัง ค่ายทหาร ศาลเจ้า ถ้ำ และดันเจี้ยน ที่มีฟังก์ชันคล้ายของเดิม
เกมยังเพิ่มระบบบิน โดยผู้เล่นสามารถเรียกอินทรีย์โดยโต้ตอบกับต้นไม้สีน้ำแข็งที่อยู่ใกล้หน้าผา อินทรีย์จะบินตามเส้นทางที่กำหนดไว้ และแม้ว่าผู้เล่นจะไม่สามารถควบคุมทิศทางได้ แต่สามารถเลือกลงจากอินทรีย์ก่อนถึงจุดหมายสุดท้ายได้ ซึ่งต้นไม้ดังกล่าวรวมถึงจุดหมายปลายทางว่านกจะบินไปส่งเราตรงจุดใด บินผ่านจุดไหนบ้าง ก็ช่วยในการวางแผนล่วงหน้าว่าเราจะมีเส้นทางในการฟาร์มของแบบใด
ข้อที่น่าสนใจคือเกมนี้ไม่มีดาเมจจากการตกจากที่สูง ผู้เล่นสามารถกระโดดสองครั้งและไต่กำแพงได้ แล้วก็โดดลงหน้าผาไปแบบไม่แคร์ใคร ทำให้การเดินทางมีความยืดหยุ่นมากขึ้น แม้แต่การตกจากที่สูง ก็สามารถใช้ Spirit Springs สีม่วงที่กระจายอยู่ตามหน้าผาเพื่อตีลังกากลับขึ้นไปได้ทันที นอกจากนี้ แผนที่ยังมีขอบเล็กๆ สำหรับช่วยให้การกระโดดข้ามพื้นที่ต่างๆ น่าตื่นเต้นยิ่งขึ้น

ในพรีวิวนี้เปิดให้เราเล่นตัวละคร 4 คลาส ได้แก่ Wlyder (Warrior) Guardian (Tank) Duchess (Assassin) และ Recluse (Mage) แต่ละตัวมีสไตล์การเล่นที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง รวมถึงทักษะเฉพาะตัว ทำให้ระดับความยากของเกมนั้นส่งผลจากตัวละครที่เลือกเล่นอย่างชัดเจน การทดลองเล่นแต่ละตัวละครเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้เข้าใจว่าแต่ละคนที่เข้ามาเล่นใน co-op นั้นสามารถทำอะไรได้บ้าง ไม่เช่นนั้นอาจจะงงว่า เพื่อนกำลังรำอะไรอยู่กันแน่

ระบบบอส
ในบางครั้ง จะมีอีเวนต์ที่บอสจะปรากฏตัวในเกม เช่น Fell Omen จาก Elden Ring ภาคต้นฉบับ ในบรรดา 9 รอบที่เราเล่น เราได้เผชิญหน้ากับบอสตัวนี้อย่างน้อย 2 ครั้ง การพบเจอบอสจะมีสัญญาณเตือนเป็นเสียง ตามด้วยการที่บอสล็อคเป้าหมายไปที่ผู้เล่นคนหนึ่ง (มีสัญลักษณ์สีแดงแสดงอยู่) ผู้เล่นที่ถูกล็อคเป้าหมายไม่สามารถหนีได้ ทำให้ต้องร่วมมือกันจัดการบอสให้เร็วที่สุดเพื่อเอาชีวิตรอด โดยการเอาชนะบอสนี้ก็จะมีรางวัลจากเป็นบัฟที่แข็งแกร่งและ runes จำนวนมาก
เรายังพบกับบอสที่น่าสนใจหลายตัว รวมถึง Centipede Demon จาก Dark Souls ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเกมอาจนำบอสจากซีรีส์เก่ากลับมาอีกในอนาคต และถือเป็นอีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจในการทำให้เกมเป็นกึ่ง live-service ด้วยการเพิ่มบอสใหม่ๆ เข้าไปเรื่อยๆ เพราะ soulslike จุดเด่นนั้นอยู่กับบอสอยู่แล้ว

สรุป พรีวิว Elden Ring Nightreign
พรีวิวนี้ใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง โดยเราได้ทดลองเล่นทั้งหมด 9 รอบ โดยรวมแล้วถือเป็นประสบการณ์ที่สนุกและน่าตื่นเต้น ระบบการต่อสู้ยังคงเอกลักษณ์ของ Elden Ring ไว้ได้อย่างดี พร้อมกับการผสานกลไก co-op แบบใหม่ที่เพิ่มมิติให้กับเกม ทำให้เกมรู้สึกสดใหม่และน่าสนใจ ระบบที่เรียบง่าย ช่วยให้ผู้เล่นหน้าใหม่สามารถทำความเข้าใจได้ง่ายขึ้น ขณะที่ผู้เล่นที่มีประสบการณ์จะยังคงพบกับความท้าทายและกลยุทธ์ที่หลากหลายให้ได้ทดลอง ตลอดการเล่นเดโม เราได้พบกับตัวละครที่คุ้นเคยจากภาคหลัก พร้อมกับความท้าทายที่เข้มข้นขึ้นและรวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งสร้างความตื่นเต้นในรูปแบบใหม่

จุดเด่นของเกมนี้คือระบบ multiplayer team-based ที่ช่วยเพิ่มความสนุกและความไม่จำเจให้กับการเล่น ในแต่ละรอบ ผู้เล่นสามารถเลือกบทบาทที่แตกต่างกัน เช่น tank, damage dealer หรือ support ซึ่งแต่ละตัวละครจะมีความสามารถเฉพาะตัวและสไตล์การเล่นที่แตกต่างกันไป การออกแบบนี้ช่วยเพิ่มความหลากหลายและความลึกเชิงกลยุทธ์ให้กับเกมได้เป็นอย่างมาก ในโหมด co-op การสื่อสารและการทำงานเป็นทีมเป็นสิ่งสำคัญ บางคนอาจต้องรับหน้าที่ tanking รับดาเมจจากบอส บางคนต้องคอย healing และ support ในขณะที่ทีมต้องทำงานร่วมกันเพื่อเอาชนะความท้าทาย ความรู้สึกของการร่วมมือกันและการเอาชนะบอสสุดหินไปด้วยกันเป็นสิ่งที่เกมเล่นคนเดียวไม่สามารถมอบให้ได้
การออกแบบบอสเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นที่สำคัญ พวกมันมีรูปแบบการโจมตีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว หรือสามารถเรียกลูกน้องออกมาขัดจังหวะทีมของผู้เล่น สิ่งเหล่านี้ทำให้ผู้เล่นต้องวางแผนและทำงานเป็นทีมอย่างรัดกุม และเมื่อสามารถเอาชนะบอสได้ มันจะให้ความรู้สึกของความสำเร็จที่แทบหาไม่ได้จากที่อื่น
Elden Ring Nightreign เตรียมวางจำหน่ายในวันที่ 30 พฤษภาคมนี้ บน PlayStation 4, PlayStation 5, Xbox One, Xbox Series และ PC ผู้ที่สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมผ่านเว็บไซต์ทางการ
อย่าลืมติดตาม Gamer555 เพื่อไม่พลาดข่าวสารเพิ่มเติมที่น่าสนใจ
Discussion about this post